คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ณรงค์ ตันติเตมิท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 789 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดิน: บุคคลภายนอกพิสูจน์สิทธิที่ดีกว่าได้ แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรื่องครอบครองปรปักษ์
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคสอง (2) คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ผูกพันโจทก์
เมื่อฟังว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท แม้จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าได้รับซื้อที่ดินพิพาทไว้โดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดิน: แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรื่องครอบครองปรปักษ์ แต่บุคคลภายนอกพิสูจน์สิทธิที่ดีกว่าได้ ผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิที่ดีกว่าผู้โอน
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่าจำเลยที่1มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ก็ตามแต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลยที่1ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145วรรคสอง(2)คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ผูกพันโจทก์ เมื่อฟังว่าจำเลยที่1ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแม้จำเลยที่2จะอ้างว่าได้รับซื้อที่ดินพิพาทไว้โดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตจำเลยที่2ก็ ไม่ได้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการโต้แย้งความเสียหายจากราคาขายทอดตลาดที่ต่ำกว่าราคาตลาด จำเลยอ้างว่าไม่ทราบการบังคับคดี
ตามคำร้องของจำเลยคัดค้านว่าจำเลยเพิ่งทราบว่ามีการยึดที่ดินและนำออกขายทอดตลาด โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่เคยแจ้งการยึดและวันขายทอดตลาดให้จำเลยทราบมาก่อน ทั้งการขายทอดตลาดก็ต่ำกว่าราคาท้องตลาด ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย เท่ากับจำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และมีความหมายในเชิงปฏิเสธว่าวันที่ 18 มิถุนายน 2535อันเป็นวันขายทอดตลาดซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนนั้นจำเลยไม่ทราบมาก่อน ส่วนในข้อที่ว่าจำเลยทราบถึงการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนตั้งแต่เมื่อใดนั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยข้อกฎหมายในข้อว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องล่วงเลยกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันทราบการฝ่าฝืนนั้นหรือไม่ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 296 วรรคท้าย แห่ง ป.วิ.พ. ทั้งจำเลยฎีกาโต้เถียงอยู่ว่าจำเลยเพิ่งทราบถึงการฝ่าฝืนดังกล่าวในวันยื่นคำร้อง และคดีก็ยังมีประเด็นโต้เถียงกันเรื่องราคาแท้จริงตามราคาท้องตลาดแห่งที่ดินพิพาทอีกด้วย สมควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยต่อไปจนสิ้นกระแสความเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการยกเลิกการขายทอดตลาด: การแจ้งการยึดทรัพย์, ราคาประเมิน, และสิทธิของผู้ถูกบังคับคดี
ตามคำร้องของจำเลยคัดค้านว่าจำเลยเพิ่งทราบว่ามีการยึดที่ดินและนำออกขายทอดตลาดโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่เคยแจ้งการยึดและวันขายทอดตลาดให้จำเลยทราบมาก่อนทั้งการขายทอดตลาดก็ต่ำกว่าราคาท้องตลาดทำให้จำเลยได้รับความเสียหายเท่ากับจำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายและมีความหมายในเชิงปฏิเสธว่าวันที่18มิถุนายน2535อันเป็นวันขายทอดตลาดซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนนั้นจำเลยไม่ทราบมาก่อนส่วนในข้อที่ว่าจำเลยทราบถึงการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนตั้งแต่เมื่อใดนั้นยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยข้อกฎหมายในข้อว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องล่วงเลยกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันทราบการฝ่าฝืนนั้นหรือไม่ดังบัญญัติไว้ในมาตรา296วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งทั้งจำเลยฎีกาโต้เถียงอยู่ว่าจำเลยเพิ่งทราบถึงการฝ่าฝืนดังกล่าวในวันยื่นคำร้องและคดีก็ยังมีประเด็นโต้เถียงกันเรื่องราคาแท้จริงตามราคาท้องตลาดแห่งที่ดินพิพาทอีกด้วยสมควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยต่อไปจนสิ้นกระแสความเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย: คำแถลงก่อนศาลสั่งอนุญาตขายทอดตลาด ไม่ถือเป็นการคัดค้านการบังคับคดี
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามมิได้ยื่นคำคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน นับแต่ทราบถึงเหตุที่ทำให้การขายทอดตลาดเป็นไปโดยมิชอบ และที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำคัดค้านก่อนศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขายว่าผู้สู้ราคาให้ราคาต่ำ ขอให้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขายนั้น เป็นคำแถลงเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของศาลว่าจะสมควรอนุญาตให้ขายทอดตลาดหรือไม่ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้องคัดค้านการบังคับคดีที่ผิดระเบียบหรือฝ่าฝืนต่อกฏหมายว่าด้วยการบังคับคดีตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 27 และมาตรา 296 วรรคสองกำหนดไว้ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงต่อศาลก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดเพราะโจทก์จะพาพวกเข้าประมูลกดราคาให้ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อให้ศาลระงับการขายไว้ก่อน การที่โจทก์พาพวกมาประมูลกดราคาถือว่าเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทำให้ฝ่ายจำเลยเสียหาย ศาลมีอำนาจเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ และที่ดินที่ขายกันในปัจจุบันราคาสูงเพราะอยู่ในเขตพัฒนา หากศาลฎีกาสั่งยกเลิกการขายแล้วให้ประมูลใหม่ จำเลยทั้งสามหาคนมาประมูลได้ราคาสูงกว่าที่โจทก์ประมูลนั้นฎีกาของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของจำเลยร่วมที่ถูกเรียกเข้ามาในคดีตามมาตรา 57(3)(ก) และสิทธิในการต่อสู้คดี
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้หมายเรียกบริษัท อ.เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา57(3)(ก)เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตบริษัท อ.จึงเข้ามาในคดีโดยเป็นคู่ความฝ่ายที่สามซึ่งตามมาตรา58วรรคหนึ่งบัญญัติให้ผู้ร้องสอดที่เข้ามาตามมาตราดังกล่าวมีสิทธิเสมือนหนึ่งว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่บริษัท อ.จำเลยร่วมจึงให้การต่อสู้คดีได้ทั้งโจทก์และจำเลยตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา177วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งดังนั้นจำเลยร่วมจึงมีสิทธิที่จะให้การต่อสู้ในเรื่องโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยร่วมที่เข้ามาตามมาตรา 57: การต่อสู้คดีเรื่องอำนาจฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้หมายเรียกบริษัท อ.เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (3) (ก) เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาต บริษัท อ.จึงเข้ามาในคดีโดยเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม ซึ่งตามมาตรา58 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ผู้ร้องสอดที่เข้ามาตามมาตราดังกล่าวมีสิทธิเสมือนหนึ่งว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ บริษัท อ.จำเลยร่วมจึงให้การต่อสู้คดีได้ทั้งโจทก์และจำเลยตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 177 วรรคท้าย แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนั้น จำเลยร่วมจึงมีสิทธิที่จะให้การต่อสู้ในเรื่องโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวม ทางเข้าออกร่วมกัน การใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงการบ้านจัดสรร ไม่เป็นการละเมิด
โจทก์ทั้งสามและจำเลยที่1มีกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดิน2แปลงโดยมีเจตนาที่จะใช้ที่พิพาททั้ง 2 แปลงนี้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะร่วมกันเพราะต่างมีที่ดินอยู่ติดเข้าไปข้างในโดยจำเลยที่1มีที่ดินอีกแปลงหนึ่งใช้ทำบ้านจัดสรรอยู่ชิดไปด้านทิศตะวันออกการที่จำเลยที่ 1 ทำถนนคอนกรีตบนที่พิพาทเพื่อเข้าสู่ที่ดินของจำเลยที่ 1 เป็นไปตามเจตนาเดิมของคู่กรณีที่จะใช้เป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะร่วมกันนอกจากจะไม่เสียหายแล้วยังกลับจะมีประโยชน์มากยิ่งขึ้นส่วนการปักเสาไฟฟ้าและวางท่อประปาก็ได้ทำชิดติดเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ด้านทิศตะวันออกไม่มีส่วนใดกีดขวางทางเข้าออกซึ่งโจทก์ที่ 