คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิมล สมานิตย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,393 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9545/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับชำระหนี้เกินอำนาจตัวแทน: ผลกระทบต่อตัวการและบุคคลภายนอก
แม้จำเลยที่ 2 ตัวแทนขายรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จะไม่มีอำนาจรับเงินค่าซื้อรถยนต์แทนจำเลยที่ 1 และการที่จำเลยที่ 2 รับเงินค่าซื้อรถยนต์จากโจทก์จะเป็นการที่ตัวแทนทำการนั้นไปเกินอำนาจตัวแทนก็ตาม แต่เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 และทางปฏิบัติของจำเลยที่ 1 ผู้เป็นตัวการทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการที่จำเลยที่ 2 รับเงินค่าซื้อรถยนต์ภายในขอบอำนาจของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นตัวแทน จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์บุคคลภายนอกผู้สุจริต ตาม ป.พ.พ.มาตรา 822 ประกอบมาตรา 820 ดังนั้น จึงต้องถือว่าโจทก์ได้ชำระราคารถยนต์คันพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความเกินขั้นสูงตามตาราง 6 ท้าย ป.วิ.พ. และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในผลแห่งคดีแต่มิได้พิพากษาแก้ในส่วนนี้นั้น แม้ปัญหานี้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดเสียใหม่ให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9519/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินสาธารณะ: อำนาจฟ้อง, การครอบครอง, และขอบเขตการใช้ประโยชน์
ที่ดินพิพาทเป็นเขตทุ่งสัตว์สาธารณะและป่าสงวนแห่งชาติการที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินย่อมทำให้รัฐเสียหาย ผู้มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว คือ เจ้าพนักงานของรัฐเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้ แต่เมื่อโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย ส่วนที่โจทก์ขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทนั้น เนื่องจากที่ดินพิพาทตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามป.พ.พ.มาตรา 1304 (2) จึงไม่อาจห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องเสียทั้งหมดได้เพราะเป็นการขัดวัตถุประสงค์ของการใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทนี้จะห้ามได้เฉพาะกรณีที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่มิใช่เป็นไปเพื่อการใช้ที่ดินตามวัตถุที่ประสงค์ของสาธารณสมบัติของแผ่นดินเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9519-9520/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติ: สิทธิครอบครอง vs. หนังสือรับรองการทำประโยชน์, อำนาจฟ้อง, การใช้ประโยชน์
ที่ดินพิพาทเป็นเขตทุ่งสัตว์สาธารณะและป่าสงวนแห่งชาติการที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินย่อมทำให้รัฐเสียหายผู้มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวคือเจ้าพนักงานของรัฐเท่านั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้แต่เมื่อโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่โจทก์จึงมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยส่วนที่โจทก์ขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทนั้นเนื่องจากที่ดินพิพาทตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304(2)จึงไม่อาจห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องเสียทั้งหมดได้เพราะเป็นการขัดวัตถุประสงค์ของการใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทนี้จะห้ามได้เฉพาะกรณีที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่มิใช่เป็นไปเพื่อการใช้ที่ดินตามวัตถุที่ประสงค์ของสาธารณสมบัติของแผ่นดินเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7195/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, ความสามารถของโจทก์ผู้เยาว์, และข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้
คดีนี้เป็นคดีละเมิดมิใช่คดีครอบครัวที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวซึ่งจะต้องบังคับตาม ป.พ.พ.ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 11 (3) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 ดังนั้นเมื่อมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับเรื่องความสามารถของโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจแก้ไขข้อบกพร่องโดยตั้งโจทก์ที่ 1 เป็นผู้แทนเฉพาะคดีให้แก่โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 56 วรรคสุดท้าย โดยโจทก์ที่ 1 ไม่จำต้องขออำนาจในการดำเนินคดีนี้แทนโจทก์ที่ 2ถึงที่ 7 จากศาลเยาวชนและครอบครัว
คดีนี้โจทก์ทั้งแปดต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวของโจทก์แต่ละคนฟ้องให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิด แม้จะฟ้องรวมกันมาก็ต้องถือทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกัน เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องให้แก่โจทก์แต่ละคนไม่เกินสองแสนบาท ซึ่งถือเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาจึงต้องห้ามมิให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7195/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เยาว์, การแก้ไขข้อบกพร่อง, และข้อจำกัดในการฎีกาข้อเท็จจริงเมื่อมีทุนทรัพย์พิพาทจำกัด
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่่มีอำนาจฟ้องปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้ คดีนี้เป็นคดีละเมิดมิใช่คดีครอบครัวที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใดๆในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา11(3)แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ.2534ดังนั้นเมื่อมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับเรื่องความสามารถของโจทก์ที่2ถึงที่7ซึ่งเป็นผู้เยาว์ในคดีนี้ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจแก้ไขข้อบกพร่องโดยตั้งโจทก์ที่1เป็นผู้แทนเฉพาะคดีให้แก่โจทก์ที่2ถึงที่7ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา56วรรคสุดท้าย โดยโจทก์ที่1ไม่จำต้องขออำนาจในการดำเนินคดีนี้แทนโจทก์ที่2ถึงที่7จากศาลเยาวชนและครอบครัว คดีนี้โจทก์ทั้งแปดต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวของโจทก์แต่ละคนฟ้องให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดแม้จะฟ้องรวมกันมาก็ต้องถือทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกันเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่2ที่3และที่4ร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องให้แก่โจทก์แต่ละคนไม่เกินสองแสนบาทซึ่งถือเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาจึงต้องห้ามมิให้จำเลยที่2ที่3และที่4ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7195/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลและขอบเขตการฎีกาในคดีละเมิดที่เกี่ยวข้องกับผู้เยาว์และทุนทรัพย์ที่พิพาท
คดีละเมิดมิใช่คดีครอบครัวที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 11(3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ.2534 ดังนั้น เมื่อมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับเรื่องความสามารถของโจทก์บางคนซึ่งเป็นผู้เยาว์ ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจแก้ไขข้อบกพร่อง โดยตั้งผู้แทนเฉพาะคดีให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสุดท้ายโดยไม่จำเป็นต้องขออำนาจในการดำเนินคดีจากศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โจทก์แต่ละคนฟ้องให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดแม้จะฟ้องรวมกันมาก็ต้องถือทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกัน เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องให้แก่โจทก์แต่ละคนไม่เกินสองแสนบาทซึ่งถือเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกา จึงต้องห้ามมิให้จำเลยที่ 2ที่ 3 และที่ 4 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาที่ว่า การที่รถชนกันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์ที่ 1 จำเลยไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ทั้งแปดเพราะจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้ให้เช่ารถสามล้อเครื่องและจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าของรถสามล้อเครื่อง ไม่ใช่นายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 และไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ จากรถสามล้อเครื่อง ค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้สูงเกินไปนั้น เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7182/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมกระทบสิทธิบุคคลภายนอก - ประเด็นความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ผู้ที่เกี่ยวข้องในการทำนิติกรรมตามฟ้องนอกจากจำเลยแล้วยังมีบุคคลอื่นอีกหลายคน แต่โจทก์ฟ้องจำเลยเพียงคนเดียวโดยมิได้ฟ้องบุคคลดังกล่าวด้วย ซึ่งขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทแล้ว หากศาลพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมตามคำขอของโจทก์แล้ว ย่อมเป็นการพิพากษากระทบไปถึงสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งมิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145จึงไม่อาจบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ ปัญหาดังกล่าวแม้คู่ความจะไม่อุทธรณ์และฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองและพิพากษายกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7153/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการไถ่ที่ดินคืนจากผู้รับจำนอง แม้เสนอราคาไถ่ไม่ตรงกับจำนวนหนี้จริง ศาลมีอำนาจพิพากษาให้ไถ่ได้ตามจำนวนหนี้
แม้ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์โจทก์จะขอไถ่ที่ดินพิพาทคืนในราคา4,400บาทก็ตามแต่ความประสงค์หลักตามฟ้องของโจทก์ก็คือขอไถ่ที่ดินพิพาทจากจำเลยที่1เนื่องมาจากล. มอบที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่1ทำกินต่างดอกเบี้ยดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าล. เป็นหนี้จำเลยที่1จำนวน99,900บาทโจทก์ก็ต้องไถ่ที่ดินพิพาทคืนในราคา99,900บาทและศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้โจทก์ได้ไถ่คืนตามจำนวนเงินที่เป็นหนี้กันจริงได้โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7153/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ที่ดินคืนตามหนี้จริง ศาลมีอำนาจพิพากษาตามจำนวนหนี้ แม้จะขอไถ่ในราคาอื่น
แม้ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ โจทก์จะขอไถ่ที่ดินพิพาทคืนในราคา 4,400 บาท ก็ตาม แต่ความประสงค์หลักตามฟ้องของโจทก์ก็คือขอไถ่ที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 เนื่องมาจาก ล.มอบที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 ทำกินต่างดอกเบี้ย ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ล.เป็นหนี้จำเลยที่ 1 จำนวน99,900 บาท โจทก์ก็ต้องไถ่ที่ดินพิพาทคืนในราคา 99,900 บาท และศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้โจทก์ได้ไถ่คืนตามจำนวนเงินที่เป็นหนี้กันจริงได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7058/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินชำระหนี้เป็นโมฆะ หากเจตนาไม่ตรงกับข้อตกลงเดิม ศาลฎีกายกประเด็นความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ตามคำฟ้องและคำให้การคดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าการโอนที่ดินพิพาทชำระหนี้ตามฟ้องเป็นการแสดงเจตนาลวงหรือไม่เมื่อคดีมีประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวการที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่าจำเลยให้คำมั่นว่าจะขายที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์หรือไม่จึงไม่ตรงกับคำฟ้องและคำให้การเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142และมาตรา183ปัญหาข้อนี้แม้จำเลยจะมิได้คัดค้านไว้เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาตามมาตรา226(2)แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลสูงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแล้วกำหนดประเด็นข้อพิพาทใหม่ให้ถูกต้องได้
of 140