คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนวย สุขพรหม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 485 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5669/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: การกระทำความผิดทางอาญาต่อผู้เยาว์และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษ
ผู้เยาว์อายุ 16 ปีเศษ อยู่ที่บ้านของผู้เสียหายซึ่งเป็นบิดาที่ต่างจังหวัดกับพี่ชายซึ่งมีอายุ 18 ปี โดยผู้เสียหายฝาก ด.ซึ่งเช่าบ้านอยู่ติดกันเป็นผู้ดูแลและให้เงินเป็นค่าใช้จ่ายส่วนผู้เสียหายไปทำงานที่กรุงเทพมหานครไม่ทำให้อำนาจปกครองของผู้เสียหายหมดไป การที่ผู้เยาว์ออกจากบ้านไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เสียหายโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย แล้วจำเลยพาผู้เยาว์ไปค้างคืนอยู่ที่บ้านจำเลยตลอดมาเพราะรักใคร่ชอบพอกันฉันชู้สาว ถือได้ว่าจำเลยพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา ขณะเกิดเหตุจำเลยอายุ 31 ปี และมีภรรยากับบุตรแล้ว ไม่มีเจตนาจะเลี้ยงดูผู้เยาว์เป็นภริยา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5521/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญาและการระงับการฟ้องร้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 278 กระทงหนึ่ง ฐานร่วมกันกระทำผิดต่อเสรีภาพและฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ปราศจากเสรีภาพตาม ป.อ. มาตรา 309วรรคสอง, 310 วรรคแรก, 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานกระทำผิดต่อเสรีภาพ ตามมาตรา 309 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด อีกกระทงหนึ่ง จำเลยฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้เสียหายยื่นคำร้องมีข้อความว่าผู้เสียหายไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยทุกข้อหาศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะความผิดตามมาตรา 278 และ 310 วรรคแรกออกจากสารบบความ คงมีปัญหาที่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยเพียงว่า จำเลยกระทำผิดตามมาตรา 309 วรรคสอง หรือไม่ เมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 309 วรรคแรก เท่านั้น ซึ่งความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความได้ และคดียังไม่ถึงที่สุด การที่ผู้เสียหายยื่นคำร้องมีข้อความดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นการยอมความกันในความผิดที่ศาลฎีกาวินิจฉัยนี้ด้วย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) ศาลฎีกาต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5521/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความของผู้เสียหายในคดีอาญา ทำให้สิทธิการฟ้องคดีอาญาเป็นอันระงับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 278 กระทงหนึ่ง ฐานร่วมกันกระทำผิดต่อเสรีภาพและฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ปราศจากเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง,310 วรรคแรก,83เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานกระทำผิดต่อเสรีภาพ ตามมาตรา 309 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดอีกกระทงหนึ่ง จำเลยฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาผู้เสียหายยื่นคำร้องมีข้อความว่าผู้เสียหายไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยทุกข้อหา ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะความผิดตามมาตรา 278 และ 310 วรรคแรก ออกจากสารบบความคงมีปัญหาที่ศาลฎีกาต้องวินิจฉัยเพียงว่า จำเลยกระทำผิดตามมาตรา 309 วรรคสอง หรือไม่ เมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 309 วรรคแรก เท่านั้นซึ่งความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความได้ และคดียังไม่ถึงที่สุดการที่ผู้เสียหายยื่นคำร้องมีข้อความดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นการยอมความกันในความผิดที่ศาลฎีกาวินิจฉัยนี้ด้วย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) ศาลฎีกาต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5483/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้มีผลบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองกู้เงินโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1 ต่อมาได้ทำเอกสารหมาย จ.2 มีข้อความว่า ข้าพเจ้าได้กู้เงิน บ. (โจทก์) เป็นเงิน100,000 บาท จะผ่อนส่งคืนให้หมดสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2534 แล้วลงท้ายด้วยการลงชื่อของจำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นข้อความที่แสดงแจ้งชัดว่าจำเลยทั้งสองรับว่าเป็นหนี้เงินกู้โจทก์รายนี้จริง จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ที่มีผลบังคับได้ตามป.พ.พ.มาตรา 172 (เดิม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5483/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้มีผลผูกพันตามกฎหมาย แม้จะเกิดขึ้นหลังสัญญากู้เงินเดิม
จำเลยทั้งสองกู้เงินโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1 ต่อมาได้ทำเอกสารหมาย จ.2 มีข้อความว่า ข้าพเจ้าได้กู้เงิน บ.(โจทก์) เป็นเงิน 100,000 บาท จะผ่อนส่งคืนให้หมดสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2534 แล้วลงท้ายด้วยการลงชื่อของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นข้อความที่แสดงแจ้งชัดว่าจำเลยทั้งสองรับว่าเป็นหนี้เงินกู้โจทก์รายนี้จริง จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ที่มีผลบังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172(เดิม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5339/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมซื้อขายที่ดินโดยเจตนาลวง และผลกระทบต่อสิทธิของผู้รับจำนอง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทและเนื่องจากโจทก์เป็นหนี้ธนาคารจำนวนมาก แต่ที่ดินพิพาทมีราคาต่ำ ธนาคารไม่มีความเชื่อถือที่จะให้โจทก์ใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงินได้โจทก์จึงต้องแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันโอนขายให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์แล้วให้จำเลยนำไปจำนองเป็นประกันเงินกู้ที่ ป. เป็นผู้กู้จากธนาคารแทนโจทก์ ต่อมาโจทก์ได้มอบเงินให้จำเลยชำระหนี้แก่ธนาคารครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวคืนโจทก์ต่อมาจำเลยนำที่ดินไปจำนองเป็นประกันเงินกู้ที่ธนาคารอีก โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์และปฏิเสธไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนโจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทคืนโจทก์โดยปลอดภาระหนี้สิน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความตามคำฟ้อง แต่ศาลก็ไม่อาจบังคับตามคำขอของโจทก์ที่ขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนโจทก์โดยปลอดภาระหนี้สิน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยได้ เพราะจะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้รับจำนอง เว้นแต่จะได้มีการชำระหนี้โดยครบถ้วนจึงจะดำเนินการไถ่ถอนจำนองได้ ดังนั้น หากจำเลยไม่ดำเนินการไถ่ถอนจำนองแล้ว จึงต้องให้โจทก์ดำเนินการแทนโดยให้จำเลยรับผิดชอบชดใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5339/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมลวงซื้อขายที่ดินเพื่อจำนอง ศาลสั่งให้จำเลยไถ่ถอนจำนองและโอนกรรมสิทธิ์คืน