1 รับว่าไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ตัวทรัพย์การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการใช้ทรัพย์สินในทางขัดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของรวมไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามการที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เข้าไปปักเสาไฟฟ้าและวางน้ำประปาตามคำขอของจำเลยที่ 1 ก็ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามเช่นกัน จำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมบ้านจากโครงการของจำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิใช้ถนนคอนกรีตออกสู่ทางสาธารณะได้โดยอาศัยข้อตกลงระหว่างโจทก์ทั้งสามและจำเลยที่ 1 ที่ว่าต่างยินยอมให้เจ้าของที่ดินทั้งสองฝ่ายที่อยู่สองข้างทางใช้ที่พิพาทออกสู่ทางสาธารณะได้โดยให้สัญญาดังกล่าวมีผลผูกพันผู้ที่ซื้อที่ดินต่อไปด้วยการกระทำของจำเลยที่ 6 ถึงที่ 20 จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและคำบังคับที่ถูกต้องตามภูมิลำเนา การมิถือว่าการส่งไปยังสำนักงานทนายความเป็นการทราบว่าจำเลยไม่ได้อยู่ที่ภูมิลำเนา
ขณะทำสัญญาเช่าซื้อจำเลยที่1ได้ระบุภูมิลำเนาตามฟ้องไว้ในสัญญาอันเป็นภูมิลำเนาตรงตามบัตรประชาชนและตรงตามสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยที่1การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องก็ได้มีการส่งตามบ้านเลขที่ดังกล่าวซึ่งจำเลยที่1ได้ให้การต่อสู้คดีแล้วที่จำเลยที่1อ้างว่าการส่งหมายครั้งอื่นของพนักงานเดินหมายก่อนส่งคำบังคับได้นำไปส่งยังบ้านเลขที่อื่นที่เป็นสำนักงานของจำเลยที่1แสดงว่าพนักงานเดินหมายทราบดีว่าจำเลยที่1ไม่ได้อยู่บ้านเลขที่ตามฟ้องนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา77ได้บัญญัติถึงการส่งคำคู่ความหรือเอกสารโดย เจ้าพนักงานศาลไปยังที่อื่นหรือสำนักงานทำการงานการที่พนักงานเดินหมายไปส่งยังสำนักทำการงานของจำเลยที่1ตามที่ปรากฏในท้ายสำนวนนั้นย่อมไม่ใช่แสดงว่าเจ้าพนักงานทราบดีว่าจำเลยที่1ไม่ได้อยู่ที่บ้านเลขที่ตามฟ้องแต่อย่างใดอาจเป็นเพียงแต่เจ้าพนักงานเห็นว่าสะดวกกว่าการส่งไปยังภูมิลำเนาตามฟ้องก็เป็นได้โดยเฉพาะจำเลยที่1ประกอบอาชีพทนายความย่อมทราบขั้นตอนการพิจารณาของศาลเป็นอย่างดีแต่อ้างว่าเพิ่งติดตามคดีทั้งๆยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้ตั้งแต่วันที่6กรกฎาคม2535เพิ่งติดตามตรวจสำนวนเมื่อวันที่16กุมภาพันธ์2536ซึ่งห่างจากวันยื่นคำให้การถึง7เดือนเศษเป็นการผิดวิสัยของผู้ประกอบอาชีพทนายความอย่างยิ่งจึงมิใช่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและการติดตามคดีของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ
ขณะทำสัญญาเช่าซื้อ จำเลยที่ 1 ได้ระบุภูมิลำเนาตามฟ้องไว้ในสัญญาอันเป็นภูมิลำเนาตรงตามบัตรประชาชน และตรงตามสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยที่ 1 การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องก็ได้มีการส่งตามบ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ให้การต่อสู้คดีแล้ว ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าการส่งหมายครั้งอื่นของพนักงานเดินหมายก่อนส่งคำบังคับได้นำไปส่งยังบ้านเลขที่อื่นที่เป็นสำนักงานของจำเลยที่ 1 แสดงว่าพนักงานเดินหมายทราบดีว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้อยู่บ้านเลขที่ตามฟ้องนั้น ป.วิ.พ. มาตรา 77 ได้บัญญัติถึงการส่งคำคู่ความหรือเอกสาร โดยเจ้าพนักงานศาลไปยังที่อื่นหรือสำนักทำการงาน การที่พนักงาน-เดินหมายไปส่งยังสำนักทำการงานของจำเลยที่ 1 ตามที่ปรากฏในท้ายสำนวนนั้นย่อมไม่ใช่แสดงว่า เจ้าพนักงานทราบดีว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้อยู่ที่บ้านเลขที่ตามฟ้องแต่อย่างใด อาจเป็นเพียงแต่เจ้าพนักงานเห็นว่าสะดวกกว่าการส่งไปยังภูมิลำเนาตามฟ้องก็เป็นได้ โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 ประกอบอาชีพทนายความ ย่อมทราบขั้นตอนการพิจารณาของศาลเป็นอย่างดี แต่อ้างว่าเพิ่งติดตามคดี ทั้ง ๆ ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2535 เพิ่งติดตามตรวจสำนวนเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2536 ซึ่งห่างจากวันยื่นคำให้การถึง 7 เดือนเศษ เป็นการผิดวิสัยของผู้ประกอบอาชีพทนายความอย่างยิ่ง จึงมิใช่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้
of 79