คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 797

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 887 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินเพื่อใช้หนี้ ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ แม้ครอบครองนานปี
จำเลยกู้เงินโจทก์แล้วมอบนาพิพาทให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยเช่นนี้ การที่โจทก์ครอบครองนามาก็เป็นการครอบครองแทนจำเลย มิใช่ครอบครองเพื่อตนโดยเจตนาเป็นเจ้าของ ฉะนั้นแม้จะครอบครองมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนผู้อื่น แม้ครอบครองนาน ก็ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
จำเลยกู้เงินโจทก์แล้วมอบนาพิพาทให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยเช่นนี้ การที่โจทก์ครอบครองนามาก็เป็นการครอบครองแทนจำเลย มิใช่ครอบครองเพื่อตนโดยเจตนาเป็นเจ้าของ ฉะนั้นแม้จะครอบครองมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วน: สิทธิเรียกร้องหนี้สินต้องกระทำโดยผู้ชำระบัญชีที่ได้รับการแต่งตั้งโดยถูกต้อง
เมื่อห้างหุ้นส่วนได้เลิกกันแล้ว ผู้เคยเป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวจะมาฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะส่วนตัวไม่ได้
ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ถ้าอยากจะจัดทำการชำระบัญชีจะต้องจัดทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกัน โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ผู้เดียวจะฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะผู้ชำระบัญชีไม่ได้
โจทก์มิได้รับมอบฉันทะจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ย่อมยังไม่มีสิทธิฟ้องร้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนได้
เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีความสามัคคีที่จะร่วมกันจัดทำการชำระบัญชี ก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะตั้งแต่งบุคคลอื่นขึ้นเป็นผู้จัดทำการชำระบัญชีแล้วจึงทำการเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนตามที่กฎหมายบังคับไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนเลิก: สิทธิฟ้องเรียกหนี้ต้องเป็นของผู้ชำระบัญชีที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง
เมื่อห้างหุ้นส่วนได้เลิกกันแล้ว ผู้เคยเป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวจะมาฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะส่วนตัวไม่ได้
ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ถ้าอยากจะจัดทำการชำระบัญชีจะต้องจัดทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกัน โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ผู้เดียวจะฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะผู้ชำระบัญชีไม่ได้
โจทก์มิได้รับมอบฉันทะจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ย่อมยังไม่มีสิทธิฟ้องร้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนได้
เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีความสามัคคีที่จะร่วมกันจัดทำการชำระบัญชี ก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะตั้งแต่งบุคคลอื่นขึ้นเป็นผู้จัดทำการชำระบัญชี แล้วจึงทำการเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนตามที่กฎหมายบังคับไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกเงินทดรองราชการ ไม่ถือเป็นการยืมตามกฎหมาย หากเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงาน
การยืมตามกฎหมายนั้นต้องเกิดขึ้นโดยสัญญา
โดยหน้าที่ราชการจำเลยที่ 1 ได้ยืมเงินทดรองไปจากกองคลังกรมไปรษณีย์เพื่อจ่ายในราชการ อธิบดีรับรองข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ควรมอบให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดบัญชีเป็นผู้มีหน้าที่รักษาเงิน
ดังนี้ใบยืมที่จำเลยที่ 1 เซ็นไว้จึงเป็นแต่เพียงหลักฐานในวงราชการ การที่จำเลยที่ 1 ต้องเซ็นใบยืมก็เพื่อปฏิบัติหน้าที่อันเป็นเรื่องของระเบียบปฏิบัติราชการ เพียงเท่านี้จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดในฐานผู้ยืมหรือตัวการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยืมเงินในหน้าที่ราชการต้องมีสัญญา การมอบหมายหน้าที่ไม่ทำให้เกิดความรับผิดในฐานผู้ยืม
ยืนตาม ก.ม.นั้นต้องเกิดขึ้นโดยสัญญา
โดยหน้าที่ราชการจำเลยที่ 1 ได้ยืมเงินทดลองไปจากกองคลังกรมไปรษณีย์เพื่อจ่ายในราชการอธิบดีรับรองข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ควรมอบให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดบัญชีเป็นผู้มีหน้าที่รักษาเงิน
ดังนี้ใบยืมที่จำเลยที่ 1 เซ็นไว้จึงเป็นแต่เพียงหลักฐานในวงราชการ การที่จำเลยที่ 1 ต้องเซ็นใบยิมก็เพื่อปฏิบัติหน้าที่อันเป็นเรื่องของระเบียบปฏิบัติราชการ เพียงเท่านี้จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดในฐานผู้ยืมหรือตัวการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851-853/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิในที่ดินวัด: การโอนกรรมสิทธิที่ดินวัดและที่ธรณีสงฆ์ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์
ม.1332 ใช้บังคับเฉพาะทรัพย์สินธรรมดา แต่สำหรับที่วัดและที่ธรณีสงฆ์นั้น พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2484 ม.41 บัญญัติว่าจะโอนกรรมสิทธิได้แต่โดย พ.ร.บ.เท่านั้น ดังนั้นแม้จะซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนจากการขายทอดตลาดก็หาได้กรรมสิทธิไม่ และเมื่อวัดซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินก็ไม่มีหน้าที่คืนหรือชดใช้ราคาแก่ผู้ซื้อ เพราะกรณีไม่เข้า ม.1332
บรรยายฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของวัดกลางมาแต่สร้างวัดเช่นนี้หาเป็นเคลือบคลุมไม่ กรณีวัดจะได้ที่มาโดยเหตุใด เมื่อใดไม่ใช่ข้อสำคัญและไม่มีทางที่จะหลงผิดในการต่อสู้คดี
เจ้าอาวาสแห่งวัดมอบอำนาจให้บุคคลดำเนินคดีแทนวัดได้ อ้างฎีกาที่ 823,824,825/2496
การมอบอำนาจก็คือการให้ตัวแทนมีอำนาจแทนตัวการนั่นเอง และการแต่งตั้งตัวแทนนั้นจะแต่งตั้งโดยเปิดเผยหรือโดยปริยายก็ได้ (ม.797 วรรค 2) และกิจการใดที่ ก.ม.บัญญัติว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนก็ต้องทำเป็นหนังสือมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย.การที่ทำหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือย่อมหมายถึงหนังสือหรือหลักฐานอันมีลายมือชื่อของผู้เป็นตัวการซึ่งเป็นผู้แต่งตั้ง (ม.9) สวนสำหรับตัวแทนหรือผู้รับมอบนั้น หามี ก.ม.ใดบังคับให้ต้องลงนามด้วยไม่
ข้อ ก.ม. ที่เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้าม หาฎีกาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851-853/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินธรณีสงฆ์: การโอนกรรมสิทธิ์ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์, การซื้อสุจริตจากการขายทอดตลาดไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
มาตรา 1332 ใช้บังคับเฉพาะทรัพย์สินธรรมดาสำหรับที่วัดและที่ธรณีสงฆ์นั้นพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 มาตรา 41บัญญัติว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ได้แต่โดยพระราชบัญญัติเท่านั้นดังนั้นแม้จะซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนจากการขายทอดตลาดก็หาได้กรรมสิทธิ์ไม่ และวัดซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินก็ไม่มีหน้าที่คืนหรือชดใช้ราคาแก่ผู้ซื้อเพราะกรณีไม่เข้ามาตรา 1332
บรรยายฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของวัดกลางมาแต่สร้างวัดเช่นนี้หาเป็นเคลือบคลุมไม่ กรณีวัดจะได้ที่มาโดยเหตุใด เมื่อใดไม่ใช่ข้อสำคัญและไม่มีทางที่จะหลงผิดในการต่อสู้คดี
เจ้าอาวาสแห่งวัดมอบอำนาจให้บุคคลดำเนินคดีแทนวัดได้อ้างฎีกาที่ 823,824,825/2496
การมอบอำนาจก็คือการให้ตัวแทนมีอำนาจทำการแทนตัวการนั่นเอง และการแต่งตั้งตัวแทนนั้นจะแต่งตั้งโดยเปิดเผยหรือโดยปริยายก็ได้(มาตรา 797 วรรคสอง) และกิจการใดที่กฎหมายบัญญัติว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนก็ต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย การที่ทำหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือย่อมหมายถึงหนังสือหรือหลักฐานอันมีลายมือชื่อของผู้เป็นตัวการซึ่งเป็นผู้แต่งตั้ง(มาตรา 9)ส่วนสำหรับตัวแทนหรือผู้รับมอบนั้นหามีกฎหมายใดบังคับให้ต้องลงนามด้วยไม่
ข้อกฎหมายที่เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้ามหาฎีกาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งตัวแทนกู้ยืมเงินและการฟ้องเรียกหนี้แทนตัวการ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ไม่ทำให้เป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นตัวแทนมารดาโจทก์จำเลยไปกู้เงิน ต่อมามารดาตายจำเลยรับมรดกนาไปเสียคนเดียว เป็นเหตุให้โจทก์ต้องใช้หนี้เงินกู้นั้นแทนกองมรดก-ไปขอให้จำเลยใช้ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นเรื่องที่ตัวแทนฟ้องเรียกเงินที่ต้องชำระหนี้แทนตัวการไปโจทก์มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนกู้ยืมเงิน การให้สัตยาบัน และผลของการขาดหลักฐานเป็นหนังสือ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นตัวแทนมารดาโจทก์จำเลยไปกู้เงินต่อมามารดาตายจำเลยรับมรดกนาไปเสียคนเดียวเป็นเหตุให้โจทก์ต้องใช้3หนี้เงินกู้นั้นแทนกองมรดกไปขอให้จำเลยใช้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นเรื่องที่ตัวแทนฟ้องเรียกเงินที่ต้องชำระหนี้แทนตัวการไปโจทก์มีอำนาจฟ้อง
of 89