พบผลลัพธ์ทั้งหมด 378 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6710/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินผิดแปลง ความสำคัญผิดและผลกระทบต่อสิทธิ
เดิมที่ดินตามโฉนดเลขที่ 573 และ 574 เป็นของเจ้าของคนเดียวกันได้มีการโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือกันมาหลายทอดโดยโอนโฉนดที่ดินไขว้กันด้วยความเข้าใจผิด โจทก์เจตนาซื้อที่ดินตามโฉนดเลขที่ 573 แต่ได้จดทะเบียนรับโฉนดเลขที่ 574 ส่วนจำเลยมีเจตนาซื้อที่ดินตามโฉนดเลขที่ 574 แต่ได้จดทะเบียนรับโอนโฉนดเลขที่ 573 จากผู้ขาย แม้จะได้มีการจดทะเบียนชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในโฉนดที่ดินเลขที่ 573 แต่เมื่อการมีชื่อจำเลยในโฉนดเป็นเพราะความสำคัญผิดของจำเลยและเจ้าของที่ดินเดิมซึ่งได้ยึดถือโฉนดไขว้กันมาตั้งแต่ต้นเช่นนี้ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วมายันโจทก์มาได้ไม่ โจทก์ย่อมให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 573 แลกเปลี่ยนกับโฉนดที่ดินเลขที่ 574 และจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงให้ถูกต้องตรงความจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6710/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยสำคัญผิดในโฉนด สิทธิของเจ้าของเดิมและผลของการจดทะเบียน
เดิมที่ดินตามโฉนดเลขที่573และ574เป็นของเจ้าของคนเดียวกันได้มีการโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือกันมาหลายทอดโดยโอนโฉนดที่ดินไขว้กันด้วยความเข้าใจผิดโจทก์เจตนาซื้อที่ดินตามโฉนดเลขที่573แต่ได้จดทะเบียนรับโฉนดเลขที่574ส่วนจำเลยมีเจตนาซื้อที่ดินตามโฉนดเลขที่574แต่ได้จดทะเบียนรับโอนโฉนดเลขที่573จากผู้ขายแม้จะได้มีการจดทะเบียนชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในโฉนดที่ดินเลขที่573แต่เมื่อการมีชื่อจำเลยในโฉนดเป็นเพราะความสำคัญผิดของจำเลยและเจ้าของที่ดินเดิมซึ่งได้ยึดถือโฉนดไขว้กันมาตั้งแต่ต้นเช่นนี้จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วมายันโจทก์มาได้ไม่โจทก์ย่อมให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่573แลกเปลี่ยนกับโฉนดที่ดินเลขที่574และจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงให้ถูกต้องตรงความจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6710/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยสำคัญผิดในโฉนด สิทธิในที่ดินยังคงเป็นของผู้ซื้อเดิม แม้จดทะเบียนผิดพลาด
เดิมที่ดินตามโฉนดเลขที่573และ574เป็นของเจ้าของคนเดียวกันได้มีการโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือกันหลายทอดโดยโอนโฉนดที่ดินไขว้กันด้วยความเข้าใจผิดโจทก์เจตนาซื้อที่ดินตามโฉนดเลขที่573แต่ได้จดทะเบียนรับโฉนดเลขที่574ส่วนจำเลยมีเจตนาซื้อที่ดินตามโฉนดเลขที่574แต่ได้จดทะเบียนรับโอนโฉนดเลขที่573จากผู้ขายแม้จะได้มีการจดทะเบียนชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในโฉนดที่ดินเลขที่573แต่เมื่อการมีชื่อจำเลยในโฉนดเป็นเพราะความสำคัญผิดของจำเลยและเจ้าของที่ดินเดิมซึ่งได้ยึดถือโฉนดไข้วกันมาตั้งแต่ต้นเช่นนี้จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วมายันโจทก์มาได้ไม่โจทก์ย่อมให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่573แลกเปลี่ยนกับโฉนดที่ดินเลขที่574และจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงให้ถูกต้องตรงความจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6710/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินผิดแปลงเนื่องจากความสำคัญผิด การบังคับให้ส่งมอบโฉนดและจดทะเบียนแก้ไขกรรมสิทธิ์
เดิมที่ดินตามโฉนดเลขที่ 573 และ 574 เป็นของเจ้าของคนเดียวกันได้มีการโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือกันมาหลายทอดโดยโอนโฉนดที่ดินไขว้กันด้วยความเข้าใจผิด โจทก์เจตนาซื้อที่ดินตามโฉนดเลขที่ 573แต่ได้จดทะเบียนรับโฉนดเลขที่ 574 ส่วนจำเลยมีเจตนาซื้อที่ดินตามโฉนดเลขที่ 574 แต่ได้จดทะเบียนรับโอนโฉนดเลขที่ 573 จากผู้ขาย แม้จะได้มีการจดทะเบียนชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในโฉนดที่ดินเลขที่ 573 แต่เมื่อการมีชื่อจำเลยในโฉนดเป็นเพราะความสำคัญผิดของจำเลยและเจ้าของที่ดินเดิมซึ่งได้ยึดถือโฉนดไขว้กันมาตั้งแต่ต้นเช่นนี้ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วมายันโจทก์มาได้ไม่ โจทก์ย่อมให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 573แลกเปลี่ยนกับโฉนดที่ดินเลขที่ 574 และจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงให้ถูกต้องตรงความจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6318/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาไม่อาจพิพากษาเกินคำขอ และมีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาเกินคำขอได้
โจทก์ฎีกาในเรื่องค่าเสียหายแต่ฎีกาโจทก์มิได้มีคำขอให้ใช้ค่าเสียหายด้วยศาลฎีกาย่อมไม่อาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้จึงไม่รับวินิจฉัย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6318/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอค่าเสียหายต้องระบุในฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่มีการขอ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาเกินคำขอได้
โจทก์ฎีกาในเรื่องค่าเสียหาย แต่ฎีกาโจทก์มิได้มีคำขอให้ใช้ค่าเสียหายด้วย ศาลฎีกาย่อมไม่อาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้จึงไม่รับวินิจฉัย
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6270/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีพิทักษ์ทรัพย์: เหตุสุดวิสัยและกรอบเวลา
เมื่อปรากฏว่าคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี การโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดีได้กระทำในชื่อใหม่ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมเป็นเหตุทำให้ผู้ร้องไม่อาจทราบว่าพ. และ อ. ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องก็คือ ก. และ ธ. จำเลยที่ 1 และที่ 2ในคดีนี้ซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และผู้คัดค้านได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น กรณีถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 และที่ 2 เด็ดขาดได้ และถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำขอขยายระยะเวลาหลังจากสิ้นระยะเวลาแล้วก็ได้ แต่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำขอขยายระยะเวลาเสียภายในเวลาอันสมควรที่ผู้ร้องอาจยื่นได้หลังจากที่ทราบเรื่องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว การที่ผู้ร้องเพิ่งยื่นคำขอรับชำระหนี้และขอขยายระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้หลังจากผู้ร้องทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสามเด็ดขาดนานถึงเกือบ 4 เดือน ผู้ร้องจึงไม่อาจขอให้ศาลขยายระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6270/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัย-พฤติการณ์พิเศษ-การทราบถึงคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์-ขยายเวลาขอรับชำระหนี้-ล้มละลาย
เมื่อปรากฏว่าคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี การโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ดีได้กระทำในชื่อใหม่ของจำเลยที่ 1 และที่ 2ย่อมเป็นเหตุทำให้ผู้ร้องไม่อาจทราบว่า พ.และอ.ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องก็คือ ก. และ ธ. จำเลยที่ 1และที่ 2 ในคดีนี้ซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และผู้คัดค้านได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น กรณีถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 และที่ 2เด็ดขาดได้ และถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำขอขยายระยะเวลาหลังจากสิ้นระยะเวลาแล้วก็ได้ แต่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำขอขยายระยะเวลาเสียภายในเวลาอันสมควรที่ผู้ร้องอาจยื่นได้หลังจากที่ทราบเรื่องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว การที่ผู้ร้องเพิ่งยื่นคำขอรับชำระหนี้และขอขยายระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้หลังจากผู้ร้องทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสามเด็ดขาดนานถึงเกือบ 4 เดือน ผู้ร้องจึงไม่อาจขอให้ศาลขยายระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6269/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลายหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด: สิทธิลูกหนี้ร่วมและข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
แม้หนี้ค่าภาษีอากรค้างตามฟ้องโจทก์เป็นหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดส.แต่จำเลยในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดส.ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดซึ่งต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1077(2)และมาตรา1087จำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วมดังนั้นเมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดส.ผิดนัดไม่ชำระหนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกชำระหนี้จากห้างหุ้นส่วนจำกัดส.หรือจำเลยคนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงก็ได้ตามแต่จะเลือกทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา291เมื่อหนี้ดังกล่าวอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนไม่น้อยกว่า50,000บาทโจทก์จึงฟ้องให้จำเลยล้มละลายได้โดยตรงทันทีมิใช่ว่าต้องขอให้จำเลยล้มละลายร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัดส.หรือต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา89แต่ทางเดียวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6269/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกหนี้ร่วมและสิทธิในการฟ้องล้มละลาย: หุ้นส่วนผู้จัดการรับผิดชอบหนี้ของห้างหุ้นส่วน
แม้หนี้ค่าภาษีอากรค้างตามฟ้องโจทก์เป็นหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดส. แต่จำเลยในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดซึ่งต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนไม่จำกัดจำนวน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1077 (2) และมาตรา 1087 จำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม ดังนั้นเมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.ผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกชำระหนี้จากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. หรือจำเลยคนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงก็ได้ตามแต่จะเลือกทั้งนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 291 เมื่อหนี้ดังกล่าวอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนไม่น้อยกว่า 50,000 บาท โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยล้มละลายได้โดยตรงทันที มิใช่ว่าต้องขอให้จำเลยล้มละลายร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. หรือต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 89 แต่ทางเดียวไม่