คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนวย สุขพรหม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 485 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาล - การครอบครองสลากและการนำไปขึ้นเงินรางวัลโดยมิชอบ
จำเลยที่ 1 ขอสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลจากโจทก์ไปตรวจกับผลการออกรางวัลที่จำเลยที่ 2 จดไว้แล้วไม่คืนให้โจทก์กลับนำไปมอบให้ธนาคารขอรับเงินรางวัลแทนและนำเงินมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 และ ท. ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ 2 และมารดาจำเลยที่ 1 ที่ธนาคารดังกล่าวอันเป็นการเบียดบังเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลและเงินรางวัลที่ได้รับมาเป็นของตนและของบุคคลอื่นโดยทุจริต การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 ในครอบครัว กระทำโดยทุจริต ละโมบ และขาดเมตตาธรรม
จำเลยที่1 ขอสลากกินแบ่งรัฐบาลจากโจทก์ไปตรวจกับผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จำเลยที่2จดไว้แล้วไม่คืนให้โจทก์กลับนำไปมอบให้ธนาคารขอรับเงินรางวัลแทนและนำเงินมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่2และ ท. ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่2และมารดาจำเลยที่1ที่ธนาคารดังกล่าวอันเป็นการเบียดบังเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทและเงินรางวัลที่ได้รับมาเป็นของตนและของบุคคลอื่นโดยทุจริตการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานยักยอก จำเลยทั้งสองฉวยโอกาสจากการที่เป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกันและใกล้ชิดสนิทสนมกับโจทก์ยักยอกเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทซึ่งถูกรางวัลที่1เป็นจำนวนเงินถึง6,000,000บาทอันนับได้ว่าเป็นโชคลาภสูงสุดของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตนและบุคคลอื่นโดยทุจริตด้วยความละโมบโลภมากไม่คำนึงถึงบาปบุญคุณโทษและศีลธรรมอันดีอีกทั้งยังขาดเมตตาธรรมต่อโจทก์ผู้ที่ควรจะได้รับประโยชน์และความสุขจากโชคลาภดังกล่าวจนกระทั่งในที่สุดโจทก์ถึงแก่ความตายเพราะถูกฆ่าในระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นตาม พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุที่จะลงโทษจำเลยทั้งสองในสถานเบา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 654/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากขวดน้ำอัดลม: ศาลฎีกาชี้พฤติการณ์ทำร้ายด้วยอาวุธอันตรายถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยที่4ใช้ขวดน้ำอัดลมขนาดใหญ่ที่ทำจากวัสดุแข็งและมีน้ำอัดลมบรรจุอยู่บางส่วนอันทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น อาวุธตีทำร้ายผู้ตายบริเวณศรีษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญหลายครั้งแม้ขณะที่ผู้ตายล้มลงหมดสติไปแล้วก็ยังตีซ้ำอีกถึง3ถึง4ครั้งจนเป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลที่หน้าผากและศรีษะภาวะสมองไม่ทำงานจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงไม่รู้สึกตัวไม่ตอบสนองต่อความเจ็บปวดหัวใจล้มเหลวและถึงแก่ความตายหลังจากเกิดเหตุเพียงเล็กน้อยพฤติการณ์ของจำเลยที่4ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่4ตีทำร้ายผู้ตายโดยเจตนาฆ่า ก่อนที่ผู้ตายกับกลุ่มของจำเลยที่4จะมีเรื่องทะเลาะโต้เถียงท้าทายให้ออกมาชกต่อยกันจนพวกของจำเลยที่4ออกมาชกต่อยผู้ตายแล้วเกิดการชุลมุนต่อสู้จนผู้ตายถูกจำเลยที่4ใช้ขวดน้ำอัดลมขนาด1ลิตรตีทำร้ายถึงแก่ความตายผู้ที่ก่อเหตุให้เกิดพฤติการณ์ดังกล่าวก็คือผู้ตายกรณีจึงมีเหตุสมควรลดโทษจำเลยที่4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้กำลัง ผู้เสียหายและพยานยืนยันตัวตนคนร้าย มีหลักฐานรับสารภาพและชี้จุดเกิดเหตุ
เมื่อผู้เสียหายและนางสาว ค. ประจักษ์พยานโจทก์ซึ่งไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อนไม่มีเหตุที่จะปรักปรำจำเลยต่างยืนยันว่าจำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำของผู้เสียหายทั้งภายหลังเกิดเหตุไม่นานเมื่อร้อยตำรวจโท ส. จับจำเลยมาจากห้องน้ำซึ่งจำเลยเข้าไปซ่อนตัวอยู่ผู้เสียหายก็ยืนยันในขณะนั้นว่าจำเลยเป็นคนร้ายในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การรับสารภาพตลอดมาและยังได้นำพนักงานสอบสวนไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพให้ถ่ายภาพไว้ด้วยพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาฟังได้แน่ชัดปราศจากสงสัยว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำผิดจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบยึดเช็คชำระค่าที่ดินโดยไม่มีอำนาจ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ขาย
จำเลยรับราชการตำแหน่งปฏิรูปที่ดินจังหวัด มีหน้าที่ในการจัดซื้อที่ดินและจัดการจ่ายเงินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดให้แก่ผู้ขายสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดดำเนินการจัดซื้อที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินแปลงที่ 4และแปลงที่ 5 จาก ร. สำหรับแปลงที่ 5 สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดได้ดำเนินการจัดซื้อและชำระราคาที่ดินให้แก่ ร.ผู้ขายเรียบร้อยแล้ว ส่วนแปลงที่ 4นั้น ในวันที่ 14 มิถุนายน 2527 สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดได้ดำเนินการจัดซื้อและชำระราคาที่ดินให้แก่ผู้ขายโดยปราศจากเงื่อนไขและแยกชำระราคาเป็นพันธบัตรรัฐบาลและเงินสด ในส่วนที่จ่ายเป็นเงินสดนั้นได้แยกจ่ายเป็นเช็คผู้ถือจากบัญชีของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด รวม 3 ฉบับ จำเลยได้มอบเช็คให้แก่ ส.เพียง 2 ฉบับ จำเลยจะอ้างเหตุการณ์ในอนาคตซึ่งอาจเป็นปัญหาขึ้นมาเพื่อยึดถือเอาเช็คฉบับที่ 3 จำนวนเงิน 280,000 บาท ไว้เป็นประกันค่าเสียหายค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการซื้อขายที่ดินแปลงที่ 5 โดยไม่มีกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการใด ๆ ให้อำนาจที่จะกระทำเช่นนั้นหาได้ไม่ หากจะมีปัญหาขึ้นมาในอนาคตว่าที่ดินแปลงที่ 5 มีการรุกล้ำป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่เพียงใด ก็เป็นปัญหาที่จะไปแก้ไขกันในเรื่องที่ดินแปลงที่ 5 นั้น จำเลยไม่มีอำนาจหรือหน้าที่เข้าไปแก้ไขปัญหาล่วงหน้าเช่นนั้นด้วยการยึดเช็คที่ชำระราคาค่าที่ดินแปลงที่ 4 ให้แก่ ร.ผู้ขายมาเข้าบัญชีธนาคารในนามของตนได้ ทั้งเมื่อปรากฏว่าไม่มีปัญหาใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินแปลงที่ 5 การที่จำเลยยึดเช็คไว้เช่นนี้จึงไม่ชอบและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ร.ที่ไม่สามารถได้รับชำระราคาค่าที่ดินจำนวน 280,000 บาท ตามวันสั่งจ่ายในเช็คได้ นอกจากนี้หลังจากจำเลยนำเช็คดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝากของตนแล้วจำเลยได้เบิกถอนเงินจากบัญชีนั้นเป็นระยะ ๆ ไป อันแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าที่จำเลยเบิกถอนมาเพื่อประโยชน์มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น แม้ต่อมาจำเลยจะได้คืนเงินให้แก่ ร.และตัวแทนเรียบร้อยแล้ว และ ร.หรือ ส.ผู้รับมอบอำนาจ มิได้โต้แย้งหรือร้องเรียนว่าไม่เต็มใจหรือถูกจำเลยเพทุบายให้ยึดเช็คดังกล่าวก็ตาม การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ร.และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในคุณสมบัติทรัพย์สิน สัญญาจะซื้อขายเป็นโมฆียะ จำเลยต้องคืนเงินมัดจำ
จำเลยทราบตั้งแต่ปี 2517 ว่าไม่สามารถออก น.ส.3 ที่ดินพิพาทและโอนให้แก่ ป. เพราะที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์แต่ปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่แจ้งให้โจทก์ทราบซึ่งหากโจทก์ทราบว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ก็ย่อมจะไม่ซื้อเพราะจะขายต่อให้แก่ผู้ใดมิได้การแสดงเจตนาของโจทก์จึงเป็นไปโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์สินคือที่ดินพิพาทซึ่งตามปกติถือว่าเป็นสาระสำคัญสัญญาจะซื้อขายจึงเป็นโมฆียะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารต้องทำให้เกิดความเสียหาย – ภาพถ่ายตนเองไม่ถือเป็นเอกสารปลอม
