คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ณรงค์ ตันติเตมิท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 789 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยต้องพิสูจน์ความผิดซ้ำของลูกจ้างหลังการเตือน หากพิสูจน์ไม่ได้ ศาลแรงงานพิพากษาให้จ่ายค่าชดเชยและค่าสินจ้าง
จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ได้ฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยคำสั่งของจำเลยเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยมีสิทธิที่จะบอกเลิกการจ้างต่อโจทก์ได้ซึ่งจำเลยก็ได้บอกกล่าวต่อโจทก์เป็นหนังสือแล้วจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในเงินค่าชดเชยและค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าต่อโจทก์นั้นคดีนี้ศาลแรงงานวินิจฉัยว่าคำสั่งเลิกจ้างไม่ได้ระบุว่าโจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนเรื่องใดและจำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าหลังจากมีหนังสือเตือนแล้วโจทก์ยังได้กระทำผิดซ้ำในเรื่องที่มีหนังสือเตือนอีกข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยซึ่งได้เตือนเป็นหนังสือแล้วและฟังไม่ได้ว่าโจทก์จงใจขัดคำสั่งของจำเลยอันชอบด้วยกฎหมายหรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณดังนี้เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยคงกล่าวอ้างเพียงว่าโจทก์ได้ฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยโดยไม่ได้คัดค้านว่าคำวินิจฉัยของศาลแรงงานที่ว่าโจทก์ไม่ได้กระทำผิดซ้ำในเรื่องที่มีหนังสือเตือนแล้วและโจทก์ไม่ได้จงใจขัดคำสั่งของจำเลยหรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องอันจะเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์อย่างไรหรือไม่อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้งเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225วรรคหนึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยต้องรับผิดค่าชดเชยและค่าสินจ้าง
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ได้ฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลย คำสั่งของจำเลย เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมีสิทธิที่จะบอกเลิกการจ้างต่อโจทก์ได้ซึ่งจำเลยก็ได้บอกกล่าวต่อโจทก์เป็นหนังสือแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในเงินค่าชดเชยและค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าต่อโจทก์นั้น คดีนี้ศาลแรงงานวินิจฉัยว่า คำสั่งเลิกจ้างไม่ได้ระบุว่าโจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนเรื่องใด และจำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าหลังจากมีหนังสือเตือนแล้ว โจทก์ยังได้กระทำผิดซ้ำในเรื่องที่มีหนังสือเตือนอีก ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยซึ่งได้เตือนเป็นหนังสือแล้ว และฟังไม่ได้ว่าโจทก์จงใจขัดคำสั่งของจำเลยอันชอบด้วยกฎหมายหรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณ ดังนี้เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยคงกล่าวอ้างเพียงว่าโจทก์ได้ฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลย โดยไม่ได้คัดค้านว่าคำวินิจฉัยของศาลแรงงานที่ว่าโจทก์ไม่ได้กระทำผิดซ้ำในเรื่องที่มีหนังสือเตือนแล้ว และโจทก์ไม่ได้จงใจขัดคำสั่งของจำเลยหรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณ เป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องอันจะเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์อย่างไรหรือไม่ อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้ง เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบตาม ป.วิ.พ.มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3152/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ศาลใช้ดุลพินิจลดโทษเหมาะสมแล้ว
จำเลยมิได้ให้การรับสารภาพมาแต่ต้นโดยปฏิเสธสู้คดีมาตลอดจนสืบพยานโจทก์เสร็จและสืบพยานจำเลยไปบางส่วนแล้วทั้งตามสำนวนก็ปรากฏว่าจำเลยจะต่อสู้คดีต่อไปอีกอีกทั้งการที่จำเลยต่อสู้คดีอ้างเหตุไม่ต้องรับผิดว่าเป็นการป้องกันพี่ชายและไม่รู้ว่าผู้เสียหายเป็นเจ้าพนักงานนั้นล้วนเป็นการปฏิเสธคำรับสารภาพจึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาทั้งหมดที่ศาลควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งส่วนเหตุผลที่ว่าเป็นคดีมีโทษสูงซึ่งโจทก์ต้องสืบพยานประกอบอยู่แล้วก็หาใช่เหตุผลที่จะนำมาพิจารณาในกรณีนี้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3059/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย - การผิดสัญญา - การจดทะเบียนโอน - ค่าปรับ - การบังคับตามสัญญา
โจทก์ชำระค่างวดไม่ครบตามสัญญาแต่จำเลยหาได้ยกขึ้นเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาไม่กลับรับชำระหนี้ต่อแสดงว่าจำเลยมีความประสงค์จะให้บังคับตามสัญญาต่อไป สัญญา ซื้อขายเป็น สัญญาต่างตอบแทน โจทก์ในฐานะ ผู้ซื้อชอบที่จะปฏิเสธไม่ชำระราคาจนกว่าจำเลยผู้ขายจะยอม จดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้โจทก์ได้ไม่ถือว่าโจทก์ ผิดสัญญา ใน สัญญาจะซื้อจะขายกำหนด ค่าปรับไว้สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกัน ค่าปรับจึงสูงเกินส่วน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2890/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย: สิทธิบอกเลิกสัญญา vs. ค่าปรับรายวัน ศาลชี้ขาดสิทธิเรียกร้องตามสัญญา
ตามสัญญาข้อ9เป็นเรื่องกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือไม่ครบจำนวนและผู้ซื้อได้บอกเลิกสัญญาต่อผู้ขายส่วนสัญญาข้อ10กำหนดค่าปรับในกรณีผู้ซื้อไม่บอกเลิกสัญญาต่อผู้ขายและยังคงยินยอมให้ผู้ขายนำสิ่งของที่ตกลงขายตามสัญญามาส่งให้ผู้ซื้อต่อไปผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นรายวันได้ซึ่งต้องปรากฏว่าผู้ขายได้มีการส่งมอบสิ่งของแล้วจะครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ก็ตามแต่ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้เนื่องจากจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของทั้งหมดภายในกำหนดสัญญาโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันซึ่งเป็นการปฏิบัติตามสัญญาข้อ9โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ10อีก โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าปรับรายวันตามสัญญาการที่ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระค่าปรับรายวันแต่ใช้ดุลพินิจกำหนดให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน10,000บาทโดยอาศัยนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา391นั้นเป็นการพิพากษาเกินกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142วรรคแรกและเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2890/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับ vs. ค่าเสียหาย: ศาลพิพากษาเกินคำฟ้อง
ตามสัญญาข้อ 9 เป็นเรื่องกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือไม่ครบจำนวน และผู้ซื้อได้บอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย ส่วนสัญญาข้อ 10 กำหนดค่าปรับในกรณีผู้ซื้อไม่บอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย และยังคงยินยอมให้ผู้ขายนำสิ่งของที่ตกลงขายตามสัญญามาส่งให้ผู้ซื้อต่อไป ผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นรายวันได้ ซึ่งต้องปรากฎว่าผู้ขายได้มีการส่งมอบสิ่งของแล้วจะครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ก็ตาม แต่ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ เนื่องจากจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของทั้งหมดภายในกำหนดสัญญา โจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันซึ่งเป็นการปฏิบัติตามสัญญาข้อ 9 โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 10 อีก
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าปรับรายวันตามสัญญา การที่ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระค่าปรับรายวัน แต่ใช้ดุลพินิจกำหนดให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 10,000 บาท โดยอาศัยนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 นั้น เป็นการพิพากษาเกินกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคแรก และเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดคลองใกล้เขตที่ดินละเมิดสิทธิเจ้าของที่ดิน การขุดคลองก็ต้องอยู่ในบังคับระยะห่างตามกฎหมาย
"คลอง" คือสิ่งอื่นที่คล้าย "คู" จึงอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1342 ที่ต้องขุดห่างแนวเขตที่ดินข้างเคียงหนึ่งเมตรหรือกว่านั้น โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจัดการป้องกันความเสียหายอันจะเกิดแก่ความอยู่มั่นแห่งที่ดินของโจทก์ที่ติดต่อกับที่ดินที่จำเลยขุดคลอง มิใช่เรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด โดยตรง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากการขุดคลองใกล้เขตที่ดินของผู้อื่น และข้อยกเว้นอายุความ
"คลอง" ก็คือสิ่งอื่นที่คล้าย "คู" ดังนั้น การขุดคลองจึงต้องอยู่ในบังคับของ ป.พ.พ. มาตรา 1342 ด้วย
การที่จำเลยตกลงให้บริษัท ก.เข้าขุดคลองในที่ดินของจำเลยเพื่อประโยชน์ของจำเลยถือได้ว่าจำเลยต้องรู้เห็นและต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย เมื่อคลองที่ขุดขึ้นอยู่ห่างจากแนวเขตที่ดินของโจทก์ไม่ถึง 1 เมตร ตาม ป.พ.พ. มาตรา1342 วรรคสอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจัดการป้องกันความเสียหายอันจะเกิดแก่ความอยู่มั่นแห่งที่ดินของโจทก์ที่ติดต่อกับที่ดินที่จำเลยขุดคลอง มิใช่เรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดโดยตรง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ 1 ปี ตามป.พ.พ. มาตรา 448 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดคลองติดแนวเขตที่ดิน การละเมิด และอายุความของคำฟ้อง
"คลอง"คือสิ่งอื่นที่คล้าย"คู"จึงอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1342ที่ต้องขุดห่างแนวเขตที่ดินข้างเคียงหนึ่งเมตรหรือกว่านั้น โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจัดการป้องกันความเสียหายอันจะเกิดแก่ความอยู่มั่นแห่งที่ดินของโจทก์ที่ติดต่อกับที่ดินที่จำเลยขุดคลองมิใช่เรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดโดยตรงจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ1ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา448

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายเนื่องจากไม่ชำระค่างวด และสิทธิในการคืนเงินมัดจำ
การที่โจทก์ไม่ชำระค่างวดรายเดือนตามสัญญาจะซื้อจะขายอาคารพาณิชย์แก่จำเลยติดต่อกันมาเป็นเวลา8เดือนซึ่งจำเลยไม่ถือเป็นข้อผิดสัญญาสัญญาจะซื้อจะขายยังมีผลผูกพันกันอยู่โจทก์มิได้ผิดสัญญาเมื่อหนังสือแจ้งให้โจทก์ชำระเงินค่างวดที่ค้างมีข้อความว่ามิฉะนั้นทางบริษัทจะถือว่าท่านสละสิทธิในการจองซื้อจึงเป็นข้อความที่จำเลยแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าโจทก์ไม่ชำระค่างวดที่ค้างภายในกำหนดหรือไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้จำเลยทราบเมื่อเป็นเช่นนี้การที่โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยและให้จำเลยคืนเงินมัดจำย่อมมีสิทธิทำได้และกรณีเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างยอมเลิกสัญญาต่อกันโดยไม่มีฝ่ายใดผิดสัญญาโจทก์และจำเลยต่างต้องคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา391จำเลยต้องคืนเงินมัดจำแก่โจทก์
of 79