พบผลลัพธ์ทั้งหมด 177 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3815/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาลและการก่อให้เกิดวิวาท ละเมิดอำนาจศาล
ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมีเรื่องโกรธเคืองอย่างรุนแรงกันมาก่อนการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ต่อว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ห้องโถงของศาลในวันเกิดเหตุว่าถูกผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 กลั่นแกล้งหลายเรื่อง และจะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นการข่มขู่และยั่วยุให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เกิดอารมณ์ไม่พอใจ และการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ไปยืนที่ประตูห้องพิจารณาของศาลในลักษณะยืนขวางประตู เห็นได้ว่าเป็นการท้าทายให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไม่พอใจยิ่งขึ้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องพิจารณาไม่ว่าจะเดินชนผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 แถลงหรือเดินเฉียดชิดเพราะที่แคบตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 แถลง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ก็ไม่ควรผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ต่อว่าข่มขู่จะเอาเรื่องผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก็ดี ผู้กล่าวหาที่ 1 ไปยืนขวางประตูห้องพิจารณาและผลักผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เดินเข้าห้องก็ดี ชี้ให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีส่วนก่อให้เกิดเหตุวิวาทขึ้นในศาล เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยและการเปลี่ยนแปลงผลคำพิพากษาในคดีอาญา
จำเลยอุทธรณ์ว่าตามหลักฐานที่ปรากฏ เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะรถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับถูกรถยนต์คันอื่นชนท้ายแล้วเสียการทรงตัวกระเด็นไปถูกโจทก์ร่วมที่ยืนอยู่บนทางเท้า ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นยกฟ้อง อุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการโต้แย้งหรือคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เพราะถ้าข้ออ้างของจำเลยฟังขึ้นผลของคำพิพากษาจะเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ต้องโต้แย้งเหตุผลคำพิพากษาเดิม หากข้ออ้างฟังขึ้นผลคำพิพากษาต้องเปลี่ยนแปลง
จำเลยอุทธรณ์ว่าตามหลักฐานที่ปรากฏ เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะรถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับถูกรถยนต์คันอื่นชนท้ายแล้วเสียการทรงตัวกระเด็นไปถูกโจทก์ร่วมที่ยืนอยู่บนทางเท้าขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นยกฟ้อง อุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการโต้แย้งหรือคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เพราะถ้าข้ออ้างของจำเลยฟังขึ้นผลของคำพิพากษาจะเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3805/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดชื่อเสียงจากข่าวเท็จ: ความเสียหายต่อบุคคลมีชื่อเสียงและการชดใช้ค่าเสียหาย
กว่าที่โจทก์จะเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงและเกียรติคุณเป็นที่รู้จักและยอมรับแก่บุคคลทั่วไปได้ โจทก์ต้องสร้างคุณงามความดีเป็นเวลานาน การที่จำเลยไขข่าวแพร่หลายใส่ความโจทก์ในหนังสือพิมพ์รายวันว่าภรรยาโจทก์กำลังหาทนายความทำเรื่องขอหย่าขาดจากโจทก์ เพราะโจทก์มีความสนิทชิดชอบกับหญิงอื่น ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนความจริง ย่อมทำให้ผู้ที่รู้จักโจทก์และได้อ่านข่าวดังกล่าวคิดว่าโจทก์มีความประพฤติไปในทางไม่ดี กระทำผิดศีลธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ครอบครัวของโจทก์เกิดความร้าวฉานก่อให้เกิดความเกลียดชังและดูหมิ่นโจทก์ ผู้ใต้บังคับบัญชาทราบข่าวนี้แล้วย่อมขาดความเคารพเชื่อถือ เป็นผลเสียต่อหน้าที่การงานและความเจริญก้าวหน้ากับทำให้เสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณที่เคยมีอยู่ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดในมูลละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3545/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขอถอนหลักประกันสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา ความรับผิดตามสัญญาสิ้นสุดเมื่อคืนหลักทรัพย์
เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาประกัน ส.ผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นหนังสือมีข้อความว่าขอถอนหลักทรัพย์อันเป็นหลักประกันเพื่อนำไปขายให้ผู้อื่น และจำเลยได้มอบตัว ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์ของ อ.และพาตัว อ.มาทำสัญญาประกัน ส.ผู้ต้องหาฉบับใหม่ต่อโจทก์ด้วย โดยสัญญาระบุชื่อ อ.เป็นผู้ประกันแต่ผู้เดียว กรณีจึงมิใช่เรื่องจำเลยขอเปลี่ยนหลักประกัน แต่เป็นเรื่องขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน เมื่อจำเลยมอบตัวต่อ ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์แล้วเช่นนี้ ความรับผิดของจำเลยตามสัญญาประกันที่จำเลยทำต่อโจทก์ดังกล่าว ย่อมหมดไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 116
