คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมคิด ไตรโสรัส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5740/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน ผู้ซื้อไม่ชำระเงินตามกำหนด ผู้ขายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและขายให้ผู้อื่นได้
เดิมโจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดไม่ไปรับโอนที่ดินพิพาทในวันนัด แต่เมื่อโจทก์จำเลยไม่ถือเอาเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายเป็นสาระสำคัญจำเลยผู้จะขายซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจึงมีสิทธิบอกกล่าวให้โจทก์ไปรับโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคาที่ค้างโดยกำหนดเวลาตามสมควรได้เมื่อต่อมาโจทก์ไม่มีเงินมาชำระหนี้ตามกำหนดนัด โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยผู้จะขายปฏิบัติตามสัญญาอีกไม่ได้ เพราะการชำระหนี้จะให้สำเร็จผลเป็นอย่างไรลูกหนี้จะต้องขอปฏิบัติชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้เป็นอย่างนั้นโดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 208 วรรคแรกทั้งไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาท และเมื่อตามคำฟ้องคำให้การมีประเด็นว่าโจทก์หรือจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายผิดสัญญา ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเพราะไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าที่ดินที่ค้างได้ขอขยายระยะเวลาการชำระเงินอีกหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2532 โจทก์ก็ผิดนัดอีก ดังนี้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกสำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5734/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัย: อำนาจฟ้องและการไม่จำกัดด้วยข้อกำหนดสัญญา
โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากลูกจ้างของจำเลยทั้งสองกระทำละเมิด เป็นเหตุให้รถยนต์ของผู้ที่เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ได้รับความเสียหาย และโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว โจทก์จึงเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟ้องร้องจำเลยทั้งสองตาม ป.พ.พ. มาตรา 880 มิใช่การฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญาประกันภัย จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 867 วรรคแรกทั้งไม่อยู่ในบังคับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีที่ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง แม้สัญญาประกันภัยจะปิดอากรแสตมป์ครบหรือไม่ก็ตาม โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5600/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้างต่อความเสียหายจากรถยนต์, การแปลเลขทะเบียน, และการนำสืบพยาน
ตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุและเป็นนายจ้างหรือตัวการที่ใช้ให้ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยขับรถยนต์คันเกิดเหตุเพื่อผลประโยชน์ของจำเลย และลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยได้ขับรถด้วยความประมาทชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย จำเลยในฐานะนายจ้างหรือตัวการต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้น คำฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ส่วนคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุจะเป็นใครชื่ออะไร หรือมีรูปพรรณสัณฐานอย่างไรเป็นรายละเอียดไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ เมื่อรถยนต์คันเกิดเหตุเป็นของจำเลย จำเลยในฐานะนายจ้างหรือตัวการย่อมต้องรับผิดอยู่แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่าจะอ้างกรมธรรม์ประกันภัยต่อศาลในชั้นพิจารณา โจทก์มิได้ส่งสำเนากรมธรรม์ประกันภัยมาท้ายฟ้องด้วย ดังนั้นคำให้การของจำเลยที่ว่าขอปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์ทุกฉบับว่าไม่อาจรับฟังได้ตามกฎหมายเนื่องจากเป็นเพียงสำเนาเอกสารจึงเป็นการคัดค้านเฉพาะสำเนาเอกสารท้ายฟ้องเท่านั้น ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้คัดค้านสำเนากรมธรรม์ประกันภัยด้วย และเมื่อโจทก์ส่งสำเนากรมธรรม์ประกันภัยต่อศาลจำเลยก็มิได้คัดค้านความถูกต้องแท้จริงของเอกสารนั้นแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยยอมรับว่าสำเนากรมธรรม์ประกันภัยนั้นถูกต้องแล้ว ศาลมีอำนาจรับฟังได้
ตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัยระบุเลขหมายทะเบียนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยเป็นภาษาอังกฤษว่า 9 CH - 1935 แต่เนื่องจากภาษาอังกฤษอ่านออกเสียงพยัญชนะตัว "ช" และ "ฉ" คล้ายกันและพยัญชนะทั้งสองตัวนี้เมื่อเทียบกับพยัญชนะภาษาอังกฤษแล้วก็อาจใช้ตัว "CH" แทนได้ทั้งสองตัว ทั้งตามคำฟ้องโจทก์ก็ใช้พยัญชนะตัว "ฉ" ดังนั้น ที่โจทก์แปลว่า 9 CH -1935 คือ 9 ช - 1935 จึงเป็นเรื่องแปลผิดไป โจทก์มีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าเป็น 9 ฉ - 1935 เพราะเป็นการสืบอธิบายว่าโจทก์แปลพยัญชนะจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยผิดไปจากความเป็นจริง จึงมิใช่เป็นการนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5600/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และการแปลเอกสารจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
ตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุและเป็นนายจ้างหรือตัวการที่ใช้ให้ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยขับรถยนต์คันเกิดเหตุเพื่อผลประโยชน์ของจำเลยและลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยได้ขับรถด้วยความประมาทชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย จำเลยในฐานะนายจ้างหรือตัวการต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้น คำฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ส่วนคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุจะเป็นใครชื่ออะไรหรือมีรูปพรรณสัณฐานอย่างไรเป็นรายละเอียดไม่ใช่ข้อสาระสำคัญเมื่อรถยนต์คันเกิดเหตุเป็นของจำเลย จำเลยในฐานะนายจ้างหรือตัวการย่อมต้องรับผิดอยู่แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่าจะอ้างกรมธรรม์ประกันภัยต่อศาลในชั้นพิจารณา โจทก์มิได้ส่งสำเนากรมธรรม์ประกันภัยมาท้ายคำฟ้องด้วย ดังนั้นคำให้การของจำเลยที่ว่าขอปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์ทุกฉบับว่าไม่อาจรับฟังได้ตามกฎหมายเนื่องจากเป็นเพียงสำเนาเอกสารจึงเป็นการคัดค้านเฉพาะสำเนาเอกสารท้ายฟ้องเท่านั้น ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้คัดค้านสำเนากรมธรรม์ประกันภัยด้วย และเมื่อโจทก์ส่งสำเนากรมธรรม์ประกันภัยต่อศาลจำเลยก็ได้คัดค้านความถูกต้องแท้จริงของเอกสารนั้นแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยยอมรับว่าสำเนากรมธรรม์ประกันภัยนั้นถูกต้องแล้ว ศาลมีอำนาจรับฟังได้ ตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัยระบุเลขหมายทะเบียนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยเป็นภาษาอังกฤษว่า 9CH-1935แต่เนื่องจากภาษาอังกฤษอ่านออกเสียงพยัญชนะตัว"ช"และ"ฉ"คล้ายกันและพยัญชนะทั้งสองตัวนี้เมื่อเทียบกับพยัญชนะภาษาอังกฤษแล้วก็อาจใช้ตัว "CH" แทนได้ทั้งสองตัว ทั้งตามคำฟ้องโจทก์ก็ใช้พยัญชนะตัว"ฉ" ดังนั้น ที่โจทก์แปลว่า 9CH-1935 คือ9 ช-1935 จึงเป็นเรื่องแปลผิดไป โจทก์มีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าเป็น 9 ฉ-1935 เพราะเป็นการสืบอธิบายว่าโจทก์แปลพยัญชนะจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยผิดไปจากความเป็นจริง จึงมิใช่เป็นการนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5523/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสัมพันธ์ระหว่างลูกวงแชร์: ความผูกพันและขอบเขตความรับผิดชอบต่อกัน
การเล่นแชร์เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างผู้เล่น จำเลยที่ 1 และโจทก์ต่างเป็นลูกวงแชร์ ต่างมีความผูกพันต้องส่งเงินตามที่ตกลงกันในการเล่นและย่อมมีสิทธิในการเข้าประมูล ระหว่างลูกแชร์ด้วยกันจึงต้องมีความผูกพันต่อกัน หาใช่จะผูกพันเฉพาะระหว่างลูกแชร์กับนายวงแชร์ไม่เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประมูลแชร์ได้และรับเช็คจากโจทก์ซึ่งเป็นลูกวงแชร์คนหนึ่งไปและเรียกเก็บเงินได้แล้ว จำเลยที่ 1จะอ้างว่าไม่มีความผูกพันกับโจทก์ไม่ได้ การที่นางวงแชร์หลบหนีอันมีผลทำให้สัญญาแชร์เลิกกันก่อนที่จะมีการประมูลกันในงวดต่อไปคู่กรณีจึงต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยที่ 1ต้องรับผิดชำระหนี้ตามจำนวนเงินในเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยคืนให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5523/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผูกพันตามสัญญาสแชร์ระหว่างลูกวงแชร์ และผลของการหลบหนีของนายวงแชร์
การเล่นแชร์เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างผู้เล่น จำเลยที่ 1 และโจทก์ต่างเป็นลูกวงแชร์ ต่างมีความผูกพันต้องส่งเงินตามที่ตกลงกันในการเล่นและย่อมมีสิทธิในการเข้าประมูล ระหว่างลูกแชร์ด้วยกันจึงต้องมีความผูกพันต่อกัน หาใช่จะผูกพันเฉพาะระหว่างลูกแชร์กับนายวงแชร์ไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประมูลแชร์ได้และรับเช็คจากโจทก์ซึ่งเป็นลูกวงแชร์คนหนึ่งไปและเรียกเก็บเงินได้แล้ว จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าไม่มีความผูกพันกับโจทก์ไม่ได้ การที่นายวงแชร์หลบหนีอันมีผลทำให้สัญญาแชร์เลิกกันก่อนที่จะมีการประมูลกันในงวดต่อไปคู่กรณีจึงต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระหนี้ตามจำนวนเงินในเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยคืนให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและการระงับสิทธิเมื่อผู้ครอบครองทรัพย์ทำสัญญาประนีประนอม
ส. เป็นผู้ขับรถยนต์คันที่โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยในขณะเฉี่ยวชนกับรถยนต์คันที่จำเลยขับ ส. จึงเป็นผู้ครอบครองและขับรถยนต์ซึ่งเป็นสังหา-ริมทรัพย์ในขณะเกิดเหตุ หากจำเลยรับผิดและใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ ส.จำเลยย่อมหลุดพ้นไปเพราะการที่ได้ใช้ให้เช่นนั้น แม้บุคคลภายนอกจะเป็นเจ้าของทรัพย์ เว้นแต่สิทธิของบุคคลภายนอกเช่นนั้นจะเป็นที่รู้อยู่แก่ตนหรือมิได้รู้เพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนตาม ป.พ.พ. มาตรา 441และผลของมาตรา 441 ที่บัญญัติให้ผู้ทำละเมิดเป็นอันหลุดพ้นจากหนี้ที่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หากว่าได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลซึ่งเป็นผู้ครองสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะถูกทำละเมิดนี้เอง ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ครองสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะถูกทำละเมิดมีสิทธิรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิดได้ แม้กระทั่งผู้ครองสังหาริมทรัยพ์นั้นจะไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ก็ตาม เมื่อมีสิทธิที่จะรับชำระหนี้ได้ก็ย่อมมีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับการรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีเช่นนี้ได้เช่นกัน ดังนั้น สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยกับ ส. ย่อมมีผลบังคับได้ แม้ ส. จะไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่ขับก็ตาม และผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละแล้วนั้นระงับสิ้นไป ตาม ป.พ.พ. มาตรา 852 โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะรับช่วงสิทธิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับชำระค่าสินไหมทดแทนของผู้ครอบครองทรัพย์สิน และผลของการประนีประนอมยอมความ
ผลของมาตรา441แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่บัญญัติให้ผู้ทำละเมิดเป็นอันหลุดพ้นจากหนี้ที่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนหากว่าได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลซึ่งเป็นผู้ครองสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะถูกทำละเมิดนี้เองย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้ครองสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะถูกทำละเมิดมีสิทธิรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิดได้แม้กระทั่งผู้ครองสังหาริมทรัพย์นั้นจะไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ก็ตามเมื่อมีสิทธิที่จะรับชำระหนี้ได้ก็ย่อมมีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับการรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีเช่นนี้ได้เช่นกันดังนั้นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยกับ ส. ย่อมมีผลบังคับได้แม้ ส. จะไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่ขับก็ตามและผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้สละแล้วนั้นระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา852โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะรับช่วงสิทธิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับชำระค่าสินไหมทดแทนของผู้ครอบครองทรัพย์สิน และผลของการประนีประนอมยอมความ
ผลของมาตรา441แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่บัญญัติให้ผู้ทำละเมิดเป็นอันหลุดพ้นจากหนี้ที่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนหากว่าได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลซึ่งเป็นผู้ครองสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะถูกทำละเมิดนี้เองย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้ครองสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะถูกทำละเมิดมีสิทธิรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิดได้แม้กระทั่งผู้ครองสังหาริมทรัพย์นั้นจะไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ก็ตามเมื่อมีสิทธิที่จะรับชำระหนี้ได้ก็ย่อมมีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับการรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีเช่นนี้ได้เช่นกันดังนั้นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยกับ ส. ย่อมมีผลบังคับได้แม้ ส. จะไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่ขับก็ตามและผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้สละแล้วนั้นระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา852โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะรับช่วงสิทธิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้ครอบครองทรัพย์สิน: สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้ไม่ใช่เจ้าของ
ผู้ครองสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะถูกทำละเมิดมีสิทธิรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 441 ย่อมมีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับการรับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนได้เช่นกัน การที่จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ที่ ส.ขับ และได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยกับ ส.ขึ้น สัญญานั้นย่อมมีผลบังคับได้ แม้ส.จะไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่ขับและย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้สละแล้วนั้นระงับสิ้นไปตาม มาตรา 852 โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่ ส. ขับซึ่งได้ซ่อมรถยนต์ไปแล้วจึงไม่อาจรับช่วงสิทธิ เรียกร้องจากจำเลยได้
of 99