คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บรรเทิง มุลพรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 378 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5892/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องร้องซ้ำในคดีล้มละลายและการถอนการยึดทรัพย์ ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยแม้คู่ความมิได้ยกขึ้นอ้าง
ลูกหนี้ได้ยื่นคำร้องขอให้ถอนการยึดที่ดินคืนให้แก่ลูกหนี้และเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนอื่น โดยมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักในการขอคืนเช่นเดียวกับที่ลูกหนี้ยื่นคำร้องในคดีนี้ว่า เมื่อศาลชั้นต้นเห็นชอบด้วยกับการประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายของลูกหนี้และให้ยกเลิกการล้มละลายของลูกหนี้ กับให้ลูกหนี้มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ ลูกหนี้ย่อมหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงตามข้อตกลงในการประนอมหนี้ เมื่อการแบ่งแยกโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นทางสาธารณะยังไม่แล้วเสร็จ ที่ดินจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกหนี้และเจ้าของรวมคนอื่นอยู่และศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การยกเลิกการล้มละลายไม่กระทบถึงการใดที่ศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กระทำไปแล้วตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 137 กรณีตามคำร้องเป็นกรณีที่ได้กระทำไปแล้ว ไม่มีเหตุที่จะหยิบยกขึ้นพิจารณาใหม่หรือให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการยึดที่ดินตามคำร้องได้ยกคำร้อง และถึงที่สุดแล้ว ดังนั้น การที่ลูกหนี้กลับมาดำเนินกระบวนพิจารณาขอคืนโฉนดที่ดินเป็นคดีนี้อีกโดยมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักอย่างเดียวกัน จึงเท่ากับเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 ประกอบด้วย พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 ปัญหาข้อนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง แต่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5663/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถยนต์จากการขายทอดตลาดและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ติดขัดเนื่องจากทะเบียนซ้ำ ผู้ซื้อไม่สามารถฟ้องร้องในคดีล้มละลายได้
ตามคำร้องของผู้ร้องอ้างว่าป.เป็นผู้ซื้อรถยนต์กึ่งพ่วงได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วป. ขายต่อให้แก่ผู้ร้องผู้ร้องได้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนขนส่งจังหวัดเพื่อจดทะเบียนการโอนย้ายและเปลี่ยนทะเบียนใหม่แต่นายทะเบียนขนส่งจังหวัดไม่สามารถจดทะเบียนการโอนได้เพราะรถพ่วงเลขทะเบียนซ้ำกับรถทะเบียนรถคันอื่นขอให้มีคำสั่งให้นายทะเบียนขนส่งจังหวัดจดทะเบียนรถพ่วงให้แก่ผู้ร้องตามคำร้องขอผู้ร้องมิใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา146ในอันที่จะยื่นคำร้องเข้ามาในคดีในชั้นรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินได้หากผู้ร้องได้รับความเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับผู้เกี่ยวข้องต่างหากจากคดีในชั้นนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5663/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์รถจากการขายทอดตลาด: ข้อจำกัดในการจดทะเบียนกรณีทะเบียนซ้ำ และความเกี่ยวข้องกับคดีล้มละลาย
ตามคำร้องของผู้ร้องอ้างว่า ป.เป็นผู้ซื้อรถยนต์กึ่งพ่วงได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงาน-พิทักษ์ทรัพย์ แล้ว ป.ขายต่อให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องได้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนขนส่งจังหวัดเพื่อจดทะเบียนการโอนย้ายและเปลี่ยนทะเบียนใหม่ แต่นายทะเบียนขนส่งจังหวัดไม่สามารถจดทะเบียนการโอนได้เพราะรถพ่วงเลขทะเบียนซ้ำกับทะเบียนรถคันอื่นขอให้มีคำสั่งให้นายทะเบียนขนส่งจังหวัดจดทะเบียนรถพ่วงให้แก่ผู้ร้อง ตามคำร้องของผู้ร้อง มิใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146ในอันที่จะยื่นคำร้องเข้ามาในคดีในชั้นรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินได้ หากผู้ร้องได้รับความเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับผู้เกี่ยวข้องต่างหากจากคดีในชั้นนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5663/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถจากการขายทอดตลาดและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ติดปัญหาเลขทะเบียนซ้ำ ศาลไม่อำนาจสั่งจดทะเบียน
ป. ซื้อรถยนต์บรรทุกจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ป. ขายต่อให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องได้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนขนส่งจังหวัด เพื่อจดทะเบียนการโอนย้ายและเปลี่ยนทะเบียนใหม่ แต่นายทะเบียนไม่สามารถจดทะเบียนการโอนได้เพราะหมายเลขทะเบียนซ้ำกับทะเบียนรถคันอื่น ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียนขนส่งจังหวัดจดทะเบียนรถให้แก่ผู้ร้อง กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 ในอันที่จะยื่นคำร้องเข้ามาในคดีในชั้นรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินได้ หากผู้ร้องได้รับความเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับผู้เกี่ยวข้องต่างหากจากคดีในชั้นนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5494/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความบังคับคดีและการฟ้องล้มละลาย: โจทก์ต้องดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปีนับจากคำพิพากษา จึงจะฟ้องล้มละลายได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้แก่โจทก์3คดีโจทก์ชอบที่จะร้องขอบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสามภายในสิบปีนับแต่วันที่ศาลในคดีนั้นๆพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าในคดีแรกโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดแต่ไม่สามารถขายได้เพราะทรัพย์ที่ถูกยึดสูญหายและจำเลยทั้งสามชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนเป็นเงิน1,500,000บาทภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาก็ตามก็เป็นขั้นตอนของการบังคับคดีเมื่อหนี้ตามคำพิพากษาแต่ละคดีที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามล้มละลายโจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีเสียภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาโจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสามโจทก์จึงไม่อาจนำหนี้ที่พ้นกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าวแล้วมาฟ้องจำเลยทั้งสามให้ล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินในคดีล้มละลาย ศาลยกเลิกการล้มละลายทำให้ผู้ร้องหมดอำนาจบังคับคดี
เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์เด็ดขาดของจำเลยแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการจำนองและการโอนที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านซึ่งเป็นอำนาจและหน้าที่ของผู้ร้องที่จะต้องกระทำในคดีล้มละลายเพื่อรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้นำมาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายการกระทำของผู้ร้องจึงมิใช่กระทำการแทนจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้และการขอเพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทก็ปรากฏว่าเป็นกรณีพิพาทกันระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านเท่านั้นซึ่งเป็นอำนาจและหน้าที่โดยเฉพาะของผู้ร้องจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483เพื่อที่จะติดตามเอาทรัพย์สินที่เคยเป็นของจำเลยกลับคืนเข้ากองทรัพย์สินของจำเลยเพื่อจัดการแบ่งในระหว่างเจ้าหนี้นั้นเมื่อศาลได้ยกเลิกการล้มละลายผู้ร้องก็หมดอำนาจที่จะเก็บรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้อีกต่อไปแม้ว่าจำเลยหลุดพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายแล้วก็ตามจำเลยก็ไม่มีสิทธิขอให้บังคับในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการโอนและการจำนองให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินพิพาทปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ คำพิพากษาที่ให้เพิกถอนการโอนและการจำนองมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความคือระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านเมื่อการยกเลิกการล้มละลายมีผลทำให้ผู้ร้องหมดอำนาจที่จะรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยแล้วก็มีผลทำให้ผู้ร้องไม่สามารถบังคับคดีต่อไปได้หาใช่เป็นเรื่องการยกเลิกการล้มละลายจะเป็นการลบล้างคำพิพากษาหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมหลังล้มละลาย: สิทธิของเจ้าหนี้และลูกหนี้หลังยกเลิกการล้มละลาย
การยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองและการโอนที่ดินระหว่างจำเลยที่2กับผู้คัดค้านเป็นอำนาจและหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องกระทำในคดีล้มละลายเพื่อรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้นำมาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมิใช่กระทำแทนจำเลยที่2ซึ่งเป็นลูกหนี้แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายซึ่งมีผลทำให้จำเลยที่2หลุดพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายและการยกเลิกการล้มละลายทำให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หมดอำนาจที่จะรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยที่2ซึ่งมีผลทำให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถบังคับคดีต่อไปได้แต่จำเลยที่2ก็ไม่มีสิทธิขอให้บังคับในคดีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้เพิกถอนการโอนและการจำนองให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินพิพาทปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาได้เพราะคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวมีผลผูกพันเฉพาะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้คัดค้านเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหน้าที่ผู้ร้องในคดีล้มละลายและการบังคับคดีหลังยกเลิกการล้มละลาย
เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์เด็ดขาดของจำเลยแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการจำนองและการโอนที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นอำนาจและหน้าที่ของผู้ร้องที่จะต้องกระทำในคดีล้มละลายเพื่อรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้นำมาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ทั้งหลาย การกระทำของผู้ร้องจึงมิใช่กระทำการแทนจำเลย ซึ่งเป็นลูกหนี้และการขอเพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทก็ปรากฏว่าเป็นกรณีพิพาทกันระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านเท่านั้น ซึ่งเป็นอำนาจและหน้าที่โดยเฉพาะของผู้ร้องจะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 เพื่อที่จะติดตามเอาทรัพย์สินที่เคยเป็นของจำเลยกลับคืนเข้ากองทรัพย์สินของจำเลย เพื่อจัดการแบ่งในระหว่างเจ้าหนี้นั้น เมื่อศาลได้ยกเลิกการล้มละลาย ผู้ร้องก็หมดอำนาจที่จะเก็บรวบรวมทรัพย์สินของจำเลย เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้อีกต่อไป แม้ว่าจำเลยหลุดพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายแล้วก็ตาม จำเลยก็ไม่มีสิทธิขอให้บังคับในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้เพิกถอนการโอนและการจำนองให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินพิพาทปฏิบัติตามคำพิพากษาได้
คำพิพากษาที่ให้เพิกถอนการโอนและการจำนองมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความคือระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้าน เมื่อการยกเลิกการล้มละลายมีผลทำให้ผู้ร้องหมดอำนาจที่จะรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยแล้ว ก็มีผลทำให้ผู้ร้องไม่สามารถบังคับคดีต่อไปได้ หาใช่เป็นเรื่องการยกเลิกการล้มละลายจะเป็นการลบล้างคำพิพากษาหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5405/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่จำเลยที่ยึดครองที่ดินต่างส่วนกัน การคำนวณทุนทรัพย์คดี และการครอบครองปรปักษ์
จำเลยทั้งสองต่างเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของโจทก์คนละส่วนเป็นส่วนสัดแยกต่างหากจากกัน ซึ่งโจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองเป็นคนละคดีได้ แม้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสอง เข้ามาในคดีเดียวกัน แต่การพิจารณาว่าคดีมีทุนทรัพย์เท่าใด ย่อมจะต้องถือตามราคาที่ดินที่จำเลยแต่ละคนต่างเข้าไป ยึดถือครอบครองมิใช่นับรวมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตัดสิทธิทายาทและการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม: สิทธิทายาทนอกพินัยกรรมยังคงมีอยู่
ปัญหาที่ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกที่ดินให้แก่บ.และระบุไว้ในพินัยกรรมว่า"บุคคลอื่นใดที่มิได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ไม่มีสิทธิรับมรดกของข้าฯแต่อย่างใด"แสดงว่าผู้ตายมีเจตนายกทรัพย์มรดกทั้งตามพินัยกรรมและนอกพินัยกรรมให้แก่บ. แต่เพียงผู้เดียวและเป็นการตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดกนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ผู้ร้องจะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้โดยชัดแจ้งในคำแก้อุทธรณ์ก็ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคสอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1608ตัวทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกนั้นต้องระบุไว้ให้ชัดเจนแต่ตามข้อความในพินัยกรรมมิได้ระบุไว้ให้ชัดเจนว่าตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดกจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดกและเมื่อผู้ตายยังมีทรัพย์มรดกอื่นนอกจากทรัพย์มรดกที่ยกให้แก่บ.ตามพินัยกรรมผู้คัดค้านในฐานะทายาทจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมมีสิทธิร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ แม้ผู้คัดค้านจะเป็นทายาทมีสิทธิรับทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมของผู้ตายคนหนึ่งและไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกก็ตามแต่เมื่อผู้ตายได้ทำพินัยกรรมแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกและผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกแล้วก็สมควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามเจตนาของผู้ตาย
of 38