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3545/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอถอนสัญญาประกันและผลกระทบต่อความรับผิดตามสัญญา การมอบตัวผู้ต้องหาทำให้ความรับผิดสิ้นสุด
เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาประกัน ส. ผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นหนังสือมีข้อความว่าขอถอนหลักทรัพย์อันเป็นหลักประกันเพื่อนำไปขายให้ผู้อื่น และจำเลยได้มอบตัว ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์ของ อ.และพาตัวอ.มาทำสัญญาประกัน ส. ผู้ต้องหาฉบับใหม่ต่อโจทก์ด้วย โดยสัญญาระบุชื่อ อ. เป็นผู้ประกันแต่ผู้เดียว กรณีจึงมิใช่เรื่องจำเลยขอเปลี่ยนหลักประกัน แต่เป็นเรื่องขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน เมื่อจำเลยมอบตัวต่อ ส. ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์แล้วเช่นนี้ ความรับผิดของจำเลยตามสัญญาประกันที่จำเลยทำต่อโจทก์ดังกล่าว ย่อมหมดไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3527/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเสนอคดีต่อศาลแพ่งต้องมีลายมือชื่อคู่สัญญาครบถ้วน จึงจะผูกพันได้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์มีข้อตกลงว่าหากมีข้อพิพาทจากการค้ำประกันดังกล่าวให้เสนอคดีต่อศาลแพ่ง จำเลยที่ 2 ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ลงชื่อด้วย ถือไม่ได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 มีการตกลงเป็นหนังสือตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7(4)ที่ใช้บังคับขณะยื่นฟ้องว่าโจทก์จะต้องเสนอคดีนี้ต่อศาลแพ่งโจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจำเลยที่ 2มีภูมิลำเนาอยู่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3527/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเสนอคดีต่อศาลเฉพาะต้องเป็นลายลักษณ์อักษรและมีคู่สัญญาลงนามร่วมกัน
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ มีข้อตกลงว่าหากมีข้อพิพาทจากการค้ำประกันดังกล่าวให้เสนอคดีต่อศาลแพ่ง จำเลยที่ 2 ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ลงชื่อด้วย ถือไม่ได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 มีการตกลงเป็นหนังสือตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา-ความแพ่งมาตรา 7 (4) ที่ใช้บังคับขณะยื่นฟ้องว่าโจทก์จะต้องเสนอคดีนี้ต่อศาลแพ่ง โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของคำฟ้องในคดีหนี้จากการเล่นแชร์ เพียงระบุรายละเอียดการเล่นแชร์และจำนวนหนี้ที่ค้างชำระ ถือว่าคำฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีนิติสัมพันธ์กันจากการเล่นแชร์เพียงอย่างเดียว ย่อมไม่ทำให้จำเลยสับสนว่าหนี้ที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นเรื่องอื่นนอกจากนี้แชร์ที่โจทก์กับจำเลยร่วมกันเล่นมี 2 วง วงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องวงแรกมีจำเลยเป็นนายวงแชร์และจำเลยค้างชำระเงินให้แก่โจทก์ผู้ประมูลได้จำนวน21,000 บาท ส่วนวงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องตอนหลังมีโจทก์เป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าแชร์อันหมายถึงเป็นนายวงแชร์ ซึ่งจำเลยร่วมเล่นด้วยย่อมทราบดี แชร์วงที่สองนี้จำเลยค้างชำระเงินค่าแชร์โจทก์ 2 เดือน เดือนละ 2,000 บาท เป็นเงิน4,000 บาท รวมเงินค่าแชร์ที่จำเลยค้างชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 25,000 บาท คำฟ้องดังกล่าวแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องหนี้จากการเล่นแชร์: คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้มีวงแชร์หลายวง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีนิติสัมพันธ์กันจากการเล่นแชร์เพียงอย่างเดียว ย่อมไม่ทำให้จำเลยสับสนว่าหนี้ที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นเรื่องอื่น นอกจากนี้แชร์ที่โจทก์กับจำเลยร่วมกันเล่นมี 2 วง วงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องวงแรกมีจำเลยเป็นนายวงแชร์และจำเลยค้างชำระเงินให้แก่โจทก์ผู้ประมูลได้จำนวน 21,000 บาทส่วนวงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องตอนหลังมีโจทก์เป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าแชร์อันหมายถึงเป็นนายวงแชร์ ซึ่งจำเลยร่วมเล่นด้วยย่อมทราบดี แชร์วงที่สองนี้จำเลยค้างชำระเงินค่าแชร์โจทก์ 2 เดือน เดือนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 4,000 บาท รวมเงินค่าแชร์ที่จำเลยค้างชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 25,000 บาท คำฟ้องดังกล่าวแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม