พบผลลัพธ์ทั้งหมด 981 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และไม่สามารถประกอบกรณียกิจได้เกิน 20 วัน
จำเลยทั้งสี่ร่วมกันทำร้ายโจทก์ร่วม โดยจำเลยที่ 1 ใช้มีดฟันถูกฝ่ามือข้างซ้ายบริเวณโคนนิ้วก้อยและนิ้วนางของโจทก์ร่วม ทำให้เอ็นนิ้วก้อยและนิ้วนางขาด และเส้นประสาทขาด โจทก์ร่วมต้องรักษาตัวอยู่นานถึง 4 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็ยังไม่สามารถใช้นิ้วมือนับธนบัตรได้ตามหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามปกติ เป็นกรณีที่โจทก์ร่วมไม่สามารถประกอบกรณียกิจตามปกติได้เกินกว่ายี่สิบวัน การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8),83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อวินิจฉัยข้อกฎหมาย ถือเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามกฎหมาย
การฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย มีผลเป็นอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โกงเจ้าหนี้จากการโอนทรัพย์สินหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด พฤติการณ์ส่อเจตนาหลีกเลี่ยงชำระหนี้
จำเลยโอนโทรศัพท์ภายหลังที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้ชำระหนี้และคดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์บุคคลทั่วไปย่อมทราบดีว่าสามารถจะโอนขายเป็นเงินได้ ตามพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 โอนโทรศัพท์ก็เพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้แล้ว จึงมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีกับเงินค่าหุ้นที่จำเลยชำระแก่สหกรณ์ แม้เป็นทุนของผู้ร้อง แต่จำเลยยังมีสิทธิเรียกร้องคืนได้
เงินค่าหุ้นที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ผู้ร้องชำระแก่ผู้ร้องแล้วนั้น แม้จะเป็นเงินทุนของผู้ร้อง แต่จำเลยที่ 1 ก็ยังมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ทั้งไม่อยู่ในข้อยกเว้นในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285,286 แม้จะได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้จำนำหุ้นดังกล่าวไว้เป็นประกันเงินกู้กับผู้ร้อง ผู้ร้องก็มีสิทธิเพียงได้รับชำระจากเงินค่าหุ้นที่ถูกอายัด ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเท่านั้น หาใช่เหตุที่ผู้ร้องจะขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีและคำสั่งให้ผู้ร้องส่งเงินค่าหุ้นของจำเลยที่ 1 ได้ไม่ ที่ผู้ร้องฎีกาว่าสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจำเลยที่ 1 จะพ้นจากการเป็นสมาชิกและปราศจากภาระหนี้ที่มีต่อผู้ร้อง เจ้าพนักงานบังคับคดีจะบังคับคดีให้กระทบสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้นั้น ปัญหานี้ผู้ร้องมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ผู้ร้องจะยกปัญหานี้อุทธรณ์ด้วยแต่ศาลอุทธรณ์ก็มิได้วินิจฉัยให้ทั้งปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีเงินค่าหุ้น: เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระจากเงินอายัดก่อนเจ้าหนี้รายอื่น แม้มีการจำนำหุ้น
เงินค่าหุ้นที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ผู้ร้องได้ชำระแก่ผู้ร้องไปแล้วนั้น แม้ว่าจะเป็นเงินทุนของผู้ร้องแต่จำเลยที่ 1 ก็ยังมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ และไม่อยู่ในข้อยกเว้นในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285,286 แม้จำเลยที่ 1จะได้จำนำหุ้นไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้กับผู้ร้อง ผู้ร้องก็มีสิทธิเพียงได้รับชำระจากเงินค่าหุ้นที่ถูกอายัดไว้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นเท่านั้น จะขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีและคำสั่งให้ผู้ร้องส่งเงินค่าหุ้นของจำเลยที่ 1 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พยานหลักฐานต้องชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยมิได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนของกลางมาเป็นพยานหลักฐานและไม่ได้นำพยานมาสืบว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว คงมีเพียงพนักงานสอบสวนเบิกความว่าจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเท่านั้น พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาต จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานและพยานบุคคล ไม่ใช่เพียงคำรับสารภาพ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยมิได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว จำเลยให้การปฏิเสธโจทก์ไม่ได้อาวุธปืนของกลางมาเป็นพยานหลักฐานและไม่ได้นำพยานมาสืบว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว คงมีเพียงพนักงานสอบสวนเบิกความว่าจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเท่านั้น พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินหลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การครอบครองแทนโจทก์ การได้มาซึ่งสิทธิครอบครอง
คดีก่อนจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความรับว่า บางส่วนของที่ดินพิพาทในคดีนี้เป็นของโจทก์ทั้งสี่ การครอบครองที่ดินพิพาทบางส่วนตั้งแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ทั้งสี่ เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้บอกกล่าวไปยังโจทก์ทั้งสี่ว่าไม่เจตนายึดถือทรัพย์สินแทนโจทก์ต่อไป หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381การครอบครองของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ตลอดมา จำเลยที่ 1 นำที่พิพาทไปออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และได้แบ่งแยกให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ทางราชการได้ประกาศให้บุคคลภายนอกทั่วไปทราบ โจทก์ทั้งสี่ไม่ไปคัดค้าน เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทรู้เห็นการกระทำดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะการครอบครองต่อโจทก์ทั้งสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชี, การบอกเลิกสัญญา, ดอกเบี้ยทบต้น, สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญา
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีมิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้จึงใช้บังคับได้จนกว่าจะมีการบอกเลิกสัญญา
การที่โจทก์ตกลงกับจำเลยให้ชำระหนี้เพื่อลดหนี้ลงและปลดจำนองทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกันไว้ไปบางรายการและได้มีการชำระหนี้บางส่วนตามที่ตกลงกันไว้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะให้มีการเดินสะพัดบัญชีกันอีกต่อไป สัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงเป็นอันสิ้นสุดลงในวันที่มีการชำระหนี้บางส่วนนั้น หลังจากนั้นโจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้
การที่โจทก์ตกลงกับจำเลยให้ชำระหนี้เพื่อลดหนี้ลงและปลดจำนองทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกันไว้ไปบางรายการและได้มีการชำระหนี้บางส่วนตามที่ตกลงกันไว้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะให้มีการเดินสะพัดบัญชีกันอีกต่อไป สัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงเป็นอันสิ้นสุดลงในวันที่มีการชำระหนี้บางส่วนนั้น หลังจากนั้นโจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5579/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททางขับรถ: ข้อเท็จจริงในฟ้องต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่รับฟังได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ประมาทแซงรถยนต์ของผู้อื่นด้วยความเร็วสูงเข้าไปในช่องเดินรถด้านขวา เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่ ร.ขับสวนทางมาทำให้ร. ได้รับอันตรายแก่กายและโจทก์ร่วมซึ่งนั่งซ้อนท้ายได้รับอันตรายสาหัส ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุเฉี่ยวชนกัน จำเลยมิได้ขับรถยนต์แซงรถยนต์คันอื่น แต่จำเลยคาดผิดคิดว่า ร. ขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้าน จำเลยจึงขับรถเบนออกทางขวาเพื่อให้รถจักรยานยนต์ของ ร. เลี้ยวพ้นไปได้โดยจำเลยไม่ต้องหยุดรถแต่ ร.ไม่ได้เลี้ยวรถดังที่จำเลยคาด จำเลยเหยียบเบรก แต่ไม่พ้นเพราะจำเลยขับรถด้วยความเร็ว เหตุเกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่คาดผิดและขับรถด้วยความเร็ว ดังนี้แม้ทางพิจารณาที่ศาลชั้นต้นฟังมาจะไม่ได้ความว่าจำเลยขับรถแซงรถยนต์คันอื่น แต่ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นนำมารับฟังว่าเป็นความประมาทของจำเลยประการหนึ่งคือการที่จำเลยขับรถด้วยความเร็วนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องด้วย จึงมิใช่ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องเสียทั้งหมด อันเป็นเหตุที่จะต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก