พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4885/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งอนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาต้องเป็นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ
เมื่อจำเลยคัดค้านคำร้องขอของโจทก์ที่ขออนุญาตอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา กรณีจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 223 ทวิที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต จึงเป็นการขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4885/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาเมื่อจำเลยคัดค้าน ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อจำเลยคัดค้านคำร้องขอของโจทก์ที่ขออนุญาตอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกากรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา223ทวิที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตจึงเป็นการขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4856/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้ากันทางคดีกับผู้เชี่ยวชาญ การพิพากษาตามข้อตกลง และขอบเขตการอุทธรณ์
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นไปตามข้อตกลงและพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีไม่ชอบเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา138(3)โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ การที่ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นโดยใช้ถ้อยคำว่าน่าจะไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันถือได้ว่าเป็นการให้ความเห็นในลักษณะเป็นคำยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันตรงตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้วโจทก์ต้องแพ้คดีตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4856/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายผลการตรวจลายมือชื่อ: ศาลต้องปฏิบัติตามข้อตกลง หากผลตรวจเป็นไปตามที่ตกลงไว้
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญไม่เป็นไปตามข้อตกลง ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นไปตามข้อตกลงและพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีไม่ชอบเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138(3)โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ การที่ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นโดยใช้ถ้อยคำว่าน่าจะไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการให้ความเห็นในลักษณะเป็นคำยืนยันหรือทำนองยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ตรงตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้ว โจทก์ต้องแพ้คดีตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4814/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากข้อพิพาทเรื่องค่าเสียหายในส่วนที่ต่ำกว่า 200,000 บาท ตามมาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่ารักษาพยาบาลจำนวน52,531บาทค่าขาดรายได้จากการทำงานจำนวน40,000บาทค่าพาหนะเดินทางจำนวน10,000บาทค่าผ่าตัดรักษาเท้าจำนวน15,000บาทและค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานจำนวน200,000บาทรวมเป็นเงิน317,531บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยที่2ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายอันเป็นข้อเท็จจริงว่าค่าพาหนะเดินทางไม่ควรเกิน4,000บาทค่าผ่าตัดรักษาเท้าไม่ควรกำหนดให้และค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานไม่ควรเกิน40,000บาทดังนั้นทุนทรัพย์ที่ยังพิพาทกันในชั้นฎีกามีจำนวน181,000บาทและเมื่อรวมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดจนถึงวันฟ้องแล้วรวมเป็นเงิน194,575บาทไม่เกิน200,000บาทจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4814/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในประเด็นค่าเสียหาย: ศาลจำกัดการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 200,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่ารักษาพยาบาลจำนวน 52,531 บาท ค่าขาดรายได้จากการทำงานจำนวน 40,000บาท ค่าพาหนะเดินทางจำนวน 10,000 บาท ค่าผ่าตัดรักษาเท้าจำนวน 15,000บาท และค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานจำนวน 200,000 บาทรวมเป็นเงิน 317,531 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายอันเป็นข้อเท็จจริงว่า ค่าพาหนะเดินทางไม่ควรเกิน 4,000 บาท ค่าผ่าตัดรักษาเท้าไม่ควรกำหนดให้ และค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานไม่ควรเกิน40,000 บาท ดังนั้น ทุนทรัพย์ที่ยังพิพาทกันในชั้นฎีกามีจำนวน 181,000 บาทและเมื่อรวมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดจนถึงวันฟ้องแล้วรวมเป็นเงิน 194,575 บาท ไม่เกิน 200,000 บาทจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงดังกล่าวตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4814/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากข้อพิพาทในชั้นฎีกามีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่ารักษาพยาบาลจำนวน 52,531 บาท ค่าขาดรายได้จากการทำงานจำนวน 40,000 บาทค่าพาหนะเดินทางจำนวน 10,000 บาท ค่าผ่าตัดรักษาเท้าจำนวน 15,000บาท และค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานจำนวน 200,000 บาทรวมเป็นเงิน 317,531 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายอันเป็นข้อเท็จจริงว่า ค่าพาหนะเดินทางไม่ควรเกิน 4,000 บาท ค่าผ่าตัดรักษาเท้าไม่ควรกำหนดให้ และค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานไม่ควรเกิน 40,000 บาท ดังนั้นทุนทรัพย์ที่ยังพิพาทกันในชั้นฎีกามีจำนวน 181,000 บาท และเมื่อรวมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดจนถึงวันฟ้องแล้วรวมเป็นเงิน 194,575 บาท ไม่เกิน200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4814/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเรื่องค่าเสียหาย เนื่องจากข้อพิพาทในชั้นฎีกามีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท ตามมาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่ารักษาพยาบาลจำนวน52,531บาทค่าขาดรายได้จากการทำงานจำนวน40,000บาทค่าพาหนะเดินทางจำนวน10,000บาทค่าผ่าตัดรักษาเท้าจำนวน15,000บาทและค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานจำนวน200,000บาทรวมเป็นเงิน317,531บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยที่2ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายอันเป็นข้อเท็จจริงว่าค่าพาหนะเดินทางไม่ควรเกิน4,000บาทค่าผ่าตัดรักษาเท้าไม่ควรกำหนดให้และค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานไม่ควรเกิน40,000บาทดังนั้นทุนทรัพย์ที่ยังพิพาทกันในชั้นฎีกามีจำนวน181,000บาทและเมื่อรวมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดจนถึงวันฟ้องแล้วรวมเป็นเงิน194,575บาทไม่เกิน200,000บาทจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4738/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ริบสุราของกลางในคดีจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติให้ริบตามกฎหมาย
การที่จำเลยได้จำหน่ายขายสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานสรรพสามิตอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสุราพ.ศ.2493มาตรา17นั้นมาตรา45ไม่ได้บัญญัติให้ริบสุราในกรณีเช่นนี้ไว้ศาลไม่ริบสุราของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4738/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เข้าข่ายการริบสุราตามกฎหมาย
การที่จำเลยได้จำหน่ายขายสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานสรรพสามิตอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. สุรา พ.ศ. 2493มาตรา 17 นั้น มาตรา 45 ไม่ได้บัญญัติให้ริบสุราในกรณีเช่นนี้ไว้ ศาลไม่ริบสุราของกลาง