การที่โจทก์จดทะเบียนขายที่ดินให้จำเลยเพื่อให้จำเลยนำที่ดินไปประกันเงินกู้ของนางสาว ป. โดยมิได้ตกลงซื้อขายกันจริงหนังสือสัญญาขายที่ดินจึงเกิดขึ้นโดยเจตนาลวง เป็นโมฆะ จำเลยไม่มีอำนาจนำที่ดินไปจำนองต่อธนาคาร แต่ที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนโจทก์โดยปลอดภาระหนี้สิน หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ซึ่งการบังคับโดยถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยไม่สามารถทำได้ เพราะจะทำให้กระทบถึงสิทธิของผู้รับจำนองซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ดังนั้นในกรณีนี้หากจำเลยไม่ดำเนินการไถ่ถอนจำนองก่อน ก็ให้โจทก์ดำเนินการแทนโดยให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3888/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันของผู้ขนส่งหลายคนในสัญญาขนส่ง และการระงับความรับผิดจากการประนีประนอมยอมความ
ดวงตราของโจทก์ที่ประทับในใบแต่งทนายความมีรูปร่างลักษณะ และรายละเอียดตัวอักษรในดวงตราเหมือนกับดวงตราที่จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนของกรมทะเบียนการค้าทุกประการต่างกันแต่เพียงว่ามีขนาดไม่เท่ากัน ดังนี้ เมื่อกรมทะเบียนการค้าไม่มีระเบียบข้อบังคับว่าดวงตราที่ใช้ประทับจะต้องมีขนาดเท่าดวงตราที่จดทะเบียนไว้ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้ดวงตราที่ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับประทับในใบแต่งทนายความ อีกทั้งในระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ได้ยื่นใบแต่งทนายความใหม่มีกรรมการของบริษัทลงชื่อและประทับตราถูกต้องตามข้อบังคับที่จดทะเบียนไว้ต่อศาลและให้สัตยาบันแก่กระบวนพิจารณาที่ทนายโจทก์ได้ดำเนินไปแล้วศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต การยื่นคำฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายตามกรมธรรม์ประกันภัยแก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิมาฟ้องเรียกเอาแก่จำเลยผู้ขนส่ง มิได้ฟ้องบังคับคดีตามสัญญาประกันภัยจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคแรกอันจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ ฝ่ายที่ต้องรับผิดมาแสดงจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ และไม่ตกอยู่ภายในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ข้อตกลงใช้ค่าเสียหายที่ไม่ชัดเจน ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นว่า มีจำนวนเท่าใดแน่นอน จึงไม่ระงับข้อพิพาทที่จะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างผ่อนผันให้แก่กัน ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เครื่องจักรแม้จะมีราคาหลายล้านบาท แต่ก็เป็นสินค้าธรรมดาสามัญทั่วไปที่มีราคาสูงเท่านั้น ไม่ใช่ของมีค่าตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 620 จำเลยที่ 1 รับจ้าง ส. ขนเครื่องจักร แล้วไปติดต่อจำเลยที่ 3ให้จัดหารถบรรทุกเครื่องจักรให้ จำเลยที่ 3 ออกใบเสร็จรับเงินและใบรับของให้จำเลยที่ 1 และติดต่อหารถบรรทุกให้ ซึ่งเป็นรถที่จดทะเบียนใช้ใบอนุญาตประกอบการขนส่งและดำเนินการรับจ้างขนส่งสินค้าในนามของจำเลยที่ 5 โดยระบุในหนังสือแสดงการจดทะเบียนว่าจำเลยที่ 5 มีสิทธิครอบครองและใช้ประกอบการขนส่งไปบรรทุกเครื่องจักรให้ ส. พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 5เป็นการขนส่งหลายคนหลายทอด ดังนั้นเมื่อเครื่องจักรบุบสลายระหว่างขนส่ง จะต้องร่วมกันรับผิด จำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 5 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3888/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, การรับช่วงสิทธิ, ความรับผิดของผู้ขนส่ง, สัญญาประนีประนอมยอมความ, และการพิสูจน์หลักฐาน
