พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5249/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้อาวุธข่มขู่: ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ ระหว่างจำเลยหลบหนีถูกผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจติดตามจับกุม จำเลยขับรถ-จักรยานยนต์เข้าข้างทางและล้มลง จำเลยลงจากรถจักรยานยนต์แล้วชักอาวุธปืนสั้นเล็งมาทางผู้เสียหายกับพวกเพื่อข่มขู่มิให้ผู้เสียหายกับพวกทำการจับกุมจำเลยจำเลยจึงมีความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีหรือใช้อาวุธปืนขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ตาม ป.อ. มาตรา 138 วรรคสอง,140 วรรคแรก และวรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5249/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยมีอาวุธ: การปรับบทลงโทษและการพิจารณาโทษที่เหมาะสม
จำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ ระหว่างจำเลยหลบหนีถูกผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจติดตามจับกุม จำเลยขับรถจักรยานยนต์เข้าข้างทางและล้มลงจำเลยลงจากรถจักรยานยนต์แล้วชักอาวุธปืนสั้นเล็งมาทางผู้เสียหายกับพวกเพื่อข่มขู่มิให้ผู้เสียหายกับพวกทำการจับกุมจำเลยจำเลยจึงมีความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีหรือใช้อาวุธปืนขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง,140 วรรคแรก และวรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5243/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดสรรที่ดิน: ความรับผิดของบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่หุ้นส่วน
โจทก์ทำสัญญาซื้อบ้านพร้อมที่ดินจัดสรรกับจำเลยที่ 1เป็นการเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 ชื่อโครงการเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 ไม่มีชื่อจำเลยที่ 2 ร่วมด้วย การที่ธนาคารให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้เงินร่วมกับจำเลยที่ 1ก็เพื่อให้ร่วมรับผิดตามระเบียบของธนาคารเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ตกลงเข้ากันกับจำเลยที่ 1 เพื่อกระทำกิจการจัดสรรที่ดินด้วยประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้จากกิจการดังกล่าวจำเลยที่ 2 จึงไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5243/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัด: การกู้ร่วมเพื่อธุรกิจจัดสรร ไม่ถือเป็นหุ้นส่วนทางกฎหมาย
โจทก์ทำสัญญาซื้อบ้านพร้อมที่ดินจัดสรรกับจำเลยที่ 1เป็นการเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 ชื่อโครงการเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 ไม่มีชื่อจำเลยที่ 2 ร่วมด้วย การที่ธนาคารให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้เงินร่วมกับจำเลยที่ 1 ก็เพื่อให้ร่วมรับผิดตามระเบียบของธนาคารเท่านั้น ถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้ตกลงเข้ากันกับจำเลยที่ 1 เพื่อกระทำกิจการจัดสรรที่ดินด้วยประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้จากกิจการดังกล่าว จำเลยที่ 2 จึงไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1012
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5243/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัด: การร่วมกู้ธนาคารไม่ถือเป็นเจตนาเข้าหุ้นส่วนจัดสรร
โจทก์ทำสัญญาซื้อบ้านพร้อมที่ดินจัดสรรกับจำเลยที่ 1 เป็นการเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 ชื่อโครงการเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 ไม่มีชื่อจำเลยที่ 2 ร่วมด้วย การที่ธนาคารให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้เงินร่วมกับจำเลยที่ 1 ก็เพื่อให้ร่วมรับผิดตามระเบียบของธนาคารเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2ได้ตกลงเข้ากันกับจำเลยที่ 1 เพื่อกระทำกิจการจัดสรรที่ดินด้วยประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้จากกิจการดังกล่าว จำเลยที่ 2 จึงไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1012
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5189/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียงกระทงโทษและการปรับลดโทษจำคุก ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาโทษใหม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่เรียงกระทงลงโทษศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91เป็นการปรับบทลงโทษให้ถูกต้อง และการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แก้โทษจำคุกให้น้อยลงจึงไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212
เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดและรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้
เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดและรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5189/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียงกระทงลงโทษและการรอการลงโทษ: ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาลดโทษและรอการลงโทษได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่เรียงกระทงลงโทษศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นการปรับบทลงโทษให้ถูกต้องและการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แก้โทษจำคุกให้น้อยลงจึงไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดและรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5135/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอเป็นผู้ปกครอง: ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและฐานะทางกฎหมายของผู้เยาว์
ผู้เยาว์ทั้งสองเป็นบุตรของ ก. กับ ส. ซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกัน มิใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ก. ผู้เป็นบิดา ผู้ร้องเป็นน้องของบิดาของ ก. จึงมิใช่ญาติของผู้เยาว์ทั้งสองตามความหมายของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 ไม่มีสิทธิ์ร้องขอให้ถอนอำนาจปกครองของมารดาของผู้เยาว์ทั้งสอง และไม่อาจขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5135/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอเป็นผู้ปกครองเด็กเกิดนอกสมรส: การพิจารณาความสัมพันธ์ทางสายเลือดและการเป็นญาติ
ผู้เยาว์ทั้งสองเป็นบุตรของนาย ก. กับนางสาว ส.ซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกัน จึงมิใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนาย ก.ผู้ร้องซึ่งเป็นน้องของบิดาของนายก. จึงมิใช่ญาติของผู้เยาว์ทั้งสองตามความหมายของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582และมาตรา 1586 ย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้ถอนอำนาจปกครองของมารดาผู้เยาว์ทั้งสอง และไม่อาจขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5088/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการบังคับชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายที่ดิน แม้มีข้อตกลงริบมัดจำ
การที่โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกับจำเลยที่ 1ก็มุ่งประสงค์ที่จะได้รับชำระค่าที่ดินตามสัญญา อันเป็นความประสงค์ที่จะได้รับชำระหนี้โดยถูกต้องตรงตามวัตถุทีประสงค์แห่งหนี้ ทั้งการจะบังคับให้เจ้าหนี้รับชำระหนี้เป็นอย่างอื่นผิดไปจากที่จะต้องชำระแก่เจ้าหนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 320 ก็บัญญัติว่าหาอาจจะบังคับได้ไม่ ที่สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกำหนดไว้ว่าถ้าผู้จะซื้อผิดสัญญาไม่ไปทำหนังสือและจดทะเบียนรับซื้อตามกำหนดในข้อตกลงนี้ ผู้จะซื้อยอมให้ผู้จะขายริบเงินมัดจำนั้นเป็นเพียงข้อสัญญาที่ให้สิทธิแก่ผู้จะขายในกรณีที่ผู้จะซื้อผิดสัญญาข้อสัญญาดังกล่าวหาได้เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะบังคับชำระหนี้ให้ตรงตามวัตถุที่ประสงค์แห่งหนี้หรือหามีผลเป็นการบังคับให้โจทก์ริบได้เฉพาะเงินมัดจำเท่านั้นไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระราคาที่ดินพิพาทและรับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทได้