พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม แม้ผู้กระทำผิดเป็นผู้ปลอมเอง ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมได้ 2 กระทง หากเอกสารแต่ละฉบับเป็นคนละประเภท
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา268วรรคสองที่บัญญัติว่าถ้าผู้กระทำความผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียวนั้นหมายความว่าความผิดฐานปลอมเอกสารแต่ละกระทงนั้นถ้าผู้ใช้เอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นก็ให้ลงโทษฐานเป็นผู้ใช้เพียงกระทงเดียวเฉพาะแต่ละกระทงที่ปลอม. การที่จำเลยปลอมสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,265กระทงหนึ่งและจำเลยปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถแสดงการจดทะเบียนใช้รถมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,265อีกกระทงหนึ่งนั้นแม้จำเลยจะได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวในคราวเดียวกันแต่ก็เป็นการใช้เอกสารคนละประเภทกันจำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารดังกล่าว2กระทง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมหลายกระทง แม้ใช้พร้อมกัน แต่เป็นเอกสารคนละประเภท
ป.อ.มาตรา268วรรคสองหมายความว่าความผิดฐานปลอมเอกสารแต่ละกระทงนั้นถ้าผู้ใช้หรืออ้างเอกสารปลอมเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นก็ให้ลงโทษฐานเป็นผู้ใช้เพียงกระทงเดียว จำเลยปลอมป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถกระทงหนึ่งและปลอมป้ายทะเบียนรถแสดงการจดทะเบียนใช้รถอีกกระทงหนึ่งแม้จำเลยจะได้นำป้ายทั้งสองนี้ไปใช้หรืออ้างในเวลาเดียวกันก็เป็นการใช้เอกสารคนละประเภทกันต้องมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารดังกล่าว2กระทง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมและการขอโทษที่ไม่ครบถ้วนตามกฎหมายอาญามาตรา 268 และ 265
การใช้เอกสารปลอมเป็นการกระทำอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา268ฐานหนึ่งแม้มาตรา268จะบัญญัติว่าผู้ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดตามมาตรา264,265ฯลฯต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆก็ตามก็มิใช่จะถือว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเดียวกันกับความผดนั้นๆฉะนั้นเมื่อโจทก์บรรยายการกระทำผิดในข้อหานี้มาในคำฟ้องแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,265มิได้ระบุมาตรา268ด้วยจะถือว่าโจทก์ได้ขอให้ลงโทษในข้อหาใช้ป้ายวงกลมแสดงการชำระภาษีรถยนต์และแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมแล้วหาได้ไม่จำเลยมิได้เป็นผู้ทำปลอมแต่เป็นผู้ใช้ป้ายและแผ่นป้ายดังกล่าวปลอมซึ่งโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจึงต้องยกฟ้องข้อหานี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอม แม้บรรยายฟ้องถูกต้อง แต่คำขอท้ายฟ้องไม่ระบุมาตราที่ใช้ลงโทษ ศาลยกฟ้องได้
การใช้เอกสารปลอมเป็นการกระทำอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ฐานหนึ่ง แม้มาตรา 268 จะบัญญัติว่า ผู้ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดตามมาตรา 264, 265 ฯลฯ ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ ก็ตาม ก็มิใช่จะถือว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานเดียวกันกับความผดนั้น ๆ ฉะนั้นเมื่อโจทก์บรรยายการกระทำผิดในข้อหานี้มาในคำฟ้อง แต่คำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 มิได้ระบุมาตรา 268 ด้วย จะถือว่าโจทก์ได้ขอให้ลงโทษในข้อหาใช้ป้ายวงกลมแสดงการชำระภาษีรถยนต์และแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมแล้วหาได้ไม่ จำเลยมิได้เป็นผู้ทำปลอม แต่เป็นผู้ใช้ป้ายและแผ่นป้ายดังกล่าวปลอม ซึ่งโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษ จึงต้องยกฟ้องข้อหานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท – ฉ้อโกง – คืนเงินให้ผู้เสียหาย