ดวงตราที่ประทับในใบแต่งทนายความของโจทก์เหมือนกับที่จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียน ต่างกันแต่เพียงขนาด เมื่อไม่ปรากฏว่ามีระเบียบข้อบังคับของกรมทะเบียนการค้าว่าดวงตราที่ประทับจะต้องมีขนาดเท่ากับดวงตราที่จดทะเบียนไว้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้ดวงตราที่ไม่ถูกต้องประทับในใบแต่งทนาย ทั้งในระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ได้ยื่นใบแต่งทนายใหม่มีกรรมการลงชื่อและประทับตราถูกต้องตามข้อบังคับต่อศาล และให้สัตยาบันแก่กระบวนพิจารณาที่ทนายโจทก์ดำเนินไปแล้ว ศาลชั้นต้นอนุญาต การยื่นฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องในฐานะผู้รับประกันภัยซึ่งได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิมาฟ้องเรียกเอาแก่จำเลยผู้ขนส่ง มิใช่ฟ้องให้บังคับตามสัญญาประกันภัย จึงไม่อยู่ในบังคับ ป.พ.พ. มาตรา 867วรรคหนึ่ง ที่จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดมาแสดงและไม่ตกอยู่ในบังคับ ป.วิ.พ. มาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
ข้อตกลงใช้ค่าเสียหายตามบันทึกประจำวันซึ่งตัวแทนฝ่ายจำเลยทำกับตัวแทนฝ่ายบริษัทผู้ส่งภายหลังเกิดเหตุไม่ชัดเจน ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามีจำนวนเท่าใดแน่นอน ไม่อาจระงับข้อพิพาทที่จะเกิดขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างผ่อนผันให้แก่กัน ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
เครื่องปิดฉลากอากรแสตมป์ขวดสุราเป็นเพียงสินค้าธรรมดาสามัญทั่วไปที่มีราคาสูงเท่านั้น ไม่ใช่ของมีค่าพิเศษ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 620
การขนส่งเครื่องปิดฉลากดังกล่าวมีผู้ขนส่งหลายคนคือจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 5 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีวัตถุประสงค์รับขนส่ง เมื่อของที่ขนส่งบุบสลาย จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 5 ผู้ขนส่งทั้งนั้นจึงต้องร่วมกันรับผิดตามป.พ.พ. มาตรา 618 จำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3888/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, การรับช่วงสิทธิ, ความรับผิดของผู้ขนส่ง, สัญญาประกันภัย, และการประเมินความเสียหาย
ดวงตราที่ประทับในใบแต่งทนายความของโจทก์เหมือนกับที่จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียน ต่างกันแต่เพียงขนาด เมื่อไม่ปรากฎว่ามีระเบียบข้อบังคับของกรมทะเบียนการค้าว่าดวงตราที่ประทับจะต้องมีขนาดเท่ากับดวงตราที่จดทะเบียนไว้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ใช้ดวงตราที่ไม่ถูกต้องประทับในใบแต่งทนาย ทั้งในระหว่างสืบพยานโจทก์โจทก์ได้ยื่นใบแต่งทนายใหม่มีกรรมการลงชื่อและประทับตราถูกต้องตามข้อบังคับต่อศาล และให้สัตยาบันแก่กระบวนพิจารณาที่ทนายโจทก์ดำเนินไปแล้ว ศาลชั้นต้นอนุญาต การยื่นฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้อง โจทก์ฟ้องในฐานะผู้รับประกันภัยซึ่งได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิมาฟ้องเรียกเอาแก่จำเลยผู้ขนส่ง มิใช่ฟ้องให้บังคับตามสัญญาประกันภัยจึงไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคหนึ่งที่จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดมาแสดงและไม่ตกอยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ข้อตกลงใช้ค่าเสียหายตามบันทึกประจำวันซึ่งตัวแทนฝ่ายจำเลยทำกับตัวแทนฝ่ายบริษัทผู้ส่งภายหลังเกิดเหตุไม่ชัดเจน ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามีจำนวนเท่าใดแน่นอน ไม่อาจระงับข้อพิพาทที่จะเกิดขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างผ่อนผันให้แก่กัน ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เครื่องปิดฉลากอากรแสตมป์ขวดสุราเป็นเพียงสินค้าธรรมดาสามัญทั่วไปที่มีราคาสูงเท่านั้น ไม่ใช่ของมีค่าพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 620 การขนส่งเครื่องปิดฉลากดังกล่าวมีผู้ขนส่งหลายคนคือจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 5 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีวัตถุประสงค์รับขนส่ง เมื่อของที่ขนส่งบุบสลาย จำเลยที่ 1ที่ 3 ที่ 5 ผู้ขนส่งทั้งนั้นจึงต้องร่วมกันรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 จำเลยที่ 2 ที่ 4ที่ 6 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5จึงต้องร่วมรับผิดด้วย
of 49