คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมคิด ไตรโสรัส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำบัญชีทรัพย์มรดกต่อหน้าพยาน: การไม่ลงชื่อรับรองเนื่องจากข้อเรียกร้องอื่นไม่กระทบความสมบูรณ์ของบัญชี
ผู้จัดการมรดกได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกเสนอให้ผู้ร้องและผู้ร้องสอด ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกตรวจดูแล้ว แต่ผู้ร้องและผู้ร้องสอดไม่ยอมลงชื่อรับรอง เนื่องจากผู้จัดการมรดกไม่ยอมลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้ร้องและผู้ร้องสอดเสนอไป ถือได้ว่าการทำบัญชีทรัพย์มรดกดังกล่าวเป็นการทำบัญชีต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1729 วรรคสอง แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำบัญชีทรัพย์มรดกโดยผู้จัดการมรดกต่อหน้าพยานและหน้าที่ของผู้จัดการมรดก
ผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกเสนอให้ผู้ร้องและผู้ร้องสอดซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียตรวจดูแล้วแต่ผู้ร้องและผู้ร้องสอดไม่ยอมลงชื่อรับรองเพราะผู้คัดค้านทั้งสองไม่ยอมลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ การทำบัญชีทรัพย์มรดกของผู้คัดค้านทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นการทำบัญชีต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1729 วรรคสอง แล้วแม้ผู้ร้องและผู้ร้องสอดไม่ลงชื่อในบัญชีทรัพย์มรดก ก็ไม่ทำให้การทำบัญชีทรัพย์มรดกเสียไป บัญชีทรัพย์มรดกมีรายละเอียดต่าง ๆ ตามสมควรโดยระบุยอดเงินฝากในธนาคารซึ่งคำนวณดอกเบี้ยไว้ ใบหุ้นก็ได้ระบุราคาตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ซื้อขายสลากออมสินแม้จะยังมิได้คิดดอกเบี้ย แต่สามารถคำนวณดอกเบี้ยได้เมื่อสลากครบอายุ ส่วนการกำหนดราคาอสังหาริมทรัพย์ก็อาศัยเกณฑ์ตามราคาประเมินของกรมที่ดินทรัพย์บางรายการที่ระบุว่าเป็นมรดกหรือไม่เป็นมรดกก็ระบุไปตามความเห็นโดยสุจริต ไม่มีเหตุแสดงว่าระบุโดยเจตนาทุจริตจะเบียดบังทรัพย์มรดกเป็นของตน จึงไม่มีเหตุจะสั่งถอนผู้จัดการมรดกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำบัญชีทรัพย์มรดกต่อหน้าพยาน: ผู้มีส่วนได้เสียไม่ต้องลงชื่อรับรองเพื่อยืนยันความถูกต้อง
ผู้จัดการมรดกได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกเสนอให้ผู้ร้องและผู้ร้องสอดซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกตรวจดูแล้ว แต่ผู้ร้องและผู้ร้องสอดไม่ยอมลงชื่อรับรอง เนื่องจากผู้จัดการมรดกไม่ยอมลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้ร้องและผู้ร้องสอดเสนอไป ถือได้ว่าการทำบัญชีทรัพย์มรดกดังกล่าวเป็นการทำบัญชีต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1729วรรคสอง แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดเมื่อมีการตกลงผ่อนชำระหนี้และปลดจำนอง การคิดดอกเบี้ยหลังวันดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยธรรมดา
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีมิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้จึงใช้บังคับได้จนกว่าจะมีการบอกเลิกสัญญา การที่โจทก์ตกลงกับจำเลยให้ชำระหนี้เพื่อลดหนี้ลงและปลดจำนองทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกันไว้ไปบางรายการและได้มีการชำระหนี้บางส่วนตามที่ตกลงกันไว้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะให้มีการเดินสะพัดบัญชีกันอีกต่อไป สัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงเป็นอันสิ้นสุดลงในวันที่มีการชำระหนี้บางส่วนนั้น หลังจากนั้นโจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเดินสะพัดสิ้นสุดเมื่อมีการตกลงชำระหนี้ทั้งหมดและปลดจำนอง การคิดดอกเบี้ยทบต้นมีจำกัด
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่บริษัทจำเลยที่ 1 ทำไว้กับธนาคารโจทก์มิได้กำหนดระยะเวลาชำระหนี้เอาไว้ การที่ผู้จัดการสาขาของโจทก์เรียกให้ ว. ผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1ไปเจรจาเพื่อตกลงกันในเรื่องการผ่อนชำระหนี้ มิฉะนั้นจะถูกธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ยื่นฟ้อง ว. จึงได้โอนเงินจากบัญชีเงินฝากของ ว.ชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีทั้งหมดของจำเลยที่ 1 ตามที่ได้ตกลงกันเพื่อลดหนี้ลงและปลดจำนองทรัพย์สินเฉพาะส่วนของ ว. พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์เรียกร้องให้บริษัทจำเลยที่ 1 ชำระหนี้หลังจากที่หักทอนบัญชีกันแล้วอันแสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์ให้มีการเดินสะพัดทางบัญชีกันอีกต่อไปแล้วสัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงเป็นอันสิ้นสุดลงในวันที่มีการชำระหนี้ตามที่ตกลงกันและโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้จนถึงวันดังกล่าวหลังจากนั้นโจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้จากการประมูลแชร์ และการชำระหนี้ค่าหุ้นที่ค้างอยู่
โจทก์จำเลยเป็นลูกวงแชร์ซึ่งมีข้อตกลงว่าผู้ประมูลแชร์ได้จะออกเช็คไม่ลงวันที่ให้แก่ผู้ประมูลไม่ได้ ส่วนผู้ประมูลไม่ได้จะจ่ายเงินค่าหุ้นให้ผู้ประมูลได้โดยนำดอกเบี้ยที่ประมูลได้หักออกจากเงินค่าหุ้น จำเลยประมูลแชร์ได้ จึงมีหน้าที่ผูกพันตามข้อตกลงต้องส่งเงินคืนคือสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ที่ยังประมูลไม่ได้ ดังนั้นเช็คพิพาทที่จำเลยสั่งจ่ายให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ที่ยังประมูลไม่ได้ จึงมีมูลหนี้ต่อกัน เมื่อโจทก์ยังเป็นหนี้เงินค่าหุ้นจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธินำมาหักกลบลบหนี้กับหนี้ตามเช็คพิพาทได้ เมื่อจำเลยแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้แก่โจทก์แล้วย่อมมีผลย้อนหลังขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นจะอาจหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คชำระหนี้ค่าหุ้น ผู้ทรงเช็คมีอำนาจร้องทุกข์ แม้บริษัทหลักทรัพย์ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าหุ้นให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย โจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ โจทก์ร่วมซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จะกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 มาตรา 46 หรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยเช็คและการมีอำนาจร้องทุกข์ของผู้ทรงเช็ค
การที่จำเลยที่ 1 ออกเช็คชำระหนี้ค่าหุ้นให้โจทก์ร่วมเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะจำเลยที่ 1 มีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย โจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ ส่วนโจทก์ร่วมซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จะกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 มาตรา 46 หรือไม่เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเช็คและการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ กรณีเช็คไม่มีเงินจ่าย
การที่จำเลยที่ 1 ออกเช็คชำระหนี้ค่าหุ้นให้โจทก์ร่วมเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะจำเลยที่ 1 มีเงินในบัญชีไม่พอจ่ายโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ ส่วนโจทก์ร่วมซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จะกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 มาตรา 46 หรือไม่เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองแสนบาท และการฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีที่จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก โจทก์ฎีกาว่าเอกสารสัญญากู้เป็นเอกสารที่ถูกต้องเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้ฎีกา
of 99