พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการร้องคัดค้านการเลือกตั้ง: คำร้องนับคะแนนใหม่ไม่ใช่คำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง
ตามคำขอของผู้ร้อง ผู้ร้องประสงค์เพียงให้นับคะแนน ใหม่และให้ถือผลการนับคะแนนใหม่เท่านั้น มิได้ ร้องคัดค้านเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ คำร้องของ ผู้ร้องจึงมิใช่คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 และไม่มีบทบัญญัติ ใดให้สิทธิแก่ผู้ร้องที่จะร้องคัดค้านขอให้มีการนับคะแนน ใหม่และถือเอาผลการนับคะแนนใหม่ได้คำร้องของผู้ร้องจึงไม่ใช่กรณีที่จะต้องใช้สิทธิ ทางศาลตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 78,79 ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ผู้ร้อง ไม่มีอำนาจร้องคัดค้านการเลือกตั้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอนับคะแนนใหม่ไม่ชอบด้วยกฎหมายการเลือกตั้งส.ส. ผู้ร้องไม่มีอำนาจฟ้อง
พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 78บัญญัติให้ผู้สมัครที่เห็นว่าการเลือกตั้ง หรือการที่บุคคลใดได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้แต่คำร้อง ของ ผู้ร้องอ้างเพียงว่า ผลการนับคะแนนที่ทางราชการประกาศ ไม่ตรงกับยอดการนับคะแนนของอำเภอทำให้ผู้ร้องได้คะแนนไม่ตรงกับความจริงและตามคำขอของผู้ร้องผู้ร้องประสงค์เพียงให้นับคะแนนใหม่และให้ถือผลการนับคะแนนใหม่เท่านั้น หาได้ร้องคัดค้านเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ไม่ จึงมิใช่คำร้องตามมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว และไม่มีบทบัญญัติใดให้สิทธิผู้ร้องที่จะร้องคัดค้านขอให้มีการนับคะแนนใหม่ และถือเอาผลการนับคะแนนใหม่ได้ จึงมิใช่กรณีที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล ตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 78,79ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 55 ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องคัดค้านการเลือกตั้งเป็นคดีนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลือบคลุม ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากไม่แสดงสภาพแห่งข้อหาชัดเจน
(คำสั่งศาลฎีกาที่ 56/2536) คำร้องของ ผู้ร้องที่ว่าเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดสมุทรสาคร มีเขตพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอกระทุ่มแบนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแต่ละอำเภอ มีกรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนซึ่งเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะเขตพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบนมี ช.นายอำเภอกระทุ่มแบน เป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนในเขตพื้นที่ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จำนวน 43 หน่วยเลือกตั้ง ในเขตพื้นที่ อำเภอบ้านแพ้ว จำนวน 31 หน่วยเลือกตั้ง ได้นับคะแนนไม่ตรงกับความจริงในบัตรเลือกตั้ง อ่านบัตรเลือกตั้งของผู้ร้องหมายเลข 7 เป็นของผู้สมัครหมายเลข 1 บ้าง เป็นของผู้สมัครหมายเลข 5 บ้าง หรือเป็นของผู้สมัครอื่นบ้างอ่านบัตรดีของผู้ว่าเป็นบัตรเสียบ้าง อ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลข 5 เป็นบัตรดีบ้าง และอ่านบัตรที่ลงคะแนนให้ผู้ร้องเป็นบัตรที่ไม่ลงคะแนนบ้าง ทั้งกระทำหรือละเว้นกระทำด้วยประการใด ๆ ทำให้คะแนนของผู้ร้องเปลี่ยนแปลงลดลง และมีผลให้คะแนนของ อ. ผู้สมัคร รับเลือกตั้งหมายเลข 5 มีคะแนนเพิ่มขึ้น ทำให้คะแนนรวมทั้งหมดของ อ.มากกว่าคะแนนของผู้ร้อง 344 คะแนน และได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสาคร การบรรยายคำร้องใน ลักษณะนี้มิใช่การแสดงถึงสภาพแห่งข้ออ้างและข้อหาของผู้ร้อง โดยแจ้งชัด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง หากแต่เป็นคำร้องที่กล่าวถึงข้อเท็จจริงคลุม ๆ และรวมกันมา คำร้องของผู้ร้องจึงทำให้ผู้มีส่วน ได้เสียจากเหตุตามคำร้องเสียเปรียบ ไม่อาจเข้าใจและยื่นคำ คัดค้านได้ตรงกับรูปเรื่อง จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม แม้ศาลชั้นต้นจะส่งความเห็นไปยังศาลฎีกา โดยไม่ดำเนิน กระบวนพิจารณาไต่สวนคำร้อง หรือในกรณีที่เห็นว่าอาจทำให้ ความเห็นได้ไม่ต้องให้คู่ความสืบพยานและสั่งงดการไต่สวน แต่ไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวก็ตาม ศาลฎีกาก็มี อำนาจมีคำสั่งในเรื่องนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยุบสภาและผลกระทบต่อคดีเลือกตั้ง: ศาลฎีกาจำหน่ายคดีเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้ ยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นการ เลือกตั้งทั่วไป ดังนั้น ที่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการ เลือกตั้งใหม่ จึงเป็นกรณีที่ศาลฎีกาไม่สามารถจะสั่งให้ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาจำหน่ายคดีจากสารบบความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5899/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องชัดเจนและมีข้อเท็จจริงเพียงพอ หากคลุมเครือศาลยกคำร้อง
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองด้วย
คำร้องของผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า กรรมการตรวจคะแนนลงคะแนนเอง ลงชื่อแทนผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ไม่มาใช้สิทธิ ไม่จดหมายเลขกับสถานที่ออกบัตรประจำตัวประชาชนในบัญชีผู้มีสิทธิ เลือกตั้งและที่จดไว้ก็ไม่ตรงกับความจริง การนับคะแนนของคณะกรรมการทุกหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงต่อความเป็นจริงที่ปรากฏในบัตรเลือกตั้งโดยอ่านบัตร เลือกตั้งหมายเลขของผู้ร้องเป็นหมายเลขอื่นทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลง คณะกรรมการกตรวจคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งกรอกคะแนนลงในแบบรายงานแสดงผลของการนับคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ตรงกับคะแนนที่อ่านได้ โดยลงคะแนนของผู้ร้องแล้วเพิ่มคะแนนให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงโดยลดคะแนนของผู้ร้องลงและบวกคะแนนเพิ่มให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นนั้นเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม เพราะไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใดของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใด ของอำเภอใดเป็นผู้กระทำเช่นนั้นและที่อ้างว่ากรรมการตรวจคะแนนและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งรวมคะแนนผิดไปจากความจริงนั้น ความจริงมีจำนวนเท่าใดก็ไม่ปรากฏผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งและส่อแสดงว่าเป็นการคาดคะเนเอาเอง จึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องของผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า กรรมการตรวจคะแนนลงคะแนนเอง ลงชื่อแทนผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ไม่มาใช้สิทธิ ไม่จดหมายเลขกับสถานที่ออกบัตรประจำตัวประชาชนในบัญชีผู้มีสิทธิ เลือกตั้งและที่จดไว้ก็ไม่ตรงกับความจริง การนับคะแนนของคณะกรรมการทุกหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงต่อความเป็นจริงที่ปรากฏในบัตรเลือกตั้งโดยอ่านบัตร เลือกตั้งหมายเลขของผู้ร้องเป็นหมายเลขอื่นทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลง คณะกรรมการกตรวจคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งกรอกคะแนนลงในแบบรายงานแสดงผลของการนับคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ตรงกับคะแนนที่อ่านได้ โดยลงคะแนนของผู้ร้องแล้วเพิ่มคะแนนให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงโดยลดคะแนนของผู้ร้องลงและบวกคะแนนเพิ่มให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นนั้นเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม เพราะไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใดของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใด ของอำเภอใดเป็นผู้กระทำเช่นนั้นและที่อ้างว่ากรรมการตรวจคะแนนและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งรวมคะแนนผิดไปจากความจริงนั้น ความจริงมีจำนวนเท่าใดก็ไม่ปรากฏผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งและส่อแสดงว่าเป็นการคาดคะเนเอาเอง จึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5899/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องชัดเจนเฉพาะเจาะจงข้อกล่าวหา หากคลุมเครือศาลไม่รับพิจารณา
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172วรรคสองด้วย คำร้อง ของ ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า กรรมการตรวจคะแนนลงคะแนนเอง ลงชื่อแทนผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ไม่มาใช้สิทธิไม่จดหมายเลขกับสถานที่ออกบัตรประจำตัวประชาชนในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งและที่จดไว้ก็ไม่ตรงกับความจริง การนับคะแนนของคณะกรรมการทุกหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงต่อความเป็นจริงที่ปรากฏในบัตรเลือกตั้งโดยอ่านบัตรเลือกตั้งหมายเลขของผู้ร้องเป็นหมายเลขอื่นทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลงคณะกรรมการตรวจคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งกรอกคะแนนลงในแบบรายงานแสดงผลของการนับคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ตรงกับคะแนนที่อ่านได้โดยลดคะแนนของผู้ร้องแล้วเพิ่มคะแนนให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงโดยลดคะแนนของผู้ร้องลงและบวกคะแนนเพิ่มให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นนั้นเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม เพราะไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด ของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใด ของอำเภอใดเป็นผู้กระทำเช่นนั้นและที่อ้างว่ากรรมการตรวจคะแนนและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งรวมคะแนนผิดไปจากความจริงนั้น ความจริงมีจำนวนเท่าใดก็ไม่ปรากฏ ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งและส่อแสดงว่าเป็นการคาดคะเนเอาเอง จึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดีไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5565/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. ต้องเป็นไปตาม กม.เฉพาะ และคำร้องต้องชัดเจนตามหลักวิธีพิจารณาความแพ่ง
พระราชบัญญัติ ญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 78 บัญญัติเหตุอันจะพึงร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ไว้โดยเฉพาะว่าต้องมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26,32,34,51 หรือมาตรา 52 เท่านั้นตามคำร้องของผู้ร้องที่อ้างเหตุคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 2และผู้คัดค้านที่ 3 ผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยตนเองหรือตัวแทนของตนได้ให้อามิสสินจ้างแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 นั้น จึงเป็นข้อกล่าวหาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดต้องระวางโทษตามมาตรา 84 มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 78 ส่วนที่อ้างเหตุคัดค้านว่าผู้คัดค้านที่ 3 ได้พิมพ์โฆษณารูปผู้ร้อง ชื่อพรรคซึ่งผู้ร้องสังกัดอยู่และชื่อผู้ร้องในแผ่นพิมพ์โฆษณา แต่บอกหมายเลขประจำตัวของผู้คัดค้านที่ 3 ไว้ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งตามหมายเลขดังกล่าวซึ่งไม่เป็นความจริงนั้นก็เป็นข้อกล่าวหาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 67 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องระวางโทษตามมาตรา 84 มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามมาตรา 78 จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบจะรับไว้พิจารณาพระราชบัญญัติ ญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 79 บัญญัติให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงเป็นคำฟ้องตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 1(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งจะต้องชอบด้วยมาตรา 172 วรรคสอง แต่ผู้ร้องบรรยายมาในคำร้องว่า เจ้าหน้าที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้แกล้งทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหล่นหายและขีดฆ่าชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางคนซึ่งมีตัวตนออกโดยพลการ มิได้บรรยายให้แจ้งชัดว่ากรรมการผู้ใดได้แกล้งทำบัญชีรายชื่อหล่นหายหรือขีดฆ่าชื่อผู้ใดซึ่งมีสิทธิเลือกตั้งออก พอที่จะให้เข้าใจได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใดประจำหน่วยเลือกตั้งใดจงใจไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่ หรือกระทำการอันใดเพื่อขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 52จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลฎีกาในคดีคัดค้านการเลือกตั้ง และการพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของคำร้อง
กระบวนพิจารณาคดีการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 บัญญัติไว้เป็นพิเศษในมาตรา 78 และ 79 ว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่กฎหมายมอบหมายให้ศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งกระทำการแทนศาลฎีกา ส่วนความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวที่ได้ส่งมายังศาลฎีกาพร้อมกับสำนวนนั้นก็เป็นเพียงข้อเสนอแนะต่อศาลฎีกาโดยตรง ไม่มีลักษณะเป็นคำพิพากษาหรือคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่คู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียจะโต้แย้งคัดค้านได้ และในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีศาลฎีกาก็มิได้ถูกผูกมัดโดยความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวนั้นด้วย ในกรณีที่เห็นสมควร ศาลฎีกาอาจจะมีคำวินิจฉัยคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปได้โดยไม่จำต้องรอฟังความเห็นของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่ง.
ในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นศาลแพ่งมีคำสั่งว่า จะพิจารณารวมสั่งเมื่อมีคำสั่ง ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเสียเองได้
คำร้องบรรยายว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งในเขต 8 กรุงเทพมหานครทุกหน่วยจงใจนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 ให้ผิดไปจากความจริงหรือรวมคะแนนให้ผิดไปจากความเป็นจริงโดยกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นบัตรเสียให้เป็นบัตรดีจำนวน 50 คะแนน ทำให้ผู้คัดค้านที่ 2ได้รับคะแนนเพิ่มไปจากความเป็นจริง 50 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข1 และกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นบัตรดีให้เป็นบัตรเสียจำนวน 690 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้ง บัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 2 ทำให้ผู้ร้องได้คะแนนน้อยไปจากความเป็นจริง 690 คะแนน เช่นนี้จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งดังกล่าวได้ตามมาตรา 78 และบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็มีรายละเอียดชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง นับได้ว่าคำร้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น กรณีต้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 โดยชอบแล้ว คำร้องของผู้ร้องไม่เคลือบคลุม.
ในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นศาลแพ่งมีคำสั่งว่า จะพิจารณารวมสั่งเมื่อมีคำสั่ง ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเสียเองได้
คำร้องบรรยายว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งในเขต 8 กรุงเทพมหานครทุกหน่วยจงใจนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 ให้ผิดไปจากความจริงหรือรวมคะแนนให้ผิดไปจากความเป็นจริงโดยกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นบัตรเสียให้เป็นบัตรดีจำนวน 50 คะแนน ทำให้ผู้คัดค้านที่ 2ได้รับคะแนนเพิ่มไปจากความเป็นจริง 50 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข1 และกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นบัตรดีให้เป็นบัตรเสียจำนวน 690 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้ง บัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 2 ทำให้ผู้ร้องได้คะแนนน้อยไปจากความเป็นจริง 690 คะแนน เช่นนี้จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งดังกล่าวได้ตามมาตรา 78 และบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็มีรายละเอียดชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง นับได้ว่าคำร้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น กรณีต้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 โดยชอบแล้ว คำร้องของผู้ร้องไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านการเลือกตั้งส.ส.: ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาความเคลือบคลุมของคำร้องได้โดยไม่ต้องรอความเห็นศาลชั้นต้น
กระบวนพิจารณาคดีการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 บัญญัติไว้เป็นพิเศษในมาตรา 78 และ 79 ว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่กฎหมายมอบหมายให้ศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งกระทำการแทนศาลฎีกา ส่วนความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวที่ได้ส่งมายังศาลฎีกาพร้อมกับสำนวนนั้นก็เป็นเพียงข้อเสนอแนะต่อศาลฎีกาโดยตรง ไม่มีลักษณะเป็นคำพิพากษาหรือคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่คู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียจะโต้แย้งคัดค้านได้ และในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีศาลฎีกาก็มิได้ถูกผูกมัดโดยความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวนั้นด้วย ในกรณีที่เห็นสมควร ศาลฎีกาอาจจะมีคำวินิจฉัยคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปได้โดยไม่จำต้องรอฟังความเห็นของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่ง
ในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นศาลแพ่งมีคำสั่งว่า จะพิจารณารวมสั่งเมื่อมีคำสั่ง ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเสียเองได้
คำร้องบรรยายว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งในเขต 8 กรุงเทพมหานคร ทุกหน่วยจงใจนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนของผู้ร้องและของผู้คัดค้านที่ 2 ให้ผิดไปจากความจริงหรือรวมคะแนนให้ผิดไปจากความเป็นจริง โดยกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นบัตรเสียให้เป็นบัตรดีจำนวน 50 คะแนน ทำให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้รับคะแนนเพิ่มไปจากความเป็นจริง 50 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 1 และกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นบัตรดีให้เป็นบัตรเสียจำนวน 690 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้ง บัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 2 ทำให้ผู้ร้องได้คะแนนน้อยไปจากความเป็นจริง 690 คะแนน เช่นนี้จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งดังกล่าวได้ตามมาตรา 78 และบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็มีรายละเอียดชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง นับได้ว่าคำร้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น กรณีต้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 โดยชอบแล้ว คำร้องของผู้ร้องไม่เคลือบคลุม
ในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นศาลแพ่งมีคำสั่งว่า จะพิจารณารวมสั่งเมื่อมีคำสั่ง ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเสียเองได้
คำร้องบรรยายว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งในเขต 8 กรุงเทพมหานคร ทุกหน่วยจงใจนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนของผู้ร้องและของผู้คัดค้านที่ 2 ให้ผิดไปจากความจริงหรือรวมคะแนนให้ผิดไปจากความเป็นจริง โดยกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นบัตรเสียให้เป็นบัตรดีจำนวน 50 คะแนน ทำให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้รับคะแนนเพิ่มไปจากความเป็นจริง 50 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 1 และกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นบัตรดีให้เป็นบัตรเสียจำนวน 690 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้ง บัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 2 ทำให้ผู้ร้องได้คะแนนน้อยไปจากความเป็นจริง 690 คะแนน เช่นนี้จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งดังกล่าวได้ตามมาตรา 78 และบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็มีรายละเอียดชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง นับได้ว่าคำร้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น กรณีต้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 โดยชอบแล้ว คำร้องของผู้ร้องไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องแสดงข้อหาชัดเจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิฉะนั้นศาลไม่รับพิจารณา
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองด้วย เมื่อเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ศาลก็ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 73 ได้บัญญัติถึงบัตรเลือกตั้งที่ถือว่าเป็นบัตรเสียไว้ถึง 6 ประเภท หรือชนิด เมื่อผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านคลุม ๆ มาว่า คณะกรรมการตรวจคะแนนของหน่วยเลือกตั้งหลายหน่วยของอำเภอชุมพวงได้จงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ได้อ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริง โดยอ่านบัตรดีของผู้ร้องให้เป็นบัตรเสียอ่านบัตรเสียของผู้อื่นเป็นบัตรดี มิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการตรวจคะแนนอ่านบัตรดีให้เป็นบัตรเสียชนิดไหน และอ่านบัตรเสียชนิดไหนให้เป็นบัตรดี จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนทำรายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการคนใดกระทำการอย่างไรและไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างไร เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างเหตุว่า คณะกรรมการอ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริงโดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่ากรรมการผู้ใด ที่หน่วยเลือกตั้งใด และการอ่านเช่นนั้นเป็นเหตุให้คะแนนของผู้ร้องน้อยกว่าความจริงประมาณเท่าใด หากน้อยกว่าความจริงเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ คำร้องข้อนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 73 ได้บัญญัติถึงบัตรเลือกตั้งที่ถือว่าเป็นบัตรเสียไว้ถึง 6 ประเภท หรือชนิด เมื่อผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านคลุม ๆ มาว่า คณะกรรมการตรวจคะแนนของหน่วยเลือกตั้งหลายหน่วยของอำเภอชุมพวงได้จงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ได้อ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริง โดยอ่านบัตรดีของผู้ร้องให้เป็นบัตรเสียอ่านบัตรเสียของผู้อื่นเป็นบัตรดี มิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการตรวจคะแนนอ่านบัตรดีให้เป็นบัตรเสียชนิดไหน และอ่านบัตรเสียชนิดไหนให้เป็นบัตรดี จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนทำรายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการคนใดกระทำการอย่างไรและไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างไร เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างเหตุว่า คณะกรรมการอ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริงโดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่ากรรมการผู้ใด ที่หน่วยเลือกตั้งใด และการอ่านเช่นนั้นเป็นเหตุให้คะแนนของผู้ร้องน้อยกว่าความจริงประมาณเท่าใด หากน้อยกว่าความจริงเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ คำร้องข้อนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง