พบผลลัพธ์ทั้งหมด 695 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7009/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขาย: การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาด้วยพยานบุคคลขัดต่อหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ตามสัญญาจะซื้อจะขายไม่มีข้อความว่าจำเลยต้องจัดการให้ผู้เช่าขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินภายใน 2 เดือน นับแต่วันที่1 กันยายน 2533 การที่โจทก์อ้างและนำสืบว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญา เพราะไม่จัดการให้ผู้เช่าออกไปจากที่ดินพิพาท จึงเป็นการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งโจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงทำสัญญาเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสองการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารเช่นนี้ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)ไม่อาจรับฟังตามที่โจทก์นำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7009/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงในสัญญาจะซื้อจะขาย: ห้ามเปลี่ยนแปลงแก้ไขด้วยพยานบุคคล
ตามสัญญาจะซื้อจะขายไม่มีข้อความว่า จำเลยต้องจัดการให้ผู้เช่าขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินภายใน 2 เดือน นับแต่วันที่ 1กันยายน 2533 การที่โจทก์อ้างและนำสืบว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญา เพราะไม่จัดการให้ผู้เช่าออกไปจากที่ดินพิพาท จึงเป็นการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งโจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงทำสัญญาเป็นหนังสือตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 วรรคสอง การนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารเช่นนี้ จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 94 (ข) ไม่อาจรับฟังตามที่โจทก์นำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6954/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความต้องใช้สอยโดยสงบ เปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของ การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทางเข้าออกถือเป็นข้อตกลง ไม่เข้าข่ายอายุความ
การได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา1401ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วยซึ่งได้แก่มาตรา1382เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องได้ใช้สอยอสังหาริมทรัพย์อื่นโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาจะให้ได้สิทธิภารจำยอมในอสังหาริมทรัพย์นั้นติดต่อกันเป็นเวลา10ปีจึงจะได้ภารจำยอมเหนืออสังหาริมทรัพย์นั้น การช่วยออกเงินค่าทำท่อน้ำและดินลูกรังเพื่อให้เจ้าของที่ดินที่ทางพิพาทผ่านทำถนนเนื่องจากเจ้าของที่ดินได้ยกทางพิพาทให้เป็นทางผ่านจึงเป็นการใช้ทางพิพาทเข้าออกโดยมีข้อตกลงกับเจ้าของที่ดินถือไม่ได้ว่าได้ใช้ทางพิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินไม่เป็นการใช้ทางพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาได้สิทธิภารจำยอมจึงไม่ได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6954/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความได้สิทธิภาระจำยอม: การใช้ทางโดยมีข้อตกลงกับเจ้าของที่ดินไม่ถือเป็นการใช้โดยความสงบ
การได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา1401 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย ซึ่งได้แก่มาตรา 1382 เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องได้ใช้สอยอสังหาริมทรัพย์อื่นโดยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาจะให้ได้สิทธิภาระจำยอมในอสังหาริมทรัพย์นั้นติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จึงจะได้ภาระจำยอมเหนืออสังหาริมทรัพย์นั้น
การช่วยออกเงินค่าทำท่อน้ำและดินลูกรังเพื่อให้เจ้าของที่ดินที่ทางพิพาทผ่านทำถนน เนื่องจากเจ้าของที่ดินได้ยกทางพิพาทให้เป็นทางผ่าน จึงเป็นการใช้ทางพิพาทเข้าออกโดยมีข้อตกลงกับเจ้าของที่ดิน ถือไม่ได้ว่าได้ใช้ทางพิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดิน ไม่เป็นการใช้ทางพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาได้สิทธิภาระจำยอม จึงไม่ได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความ
การช่วยออกเงินค่าทำท่อน้ำและดินลูกรังเพื่อให้เจ้าของที่ดินที่ทางพิพาทผ่านทำถนน เนื่องจากเจ้าของที่ดินได้ยกทางพิพาทให้เป็นทางผ่าน จึงเป็นการใช้ทางพิพาทเข้าออกโดยมีข้อตกลงกับเจ้าของที่ดิน ถือไม่ได้ว่าได้ใช้ทางพิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดิน ไม่เป็นการใช้ทางพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาได้สิทธิภาระจำยอม จึงไม่ได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6938/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดอำนาจฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
เมื่อ คชก.ตำบลมิได้วินิจฉัยในข้อที่โจทก์ร้องขอ แทนที่โจทก์จะดำเนินการตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524มาตรา 56 วรรรคหนึ่ง โดยการอุทธรณ์ต่อ คชก.จังหวัด ในข้อที่ คชก.ตำบลมิได้พิจารณาวินิจฉัยตามที่โจทก์ร้องขอ แต่โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นคู่กรณีเสียเองโดยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีต้องเชื่อมโยงกับประโยชน์ที่พิพาทจริง
การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 264 นั้น คู่ความฝ่ายใดจะร้องขอก็ได้ แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอ เพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิ หรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้นได้รับความคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการบังคับคดีตามคำพิพากษา
โจทก์และจำเลยทั้งสองพิพาทกันเกี่ยวกับหุ้น โดยโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยชอบ จำเลยทั้งสองมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นพิพาทมาด้วย ซึ่งผลของคดีถ้าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายชนะ ศาลก็เพียงแต่พิพากษายกฟ้องโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การของจำเลยทั้งสองเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงเงินปันผลอันเป็นผลประโยชน์ของหุ้นพิพาทตามที่จำเลยทั้งสองร้องขอคุ้มครองได้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 264
โจทก์และจำเลยทั้งสองพิพาทกันเกี่ยวกับหุ้น โดยโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยชอบ จำเลยทั้งสองมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นพิพาทมาด้วย ซึ่งผลของคดีถ้าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายชนะ ศาลก็เพียงแต่พิพากษายกฟ้องโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การของจำเลยทั้งสองเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงเงินปันผลอันเป็นผลประโยชน์ของหุ้นพิพาทตามที่จำเลยทั้งสองร้องขอคุ้มครองได้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 264
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีต้องเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทโดยตรง หากไม่เกี่ยวก็ไม่สามารถคุ้มครองได้
การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264นั้นคู่ความฝ่ายใดจะร้องขอก็ได้แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอเพื่อให้ทรัพย์สินสิทธิหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้นได้รับความคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการบังคับคดีตามคำพิพากษา โจทก์และจำเลยทั้งสองพิพากษากันเกี่ยวกับหุ้นโดยโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์ไว้โดยชอบจำเลยทั้งสองมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นพิพาทมาด้วยซึ่งผลของคดีถ้าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายชนะศาลก็เพียงแต่พิพากษายกฟ้องโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การของจำเลยทั้งสองเท่านั้นไม่มีผลบังคับไปถึงเงินปันผลอันเป็นผลประโยชน์ของหุ้นพิพาทตามที่จำเลยทั้งสองร้องขอคุ้มครองได้คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นที่พิพาทจริง คดีนี้พิพาทเรื่องหุ้น ไม่ใช่เงินปันผล
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยไม่ชอบขอให้จำเลยทั้งสองคืนหุ้นและใบหุ้นที่ซื้อไว้โดยไม่ชอบให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นดังกล่าวและรับเงินค่าหุ้นนั้นคืนไปจากโจทก์จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าซื้อหุ้นไว้โดยชอบโดยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นดังนี้คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยขอให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวมาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดี ต้องเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินหรือสิทธิที่พิพาทในคดีเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยไม่ชอบขอให้จำเลยทั้งสองคืนหุ้นและใบหุ้นที่ซื้อไว้โดยไม่ชอบให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นดังกล่าวและรับเงินค่าหุ้นนั้นคืนไปจากโจทก์จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าซื้อหุ้นไว้โดยชอบโดยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นดังนี้คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยขอให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวมาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีหุ้น: เงินปันผลไม่เกี่ยวข้องกับผลคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยไม่ชอบ ขอให้จำเลยทั้งสองคืนหุ้นและใบหุ้นที่ซื้อไว้โดยไม่ชอบ ให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นดังกล่าวและรับเงินค่าหุ้นนั้นคืนไปจากโจทก์ จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าซื้อหุ้นไว้โดยชอบโดยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้น ดังนี้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยขอให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวมาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ย จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264