ฟ้องว่าจำเลยปลอมบันทึกขออนุมัติเดินทางไปราชการและยืมเงินทดรองจ่ายกับปลอมสัญญายืมเงินในวันเดียวกันการปลอมทั้งสองครั้งตามฟ้องข้อก.และข.เพื่อนำไปแสดงขอรับเงิน2,500บาทจากพนักงานการเงินพนักงานการเงินหลงเชื่อจึงจ่ายเงินให้ไปดังนี้การกระทำตามฟ้องข้อก.และข.ก็โดยมีเจตนาที่จะนำไปใช้เป็นหลักฐานในการหลอกลวงพนักงานการเงินตามฟ้องข้อค.เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันตั้งแต่จำเลยปลอมจนถึงเวลาที่ใช้เอกสารปลอมเพื่อหลอกลวงรับเงินจากพนักงานการเงินจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทมิใช่เป็นการกระทำผิดต่างกรรมกัน. โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้เงินของผู้เสียหายไปโดยการหลอกลวงและคดีฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงด้วยดังนี้ศาลต้องพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้จำนวนเงินตามที่โจทก์ขอมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา43.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2748/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสิทธิเพื่อหลอกลวงสถานกงสุล ถือเป็นกรรมเดียวผิดหลายบท
สมุดคู่ฝากบัญชีออมทรัพย์มีข้อความแสดงว่าผู้ฝากได้ฝากเงินไว้กับธนาคารย่อมเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิแก่ผู้ฝากที่จะเรียกถอนเงินฝากคืน หาใช่เพียงแต่เป็นหลักฐานแสดงฐานะของผู้ฝากไม่ การที่มิได้ทำขึ้นเพื่อใช้ถอนเงินฝากนั้นก็ไม่ทำให้ลักษณะของเอกสารเปลี่ยนแปลงไปจึงเป็นเอกสารสิทธิ การที่จำเลยทำปลอมสมุดคู่ฝากให้แก่ ก. และหนังสือรับรองว่าผู้นั้นเป็นพนักงานของธนาคาร ด้วยเจตนาเดียวกันที่จะใช้เป็นหลักฐานหลอกลวงเจ้าหน้าที่สถานกงสุลฯให้ออกหนังสือผ่านแดนให้แก่ผู้มีชื่อคนนั้น ไม่ว่าจำเลยจะปลอมเอกสารนั้นพร้อมกันหรือคนละคราว ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2481/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกรอกเอกสารที่มีลายมือชื่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม ไม่เป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร หากไม่มีเจตนาทุจริตและไม่เกิดความเสียหาย
การกรอกข้อความลงในเอกสารซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่น จะถือว่าเป็นการปลอมเอกสารก็ต่อเมื่อได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนการที่จำเลยกรอกข้อความในตราสารการโอนหุ้นซึ่งโจทก์ลงลายมือชื่อไว้แล้ว โดยไม่ได้รับคำสั่งหรือความยินยอมของโจทก์ และโอนหุ้นของโจทก์ที่มิได้สั่งขายไปเป็นของบุคคลอื่น เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของโจทก์และโจทก์มิได้เสียหายทั้งไม่ปรากฏว่าอาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิหรือใช้เอกสารสิทธิปลอม จำเลยทำตราสารการโอนหุ้นขึ้นเองทั้งฉบับโอนขายหุ้นของโจทก์ไปโดยโจทก์มิได้เสียหาย ถึงแม้โจทก์จะมิได้สั่ง หรือให้ความยินยอม จำเลยก็มิได้ทำปลอมเอกสารของผู้ใด การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม โจทก์สั่งให้จำเลยซื้อหุ้น 2,000 หุ้น ต่อมาจำเลยขายหุ้นนั้น 1,000 หุ้นตามคำสั่งของโจทก์ ที่ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหุ้นว่ามีการขายหุ้นของโจทก์ไป 2,000 หุ้น เป็นเรื่องทางปฏิบัติในการซื้อขายหุ้นโดยจำเลยจะนำหุ้นของโจทก์ไปโอนให้แก่บุคคลอื่นก่อน เมื่อโอนแล้วจำเลยก็ได้รับรองหุ้นของโจทก์ที่เหลืออยู่ทั้งต่อมาโจทก์ก็ได้รับหุ้น 1,000 หุ้นไปจากจำเลยแล้ว จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต แม้จะดำเนินการโอนหุ้นไปโดยพลการก็ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมเพื่อย้ายที่อยู่ แม้ไม่ได้นำเอกสารไปดำเนินการเอง แต่หากผู้อื่นดำเนินการแทนก็ถือว่าเป็นการใช้เอกสารปลอม
จำเลยแจ้งย้ายตนเองและบุตรออกจากจังหวัดนครพนมเทศบาลเมืองนครพนมออกใบแจ้งย้ายออก ท.ร. 17 มอบให้แก่จำเลยจำเลยลงชื่อในช่องผู้แจ้งย้ายออกต่อมาเอกสารดังกล่าวในช่องสัญชาติของบิดามารดาของจำเลยและบุตรจำเลยถูกแก้ไขอันเป็นการปลอมเอกสารดังกล่าว ในการแจ้งย้ายเข้าบ้านเลขที่ใหม่ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้นำเอกสารดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่งานทะเบียนเขตดุสิตดำเนินการย้ายเข้า แต่บุตรของเจ้าบ้านเป็นผู้นำเอกสารดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแทนจำเลย เพื่อให้จำเลยได้ย้ายเข้าบ้านดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ที่ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ จำเลยจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้เอกสารปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมเพื่อย้ายที่อยู่ แม้ไม่ได้ส่งเอกสารเอง แต่สั่งให้ผู้อื่นดำเนินการแทน ก็ถือเป็นความผิด
จำเลยแจ้งย้ายตนเองและบุตรออกจากจังหวัดนครพนมเทศบาลเมืองนครพนมออกใบแจ้งย้ายออก ท.ร. 17 มอบให้แก่จำเลยจำเลยลงชื่อในช่องผู้แจ้งย้ายออกต่อมาเอกสารดังกล่าวในช่องสัญชาติของบิดามารดาของจำเลยและบุตรจำเลยถูกแก้ไขอันเป็นการปลอมเอกสารดังกล่าวในการแจ้งย้ายเข้าบ้านเลขที่ใหม่ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้นำเอกสารดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่งานทะเบียนเขตดุสิตดำเนินการย้ายเข้าแต่บุตรของเจ้าบ้านเป็นผู้นำเอกสารดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแทนจำเลย เพื่อให้จำเลยได้ย้ายเข้าบ้านดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ที่ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ จำเลยจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้เอกสารปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม – แก้ไขบทกฎหมาย – ปัญหาข้อเท็จจริง – ฟ้องไม่ชัดเจน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 266 จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ส่วนกำหนดโทษคงเป็นไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขเฉพาะการปรับ บทกฎหมายในการลงโทษโดยมิได้แก้ไขโทษ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่จำเลย ฎีกาว่า จำเลยลงลายมือชื่อแทน ด. โดยได้รับมอบหมายด้วยวาจาการกระทำของจำเลยไม่ทำให้ ด. เสียหายหรือในประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนจำเลยไม่มีเจตนาปลอมเอกสาร และหากฟังว่าจำเลยกระทำผิด ก็ขอให้รอการลงโทษล้วนเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์ไม่ชัดเจนเคลือบคลุม ทำให้จำเลยหลงต่อสู้คดีแต่จำเลยมิได้ยกเหตุผลขึ้นอ้างอิงว่าฟ้องโจทก์ เคลือบคลุมตอนใดเหตุใดจึงทำให้จำเลยหลงต่อสู้เป็นฎีกาที่ไม่ชัดเจน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วย มาตรา225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย