คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ทองเลื่อน พูลพิพัฒน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 695 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6177/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: ตัวแทนตรวจรับสินค้าถือว่าผู้ซื้อทราบความชำรุดแล้ว
ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขายเมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศจำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้าเมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่องตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกันต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้วดังนั้นการที่จำเลยส่งสินค้าไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของสินค้าเมื่อวันที่18เมษายน2531จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้นสิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่18เมษายน2531แล้วหาใช้ตั้งแต่วันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นไม่เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้วฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6177/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องชำรุดบกพร่อง: เริ่มนับจากวันที่ตัวแทนผู้ซื้อตรวจพบความชำรุด ไม่ใช่วันที่ผู้ซื้อทราบ
ตามปกติโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับสินค้าจากจำเลยผู้ขาย เมื่อโจทก์สั่งให้จำเลยส่งสินค้าที่ซื้อนั้นไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศจำเลยได้จัดการส่งสินค้าตามที่โจทก์สั่งเช่นนี้ ลูกค้าของโจทก์ผู้รับสินค้าย่อมเป็นตัวแทนของโจทก์โดยปริยายในการตรวจรับสินค้า เมื่อมีการตรวจพบว่าสินค้าชำรุดบกพร่อง ตัวแทนของโจทก์ย่อมตรวจพบได้ในวันนั้นเช่นกัน ต้องถือว่าโจทก์ได้ตรวจพบในวันนั้นแล้วดังนั้น การที่จำเลยส่งสินค้าไปยังลูกค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างประเทศตามคำสั่งของโจทก์และได้มีการตรวจพบความชำรุดบกพร่องของสินค้าเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2531 จึงต้องถือว่าโจทก์ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ซื้อจากจำเลยในวันนั้นสิทธิในการที่โจทก์จะฟ้องเพื่อให้จำเลยรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องเกิดมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2531 แล้ว หาใช่ตั้งแต่วันที่ลูกค้าของโจทก์แจ้งให้โจทก์ทราบถึงความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้นไม่ เมื่อนับวันที่โจทก์เกิดสิทธิฟ้องจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องพ้นเวลาหนึ่งปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานออกเช็คเพื่อชำระหนี้ต้องมีหนี้จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย การบรรยายฟ้องไม่ชัดเจนทำให้ฟ้องไม่ชอบ
การออกเช็คที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4นั้นจะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายข้อเท็จจริงที่ว่าการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายจึงเป็นองค์ประกอบการกระทำผิดด้วยโจทก์บรรยายฟ้องแต่ว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญามาตรา158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานออกเช็ค – การระบุหนี้ที่ต้องชำระที่ชัดเจนในฟ้อง
การออกเช็คที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4นั้นจะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายข้อเท็จจริงที่ว่าการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายจึงเป็นองค์ประกอบการกระทำความผิดด้วยโจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบการกระทำผิด พ.ร.บ.เช็ค: ต้องมีหนี้ที่แท้จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย
การออกเช็คที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 นั้น จะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย ข้อเท็จจริงที่ว่าการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย จึงเป็นองค์ประกอบการกระทำผิดด้วยโจทก์บรรยายฟ้องแต่ว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานออกเช็ค – การมีหนี้จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย
การออกเช็คที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 นั้น จะต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย ข้อเท็จจริงที่ว่าการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย จึงเป็นองค์ประกอบการกระทำความผิดด้วยโจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5858/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการทวงหนี้หลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ สิทธิเรียกร้องต้องเกิดขึ้นก่อนพิทักษ์ทรัพย์
กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้าน จะใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยดำเนินการทวงหนี้จากลูกหนี้ของจำเลยตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 นั้น สิทธิเรียกร้องของจำเลยต้องมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เพราะเหตุว่าเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ไม่ว่าจะพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวหรือพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตามจำเลยย่อมไม่มีอำนาจจัดกิจการและทรัพย์สินของตนเอง อำนาจดังกล่าวตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านเพียงผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 6,22,24

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5858/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการทวงหนี้หลังพิทักษ์ทรัพย์: สิทธิเรียกร้องต้องมีก่อนคำสั่งศาล
กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านจะใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยดำเนินการทวงหนี้จากลูกหนี้ของจำเลยตามพระราชบัญญัติ ล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา119นั้นสิทธิเรียกร้องของจำเลยต้องมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เพราะเหตุว่าเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วไม่ว่าจะพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวหรือพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตามจำเลยย่อมไม่มีอำนาจจัดกิจการและทรัพย์สินของตนเองอำนาจดังกล่าวตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านเพียงผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา6,22,24

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5858/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการทวงหนี้: สิทธิเรียกร้องต้องมีอยู่ก่อนคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านจะใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยดำเนินการทวงหนี้จากลูกหนี้ของจำเลยตามพระราชบัญญัติ ล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา119นั้นสิทธิเรียกร้องของจำเลยต้องมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เพราะเหตุว่าเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วไม่ว่าจะพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวหรือพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตามจำเลยย่อมไม่มีอำนาจจัดกิจการและทรัพย์สินของตนเองอำนาจดังกล่าวตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านเพียงผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา6,22,24

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5827/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทจำนวนเงินไม่ตรงกัน ศาลใช้จำนวนเงินตามตัวอักษร และแก้ไขคำสั่งค่าทนายความ
จำเลยเป็นผู้เขียนจำนวนเงินในเช็คพิพาท แต่เขียนจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษรกับตัวเลขไม่ตรงกัน เมื่อศาลไม่อาจหยั่งทราบเจตนาอันแท้จริงได้จึงต้องถือเอาจำนวนเงินที่เป็นตัวอักษรเป็นประมาณ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 12
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ โดยที่โจทก์และทนายโจทก์มิได้แก้อุทธรณ์หรือยื่นคำร้องหรือกระทำการใด ๆ ต่อศาลอันจะถือว่าเป็นการปฏิบัติในการดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
of 70