การที่จำเลยนำเอาภาพถ่ายของจำเลยเองมาปิดทับลงในสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของจำเลย ถึงแม้จะกระทำไปเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจและบุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่าเป็นต้นฉบับเอกสารที่แท้จริง แต่ในเมื่อเป็นภาพถ่ายของจำเลยและเป็นสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของจำเลยเอง การกระทำของจำเลยย่อมไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ แก่ผู้อื่นหรือประชาชน จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร แม้จำเลยจะนำไปใช้ก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามที่โจทก์ฟ้องไปได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยผู้ฎีกาก็ยกขึ้นอ้างได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดทับภาพถ่ายบนสำเนาเอกสาร ไม่เป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร หากไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
การที่จำเลยนำเอาภาพถ่ายของจำเลยเองมาปิดทับลงในสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของจำเลยถึงแม้จะกระทำไปเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจและบุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่าเป็นต้นฉบับเอกสารที่แท้จริงแต่ในเมื่อเป็นภาพถ่ายของจำเลยและเป็นสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของจำเลยเองการกระทำของจำเลยย่อมไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆแต่ผู้อื่นหรือประชาชนจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารแม้จำเลยจะนำไปใช้ก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามที่โจทก์ฟ้องไปได้ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตามจำเลยผู้ฎีกาก็ยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบมาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขสำเนาเอกสารด้วยภาพถ่ายตนเอง ไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารหรือใช้เอกสารปลอม หากไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย
จำเลยนำภาพถ่ายของตนมาปิดทับลงในสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของตนแม้เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจและบุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่าเป็นต้นฉบับเอกสารที่แท้จริงแต่ก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆแก่ผู้อื่นหรือประชาชนจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารและแม้จะได้นำไปใช้ก็ไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยจำเลยยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่า: พยานหลักฐานไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนายิงประทุษร้ายผู้เสียหาย
คำเบิกความของผู้เสียหายทั้งสี่กับ ร. และ ส. ไม่ปรากฏว่าก่อนและขณะเกิดเหตุผู้เสียหายทั้งสี่แสดงกิริยาหรือวาจาอันเป็นเหตุให้จำเลยโกรธเคืองหรือไม่พอใจผู้เสียหายทั้งสี่และได้ความจากผู้เสียหายทั้งสี่ด้วยว่าไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยอีกทั้งสภาพบริเวณเกิดเหตุที่ผู้เสียหายทั้งสี่นั่งล้อมวงคุยกันเป็นทุ่งนาโล่งกว้างต่ำกว่าจุดที่จำเลยอยู่และใกล้วิถีกระสุนปืนซึ่งง่ายต่อการถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงมาอยู่มากแต่กระสุนปืนที่จำเลยยิงไป1นัดก็ไม่ถูกผู้ใดและไม่ปรากฏร่องรอยกระสุนปืนที่พื้นดินบริเวณนั้นด้วยนอกจากนี้ยังคงมีกระสุนปืนเหลืออยู่ในแม็กกาซีนถึง7นัดในสภาพพร้อมยิงได้ทันทีแต่จำเลยไม่ได้ใช้ยิงเลยโดยไม่ปรากฏสิ่งใดขัดขวางประกอบกับเหตุเกิดกระทันหันในเวลากลางคืนโดยจำเลยใช้อาวุธปืนสั้นยิงออกไปคนละทางกับ ร.ผู้ขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวตัดหน้ารถจำเลยซึ่งก่อเหตุการณ์ให้จำเลยยิงปืนโอกาสที่พยานจะไม่ทันสังเกตว่าจำเลยจ้องปืนไปทางใดย่อมมีอยู่มากพฤติการณ์ที่กล่าวมาแสดงว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปคนละทางกับผู้เสียหายทั้งสี่โดย ไม่มี เจตนายิงประทุษร้ายไปทางผู้เสียหายทั้งสี่ซึ่งเจือสมกับคำเบิกความของจำเลยที่ว่าจำเลยยิงปืนขึ้นฟ้า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยฐาน พยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสี่
of 49