พบผลลัพธ์ทั้งหมด 887 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3489/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยาน การพิสูจน์สาเหตุการตาย และผลของกรมธรรม์ประกันภัยเมื่อมีการชำระเบี้ยผ่านตัวแทน
ขณะศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์นำ ณ. เข้าสืบยังอยู่ระหว่างการนัดสืบพยานประเด็นโจทก์และโจทก์ยังไม่ได้แถลงหมดพยานทั้งหมดแม้จำเลยจะนำพยานเข้าสืบบ้างแล้วแต่ก็ไม่มีกฎหมายห้ามโจทก์นำพยานมาสืบเพิ่มในกรณีนี้ จึงรับฟังคำพยานของ ณ. ได้ กรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุที่ ส. เอาประกันไว้กับจำเลยที่ 1 ระบุว่าในกรณีที่ ส. ถึงแก่กรรมเนื่องจากการประสบอุบัติเหตุจำเลยที่ 1 จะจ่ายเงินจำนวนประกันรวมจำนวนเงินประกันอุบัติเหตุให้แก่โจทก์ผู้รับประโยชน์ แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่า ส.ป่วยด้วยโรคลิ้นหัวใจตีบก็ตามแต่เหตุที่ทำให้ส. ถึงแก่ความตายเนื่องมาจากการประสบอุบัติเหตุถูกสุกรเข้าชนที่ขาด้าน หลังล้มหงายศีรษะฟาด พื้นคอกสุกร กรณีจึงต้องถือว่า ส. ถึงแก่กรรมเนื่องจากการประสบอุบัติเหตุ มิใช่เนื่องจากการป่วยเจ็บอันเป็นเหตุยกเว้นความรับผิดตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดจ่ายเงินประกันตามสัญญา จำเลยที่ 3 ตัวแทนเชิด เก็บเบี้ยประกันตามที่ได้รับมอบหมายมาให้จำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 1 ผู้รับประกันภัยยังไม่ออกหลักฐานการรับชำระเบี้ยประกันให้โจทก์ ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับชำระเบี้ยประกันภัยโดยผ่านทางจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นตัวแทนแล้ว กรมธรรม์จึงยังไม่สิ้นผลบังคับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2750/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของคนต่างด้าว, อายุความค่าสิทธิประดิษฐ์, การบอกเลิกสัญญา, และการเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ
การที่โจทก์มอบอำนาจให้ ช.ซึ่งเป็นคนต่างด้าวมีอำนาจดำเนินคดีแก่จำเลย หาใช่เป็นการมอบอำนาจให้ประกอบธุรกิจบริการ โดยการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนการค้าไม่ จึงไม่ต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 4 และตามบัญชี ก.ท้ายประกาศ หมวด 3(5)
ค่าสิทธิประดิษฐ์ในการให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ฝึกสอนวิธีการประดิษฐ์กระเบื้องซีรามิคตามสัญญา ซึ่งมีการตกลงจ่ายเป็นงวด ๆ โดยคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย นั้น ไม่เข้าลักษณะการเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) (7) จึงมีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164
หนังสือของจำเลยตอบหนังสือของโจทก์ที่ถามความเห็นเกี่ยวกับการต่ออายุสัญญาว่าจำเลยตกลงใจไม่ต่อสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคกับโจทก์และโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่า โจทก์ตกลงตามที่จำเลยตัดสินใจ ดังนี้ หนังสือของจำเลยดังกล่าวไม่ใช่หนังสือบอกเลิกสัญญากับโจทก์ แต่เป็นหนังสือที่มีลักษณะเป็นการสนองตอบตามที่โจทก์ขอความเห็นหรือหารือล่วงหน้าก่อนครบกำหนดต่ออายุสัญญาว่า จะมีการต่ออายุสัญญาต่อไปหรือไม่โจทก์กลับมีหนังสืออันมีข้อความในลักษณะเป็นการตกลงตามที่จำเลยสนองตอบข้อหารือของโจทก์นั้น จึงเท่ากับตกลงที่จะไม่ต่ออายุสัญญากันด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย จำเลยมิได้เป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนด
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความว่า ข้อขัดแย้งหรือข้อเรียกร้องใดซึ่งเกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับสัญญานี้หรือการประพฤติปฏิบัติผิดสัญญานี้ คู่สัญญาจะทำความตกลงกันด้วยสันติวิธี ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้จะต้องชี้ขาดโดยอนุญาโตตุลาการ ดังนี้ สัญญามิได้บังคับเด็ดขาดว่าต้องตั้งอนุญาโตตุลาการให้ชี้ขาดข้อพิพาทเสียก่อน จึงจะฟ้องได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เสนอให้มีการตั้งอนุญาโตตุลาการ โจทก์จึงฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการพิจารณาก่อน
ค่าสิทธิประดิษฐ์ในการให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ฝึกสอนวิธีการประดิษฐ์กระเบื้องซีรามิคตามสัญญา ซึ่งมีการตกลงจ่ายเป็นงวด ๆ โดยคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย นั้น ไม่เข้าลักษณะการเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) (7) จึงมีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164
หนังสือของจำเลยตอบหนังสือของโจทก์ที่ถามความเห็นเกี่ยวกับการต่ออายุสัญญาว่าจำเลยตกลงใจไม่ต่อสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคกับโจทก์และโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่า โจทก์ตกลงตามที่จำเลยตัดสินใจ ดังนี้ หนังสือของจำเลยดังกล่าวไม่ใช่หนังสือบอกเลิกสัญญากับโจทก์ แต่เป็นหนังสือที่มีลักษณะเป็นการสนองตอบตามที่โจทก์ขอความเห็นหรือหารือล่วงหน้าก่อนครบกำหนดต่ออายุสัญญาว่า จะมีการต่ออายุสัญญาต่อไปหรือไม่โจทก์กลับมีหนังสืออันมีข้อความในลักษณะเป็นการตกลงตามที่จำเลยสนองตอบข้อหารือของโจทก์นั้น จึงเท่ากับตกลงที่จะไม่ต่ออายุสัญญากันด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย จำเลยมิได้เป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนด
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความว่า ข้อขัดแย้งหรือข้อเรียกร้องใดซึ่งเกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับสัญญานี้หรือการประพฤติปฏิบัติผิดสัญญานี้ คู่สัญญาจะทำความตกลงกันด้วยสันติวิธี ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้จะต้องชี้ขาดโดยอนุญาโตตุลาการ ดังนี้ สัญญามิได้บังคับเด็ดขาดว่าต้องตั้งอนุญาโตตุลาการให้ชี้ขาดข้อพิพาทเสียก่อน จึงจะฟ้องได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เสนอให้มีการตั้งอนุญาโตตุลาการ โจทก์จึงฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการพิจารณาก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจทนายรับเงินแทนเจ้าหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือเป็นการผูกพันเจ้าหนี้
ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ต่อหน้าศาลในวันทำสัญญา เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกแทนโจทก์ด้วยและการรับเงินในกรณีเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ทั้งมิใช่การรับเงินจากศาลอันจะต้องทำเป็นหนีงสือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 63การที่จำเลยชำระเงินงวดแรกให้แก่ทนายโจทก์ต่อหน้าศาลจึงผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจให้ทนายรับเงินแทนเจ้าหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ต่อหน้าศาลในวันทำสัญญา เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกแทนโจทก์ด้วยและการรับเงินในกรณีเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ทั้งมิใช่การรับเงินจากศาลอันจะต้องทำเป็นหนีงสือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 63 การที่จำเลยชำระเงินงวดแรกให้แก่ทนายโจทก์ต่อหน้าศาลจึงผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2088/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจรับเงินค่าก่อสร้างสิ้นสุดลงเมื่องานเสร็จและจำเลยรับเงินครบถ้วน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องอีกต่อไป
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า โจทก์มีอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจรับเงินค่าก่อสร้างโรงเรียน น.จากกรมสามัญศึกษาตลอดไปจนเสร็จงาน เมื่อได้ความว่าการก่อสร้างได้แล้วเสร็จและจำเลยผู้มอบอำนาจให้โจทก์รับเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวได้รับเงินไปจากกรมสามัญศึกษาหมดสิ้นแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างจากกรมสามัญศึกษาโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้ไว้ได้อีกย่อมไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไปส่วนโจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยรับไปเพียงใดเป็นเรื่องที่จะไปฟ้องร้องว่ากล่าวเอากับจำเลยเป็นอีกส่วนหนึ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิรับเงินจากกรมสามัญศึกษาตามหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้ไม่ได้ฟ้องเรียกเงินหรือทรัพย์สินจากจำเลยด้วย จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท คู่ความเสียค่าขึ้นศาลในแต่ละศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เรียกเกินมาให้แก่คู่ความ.
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิรับเงินจากกรมสามัญศึกษาตามหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้ไม่ได้ฟ้องเรียกเงินหรือทรัพย์สินจากจำเลยด้วย จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท คู่ความเสียค่าขึ้นศาลในแต่ละศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เรียกเกินมาให้แก่คู่ความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2088/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจรับเงินค่าก่อสร้างสิ้นสุดเมื่องานเสร็จและรับเงินครบถ้วน สิทธิเรียกร้องจึงระงับ
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า โจทก์มีอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจรับเงินค่าก่อสร้างโรงเรียน น.จากกรมสามัญศึกษาตลอดไปจนเสร็จงาน เมื่อได้ความว่าการก่อสร้างได้แล้วเสร็จและจำเลยผู้มอบอำนาจให้โจทก์รับเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวได้รับเงินไป จากกรมสามัญศึกษาหมดสิ้นแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างจากกรมสามัญศึกษาโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้ไว้ได้อีกย่อมไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป ส่วนโจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างที่จำเลยรับไปเพียงใดเป็นเรื่องที่จะไปฟ้องร้องว่ากล่าวเอากับจำเลยเป็นอีกส่วนหนึ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิรับเงินจากกรมสามัญศึกษาตามหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้ ไม่ได้ฟ้องเรียกเงินหรือทรัพย์สินจากจำเลยด้วย จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท คู่ความเสียค่าขึ้นศาลในแต่ละศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เรียกเกินมาให้แก่คู่ความ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิรับเงินจากกรมสามัญศึกษาตามหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้ ไม่ได้ฟ้องเรียกเงินหรือทรัพย์สินจากจำเลยด้วย จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท คู่ความเสียค่าขึ้นศาลในแต่ละศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เรียกเกินมาให้แก่คู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินทดรองจ่าย: ตัวการตัวแทนใช้ อายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164
ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์ลูกค้าผู้สั่งซื้อหุ้น กับจำเลยซึ่งเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ เป็นลักษณะของตัวการตัวแทน การที่จำเลยเรียกร้องเอาเงินที่ได้ทดรองจ่ายไปแทนโจทก์ในกิจการที่โจทก์มอบหมายให้ปฏิบัตินั้น เป็นเรื่องตัวแทนเรียกเอาเงินชดใช้จากตัวการ ซึ่งในกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นพิเศษจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี อันเป็นลักษณะทั่วไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 164หาใช่อายุความ 2 ปี ตาม มาตรา 165(1) หรือ (7) ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสัญญา, การมอบอำนาจ, การผิดสัญญา, อายุความ, และการโอนย้ายข้าราชการ
อธิการบดีมอบอำนาจให้เลขาธิการ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ราชการรองจากอธิการบดีลงชื่อในสัญญาแทนโจทก์ แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานเป็นหนังสือ แต่จำเลยก็ยอมรับการกระทำดังกล่าวตลอดมาโจทก์ย่อมมีสิทธินำสัญญามาฟ้องร้องได้โดยชอบ
โจทก์เป็นส่วนราชการของรัฐบาล เงินทุนที่จำเลยที่ 1 ได้รับเป็นเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรเลีย ให้แก่รัฐบาลไทยภายใต้แผนการโคลัมโบ ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้รับมอบหมายให้ทำสัญญาได้ย่อมมีอำนาจฟ้องร้องตามสัญญาได้ ข้อความในสัญญาชัดเจนอยู่แล้วว่า ถ้าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาจะต้องชดใช้เงินแก่โจทก์ หามีข้อสงสัยต้องตีความไม่
การที่โจทก์ยอมให้จำเลยที่ 1 โอนไปรับราชการสังกัดอื่นมิใช่การยอมสละสิทธิตามสัญญาแต่อย่างใด เพียงแต่โจทก์ไม่ถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเท่านั้น เพราะจำเลยที่ 1 ยังคงรับราชการเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลอยู่
จำเลยที่ 1 ออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2517 ต้องนับเอาวันที่ดังกล่าวเป็นวันเริ่มต้นผิดสัญญา และโจทก์เริ่มมีสิทธิคิดดอกเบี้ย เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องภายในเวลา 10 ปี คดีจึงไม่ขาดอายุความ.(ที่มา-ส่งเสริม)
โจทก์เป็นส่วนราชการของรัฐบาล เงินทุนที่จำเลยที่ 1 ได้รับเป็นเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลออสเตรเลีย ให้แก่รัฐบาลไทยภายใต้แผนการโคลัมโบ ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้รับมอบหมายให้ทำสัญญาได้ย่อมมีอำนาจฟ้องร้องตามสัญญาได้ ข้อความในสัญญาชัดเจนอยู่แล้วว่า ถ้าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาจะต้องชดใช้เงินแก่โจทก์ หามีข้อสงสัยต้องตีความไม่
การที่โจทก์ยอมให้จำเลยที่ 1 โอนไปรับราชการสังกัดอื่นมิใช่การยอมสละสิทธิตามสัญญาแต่อย่างใด เพียงแต่โจทก์ไม่ถือว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาเท่านั้น เพราะจำเลยที่ 1 ยังคงรับราชการเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลอยู่
จำเลยที่ 1 ออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2517 ต้องนับเอาวันที่ดังกล่าวเป็นวันเริ่มต้นผิดสัญญา และโจทก์เริ่มมีสิทธิคิดดอกเบี้ย เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องภายในเวลา 10 ปี คดีจึงไม่ขาดอายุความ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบธุรกิจโฆษณาเป็นรับจ้างทำของ ไม่ใช่ตัวแทนหรือนายหน้า ต้องเสียภาษีการค้าร้อยละ 2
โจทก์ประกอบธุรกิจรับจ้างโฆษณาให้แก่ลูกค้า โดยโจทก์ให้ความคิด ให้แปลนความคิดเกี่ยวกับรูปแบบ คำพูด ภาพยนตร์ เทป ซึ่งเป็นเรื่องสร้างสรรค์แนวความคิดในการออกแบบโฆษณาให้มีผู้รู้จักสินค้าของลูกค้ามากที่สุดแล้วโจทก์จ้างสื่อโฆษณาอันได้แก่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ให้ทำการโฆษณาหรือโจทก์จ้างผู้อื่นให้ผลิตวัสดุโฆษณาทำการโฆษณา การประกอบธุรกิจโฆษณาดังกล่าวโจทก์ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นคนกลางช่วยชี้ช่องให้ลูกค้าของโจทก์กับสื่อโฆษณาได้เข้าทำสัญญากันอันเป็นการกระทำของนายหน้า หรือออกเงินทดรองหรือค่าใช้จ่ายแทนลูกค้าอันเป็นการกระทำของตัวแทน จึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามประเภทการค้า 10นายหน้าและตัวแทน แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้า หากแต่เป็นการรับทำการงานโฆษณาโดยถือผลสำเร็จของงานเป็นสาระสำคัญ จึงเป็นการรับจ้างทำของ ต้องเสียภาษีการค้าตามประเภทการค้า 4 ชนิด 1(ฉ)การรับจ้างทำของอย่างอื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทน: การมอบอำนาจเฉพาะการเรียกร้องค่าเสียหายเบื้องต้น ไม่ถือเป็นการมอบอำนาจติดตามทวงถามหนี้
โจทก์เพียงแต่มอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการเก็บรักษาซ่อมแซม แจ้งความ กล่าวโทษ แจ้งราคาค่าเสียหายของทรัพย์และรับชำระหนี้ที่ผู้ละเมิดยอมชดใช้ให้ในชั้นแจ้งความที่สถานีตำรวจ ส่วนการติดตามทวงถามเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ละเมิดซึ่งไม่ยอมชดใช้ โจทก์จะเป็นผู้ดำเนินการเอง โดยขอให้การไฟฟ้านครหลวงแจ้งเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับรวบรวมหลักฐานส่งไปให้โจทก์ ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้การไฟฟ้านครหลวงเป็นตัวแทนโจทก์ในการติดตามทวงถามเรียกร้องให้ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เหตุละเมิดเกิดขึ้นวันที่ 22 สิงหาคม 2524 ครั้นวันที่16 กุมภาพันธ์ 2525 การไฟฟ้านครหลวงแจ้งเรื่องการละเมิดและผู้ทำละเมิดให้โจทก์ทราบโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2525 คดีจึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448.