พบผลลัพธ์ทั้งหมด 254 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7326/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับสัญญาประกันตัว: ศาลมีอำนาจลดจำนวนลงได้หากผู้ถูกประกันได้รับโทษทางอาญาครบถ้วน
จำนวนเงินที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันซึ่งผู้ค้ำประกันจะต้องชำระเมื่อมีการผิดสัญญาโดยส่งตัวผู้ที่ขอประกันให้ตามกำหนดมิได้นั้นเป็นเบี้ยปรับ ซึ่งศาลมีอำนาจจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383 วรรคหนึ่ง เมื่อพิเคราะห์ถึงปัญหาแห่งความผิดที่อ้างว่า พ. ผู้ต้องหากระทำความผิดฐานลักลอบนำของหนีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติศุลกากรประกอบกับโจทก์ได้ตัว พ. ไปดำเนินคดีจนได้ค่าปรับตามบทบัญญัติกฎหมายครบถ้วนแล้ว โจทก์ไม่ได้เสียหายอะไรอีกจึงเห็นควรลดจำนวนเงินค่าปรับลงให้เหมาะสมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7109/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเพิกถอนการรับรองบุตรไม่ชอบ เมื่อไม่ได้ฟ้องผู้ถูกจดทะเบียน
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้ขัดขวางโจทก์ทั้งแปดที่จะพบปะเยี่ยมเยียนและปรนนิบัติ ต. ผู้เป็นบิดาตามสิทธิของโจทก์ทั้งแปด จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ทั้งแปดมิใช่บุตรของ ต. อันเป็นการปฏิเสธว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะห้ามจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การจำเลยในชั้นนี้จึงมีเพียงว่า สมควรห้ามจำเลยตามคำฟ้องของโจทก์หรือไม่เท่านั้น มิได้พาดพิงไปถึงเรื่องการรับรองบุตรนอกกฎหมายของ ต. ด้วย ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรของ ต. โดยอ้างว่าการจดทะเบียนรับรองบุตรดังกล่าวเกิดจากการฉ้อฉลของโจทก์ จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทตามประเด็นในฟ้องเดิมของโจทก์
แม้จำเลยจะมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรของ ต. ได้ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต. ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยมิได้ฟ้อง ต. ผู้จดทะเบียนรับรองบุตรมาด้วย คงฟ้องแย้งลำพังแต่โจทก์ทั้งแปดเท่านั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีคำขอให้มีผลบังคับอันจะกระทบกระเทือนถึงสิทธิของ ต. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีด้วย จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้ ไม่ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา
แม้จำเลยจะมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรของ ต. ได้ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต. ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยมิได้ฟ้อง ต. ผู้จดทะเบียนรับรองบุตรมาด้วย คงฟ้องแย้งลำพังแต่โจทก์ทั้งแปดเท่านั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีคำขอให้มีผลบังคับอันจะกระทบกระเทือนถึงสิทธิของ ต. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีด้วย จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้ ไม่ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการจัดการมรดก: การพิสูจน์ความเป็นบุตรตามหลักกฎหมายอิสลาม และอำนาจศาลในการวินิจฉัยข้อกฎหมายอิสลาม
การที่ผู้คัดค้านมิใช่ทายาทของผู้ตายในอันที่จะมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ทั้งยังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายมิให้เป็น ผู้จัดการมรดกของผู้ตายอีกด้วย ฉะนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายตามหลักกฎหมายอิสลามของผู้ตาย เป็นทายาทผู้มีส่วนได้เสียและไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายการที่ผู้คัดค้านฎีกาคัดค้านเพียงว่า ผู้ร้องมิใช่บุตรของผู้ตายจึงมีผลเช่นเดียวกับผู้คัดค้านซึ่งมิใช่ทายาทและมิได้มีส่วนได้เสียในมรดกของผู้ตายมาคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิคัดค้านการตั้ง ผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องมรดก คดีเกิดในจังหวัดนราธิวาส ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นอิสลามศาสนิก จึงตกอยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามมาตรา 3 ที่ต้องใช้กฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดกบังคับแทนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามมาตรา 4 บัญญัติให้ดะโต๊ะยุติธรรมมีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม ปัญหาที่ว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยหลักกฎหมายอิสลามของผู้ตายหรือไม่และผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ตามหลักกฎหมายอิสลามหรือไม่เป็นข้อกฎหมายอิสลามที่ดะโต๊ะยุติธรรมต้องเป็นผู้ชี้ขาดศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่มีอำนาจวินิจฉัยข้อกฎหมายอิสลามได้ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในปัญหาดังกล่าว