คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมคิด ไตรโสรัส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดแม้มีเงื่อนไขตกลงกับผู้ทรงเช็ค หากไม่นำสืบข้อเท็จจริงตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทจำเลยที่1ผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้การต่อสู้ว่ามีเงื่อนไขตกลงกับโจทก์ว่าโจทก์จะต้องมอบเครื่องเพชรพลอยรูปพรรณให้จำเลยที่1ไปจำหน่ายแต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงจำเลยที่1จึงมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา84 แม้โจทก์จะนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของบุคคลใดแต่เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทที่ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ย่อมเป็นบุคคลที่ถูกโต้แย้งสิทธิโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ทรงเช็คพิพาท – เงื่อนไขการจ่ายเช็ค – อำนาจฟ้อง
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท จำเลยที่ 1 ผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้การต่อสู้ว่ามีเงื่อนไขตกลงกับโจทก์ว่าโจทก์จะต้องมอบเครื่องเพชรพลอยรูปพรรณให้จำเลยที่ 1 ไปจำหน่าย แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง จำเลยที่ 1จึงมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวตาม ป.วิ.พ.มาตรา 84
แม้โจทก์จะนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของบุคคลใด แต่เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทที่ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ย่อมเป็นบุคคลที่ถูกโต้แย้งสิทธิ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโอนเช็คพิพาทด้วยเจตนาฉ้อฉล โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค
จำเลยที่1ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่2ปลูกบ้านและได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับลงวันที่ล่วงหน้ามอบให้จำเลยที่2เป็นค่าจ้างปลูกบ้านงวดที่4เมื่อจำเลยที่2ได้รับเช็คพิพาทแล้วก็ทิ้งงานไปจำเลยที่1ได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้แนะนำจำเลยที่2ให้รู้จักกับจำเลยที่1ทราบและให้ช่วยติดตามจำเลยที่2ให้ด้วยดังนั้นการที่โจทก์รับเช็คพิพาทจากจำเลยที่2ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่จำเลยที่1จ่ายให้จำเลยที่2เป็นค่าจ้างสร้างบ้านงวดที่4และจำเลยที่2ได้ทิ้งงานไปไม่สร้างให้เสร็จตามสัญญาจำเลยที่1จึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็คพิพาทให้จำเลยที่2การรับโอนเช็คพิพาทของโจทก์จากจำเลยที่2เป็นการรับโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉลโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโอนเช็คพิพาทด้วยคบคิดฉ้อฉลทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 2 ปลูกบ้านและได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับลงวันที่ล่วงหน้า มอบให้จำเลยที่ 2 เป็นค่าจ้างปลูกบ้านงวดที่ 4เมื่อจำเลยที่ 2 ได้รับเช็คพิพาทแล้วก็ทิ้งงานไป จำเลยที่ 1 ได้แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้แนะนำจำเลยที่ 2 ให้รู้จักกับจำเลยที่ 1 ทราบ และให้ช่วยติดตามจำเลยที่ 2ให้ด้วย ดังนั้นการที่โจทก์รับเช็คพิพาทจากจำเลยที่ 2 ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 จ่ายให้จำเลยที่ 2 เป็นค่าจ้างสร้างบ้านงวดที่ 4 และจำเลยที่ 2 ได้ทิ้งงานไปไม่สร้างให้เสร็จตามสัญญา จำเลยที่ 1 จึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็คพิพาทให้จำเลยที่ 2 การรับโอนเช็คพิพาทของโจทก์จากจำเลยที่ 2เป็นการรับโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉล โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินเริ่มนับแต่วันออกตั๋ว
ตั๋วสัญญาใช้เงินระบุว่าผู้ออกตั๋วได้ออกตั๋วเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน2528 สัญญาว่าจะจ่ายเงิน 10,030,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5ต่อปี ในวันที่ 17 มิถุนายน 2529 ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้นับแต่วันที่17 มิถุนายน 2528 ซึ่งเป็นวันออกตั๋วสัญญาใช้เงินตาม ป.พ.พ. มาตรา 911ประกอบมาตรา 985

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงิน: เริ่มนับแต่วันออกตั๋วตามกฎหมาย
ตั๋วสัญญาใช้เงินระบุว่าผู้ออกตั๋วได้ออกตั๋วเมื่อวันที่17มิถุนายน2528สัญญาว่าจะจ่ายเงิน10,030,000บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ18.5ต่อปีในวันที่17มิถุนายน2529ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้นับแต่วันที่17มิถุนายน2528ซึ่งเป็นวันออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา911ประกอบมาตรา985

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คชำระหนี้ต้องพิสูจน์หนี้จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ ถือไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4นั้นข้อเท็จจริงได้ความว่าขณะที่ผู้ออกเช็คออกเช็คนั้นเพื่อเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อชั้นไต่สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณาโจทก์ไม่นำสืบว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายให้แก่ศ. ผู้สลักหลังเช็คดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับภายหลังพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา2วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องทุกข์ไม่ถูกต้อง ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ใบรับคำร้องทุกข์ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2535 ไม่ใช่คำร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีนี้ แต่เป็นคำร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยสำหรับเช็คอีกฉบับหนึ่ง จึงฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์คดีนี้ต่อพนักงานสอบสวนตามระเบียบแล้ว เมื่อคดีนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนตาม ป.วิ.อ.มาตรา 121 วรรคสอง การสอบสวนคดีนี้จึงไม่ชอบโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามมาตรา 120 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้มิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 885/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จัดหางานผิดกฎหมายหลอกลวงผู้เสียหาย ให้จำคุกและปรับ ลดโทษและรอการลงโทษ
ส. ได้พูดชักชวนว่าจะส่งผู้เสียหายทั้งสองไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นโดยผู้เสียหายทั้งสองต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ180,000บาทแล้วส. พาว. สามีของจำเลยไปรับเงินค่าใช้จ่ายจากผู้เสียหาย22,000บาทกับพาผู้เสียหายเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครระหว่างพักอยู่ในกรุงเทพมหานครว.ได้รับเงินจากผู้เสียหายทั้งสองอีกหลายครั้งการรับเงินจากผู้เสียหายดังกล่าวจำเลยอยู่ร่วมรู้เห็นด้วยในบางครั้งและจำเลยเป็นคนพาผู้เสียหายไปติดต่อทำหนังสือเดินทางและในระหว่างที่ผู้เสียหายทั้งสองพักอยู่ที่โรงแรมในกรุงเทพหานครและที่บ้านของจำเลยในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานีจำเลยเป็นคนช่วยดูแลและออกค่าใช้จ่ายต่างๆให้แก่ผู้เสียหายดังนี้แม้จำเลยมิได้ร่วมไปชักชวนผู้เสียหายตั้งแต่ขณะแรกแต่พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกโดยแบ่งหน้าที่กันจัดหางานให้แก่คนงานเพื่อไปทางานที่ประเทศญี่ปุ่นโดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหางานเพื่อส่งคนงานไปทำงานในต่างประเทศและจำเลยกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายว่าจำเลยกับพวกสามารถส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นได้อันเป็นความเท็จเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงินแก่จำเลยกับพวกไปจริงจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา341,83และพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2528มาตรา4,30,82 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 885/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลอกลวงจัดหางานไปทำงานญี่ปุ่น เรียกเก็บเงินค่าใช้จ่าย
ส.ได้พูดชักชวนว่าจะส่งผู้เสียหายทั้งสองไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นโดยผู้เสียหายทั้งสองต้องเสียค่าใช้จ่ายให้คนละ 180,000 บาท แล้ว ส.พา ว.สามีของจำเลยไปรับเงินค่าใช้จ่ายจากผู้เสียหาย 22,000 บาท กับพาผู้เสียหายเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ระหว่างพักอยู่ในกรุงเทพมหานคร ว.ได้รับเงินจากผู้เสียหายทั้งสองอีกหลายครั้ง การรับเงินจากผู้เสียหายดังกล่าวจำเลยอยู่ร่วมรู้เห็นด้วยในบางครั้ง และจำเลยเป็นคนพาผู้เสียหายไปติดต่อทำหนังสือเดินทาง และในระหว่างที่ผู้เสียหายทั้งสองพักอยู่ที่โรงแรมในกรุงเทพมหานครและที่บ้านของจำเลยในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จำเลยเป็นคนช่วยดูแลและออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆให้แก่ผู้เสียหาย ดังนี้ แม้จำเลยมิได้ร่วมไปชักชวนผู้เสียหายตั้งแต่ขณะแรก แต่พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกโดยแบ่งหน้าที่กันจัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหางานเพื่อส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ และจำเลยกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายว่าจำเลยกับพวกสามารถส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นได้ อันเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงินแก่จำเลยกับพวกไปจริง จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 341, 83 และ พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 4, 30, 82 ประกอบ ป.อ.มาตรา 83
of 99