พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2497/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการ แม้ไม่ได้ลงมือปลอมเอง แต่มีส่วนร่วมในการแบ่งหน้าที่และรับเงิน
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อและรับเงินจากผู้ต้องการได้ประกาศนียบัตรปลอมกับจดชื่อวันดือนปีเกิดของผู้นั้นให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ไปติดต่อกับคนที่ปลอมเอกสาร เมื่อได้เงินมาก็แบ่งปันกัน ดังนี้ แม้จำเลยทั้งสองมิได้ลงมือกระทำการปลอมเองก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าได้ร่วมกันกับคนที่ทำปลอมขึ้นโดยแล่งหน้าที่ทำกันทำ จำเลยทั้งสองจึงต้องมีความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและยักยอกเอกสารราชการ กรณีออกใบเสร็จซ้ำและไม่นำส่งเงินภาษี
จำเลยทำใบเสร็จรับเงินค่าภาษีรถยนต์ที่ ช.นำมาชำระ แม้จำเลยจะได้ประทับตราชื่อของจำเลยเป็นผู้รับเงินและมีรายการเสียภาษีตามความเป็นจริงทุกประการ ก็ตามแต่จำเลยใช้ฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จรับเงินเหล่านั้นซ้ำกับฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จรับเงินที่แท้จริงที่มีการนำส่งเงินภาษีที่เก็บได้ต่อทางราชการโดยจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้ที่ได้พบเห็นใบเสร็จเหล่านั้น เข้าใจว่าเป็นใบเสร็จที่ใช้ฉบับที่และเล่มที่ตามลำดับ ไม่ซ้ำกับฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จอื่น ๆ และได้มีการส่งเงินตามใบเสร็จเหล่านั้นต่อทางราชการตามระเบียบด้วยจำเลยจึงต้อง มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ เพราะเป็นเอกสารที่ทางราชการทำขึ้น
ใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารสิทธิ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 889/2490)
ใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารสิทธิ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 889/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการโดยใช้ฉบับที่ซ้ำกับเอกสารที่ส่งเงินแล้ว และความผิดร่วมยักยอกเงิน
จำเลยทำใบเสร็จรับเงินค่าภาษีรถยนต์ที่ ช. นำมาชำระ แม้ จำเลยจะได้ประทับตราชื่อของจำเลยเป็นผู้รับเงินและมีรายการเสียภาษี ตามความเป็นจริงทุกประการก็ตามแต่จำเลยใช้ฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จรับเงินเหล่านั้นซ้ำกับฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จรับเงินที่แท้จริงที่มี การนำส่งเงินภาษีที่เก็บได้ต่อทางราชการโดยจำเลยมีเจตนาจะให้ผู้ที่ได้ พบเห็นใบเสร็จเหล่านั้น เข้าใจว่าเป็นใบเสร็จที่ใช้ฉบับที่และเล่มที่ตามลำดับ ไม่ซ้ำกับฉบับที่และเล่มที่ของใบเสร็จอื่น ๆและได้มีการส่งเงินตามใบเสร็จเหล่านั้นต่อทางราชการตามระเบียบด้วยจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ เพราะเป็นเอกสารที่ทางราชการทำขึ้น
ใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารสิทธิ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่889/2492)
ใบเสร็จรับเงินไม่ใช่เอกสารสิทธิ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่889/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะลูกจ้างประจำไม่ใช่เจ้าพนักงาน แม้มีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าราชพัสดุ ยักยอกทรัพย์เป็นความผิดต่อทรัพย์
จำเลยเป็นลูกจ้างประจำสังกัดกรมธนารักษ์เบิกเงินค่าจ้างในงบงานจัดทรัพย์สินของรัฐกรมธนารักษ์ โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน มีตำแหน่งเป็นพนักงานเก็บเงินที่มีผู้ชำระต่อราชพัสดุจังหวัดเท่านั้น จึงมิใช่เป็นข้าราชการที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามกฎหมาย คำสั่งจ้างจำเลยระบุเพียงว่าให้จ้างจำเลยเข้าเป็นลูกจ้างประจำสังกัดกรมธนารักษ์ มิได้อ้างว่าแต่งตั้งจำเลยโดยอาศัยอำนาจของกฎหมายใดฉะนั้น แม้จำเลยจะมีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าอาคารราชพัสดุก็มีฐานะเป็นเพียงลูกจ้าง หาใช่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่
เงินที่จำเลยยักยอกไปเป็นเงินที่จำเลยเก็บจากผู้เช่าอาคารราชพัสดุแล้ว ยังมิได้ส่งต่อทางราชการ จำเลยมีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาเงินนั้น และต้องส่งมอบให้แก่ทางราชการเงินที่จำเลยรับไว้จึงเป็นของราชการกรมธนารักษ์ไม่ใช่เป็นของประชาชนผู้ชำระค่าเช่าแต่ละราย เพราะกรมธนารักษ์ต้องรับผลในการกระทำของจำเลยในอันที่จะไปเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าให้ชำระอีกไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ครอบครองและควบคุมดูแลที่ราชพัสดุแทนกรมธนารักษ์จึงเป็นผู้เสียหาย
สารสำคัญตามฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไป เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไปจริงก็เป็นอันตรงกับคำฟ้องแล้ว ส่วนที่ตามฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานนั้น แม้ตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง และไม่ใช่เป็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือฟ้องไม่สมบูรณ์
เงินที่จำเลยยักยอกไปเป็นเงินที่จำเลยเก็บจากผู้เช่าอาคารราชพัสดุแล้ว ยังมิได้ส่งต่อทางราชการ จำเลยมีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาเงินนั้น และต้องส่งมอบให้แก่ทางราชการเงินที่จำเลยรับไว้จึงเป็นของราชการกรมธนารักษ์ไม่ใช่เป็นของประชาชนผู้ชำระค่าเช่าแต่ละราย เพราะกรมธนารักษ์ต้องรับผลในการกระทำของจำเลยในอันที่จะไปเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าให้ชำระอีกไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ครอบครองและควบคุมดูแลที่ราชพัสดุแทนกรมธนารักษ์จึงเป็นผู้เสียหาย
สารสำคัญตามฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไป เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไปจริงก็เป็นอันตรงกับคำฟ้องแล้ว ส่วนที่ตามฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานนั้น แม้ตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง และไม่ใช่เป็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือฟ้องไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารสำเนาที่เจ้าพนักงานรับรองโดยไม่ได้รับอนุญาต และการเผยแพร่เอกสารดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยถ่ายภาพจากเอกสารที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ ภาพถ่ายเอกสารที่จำเลยถ่ายมานั้น เจ้าพนักงานไม่ได้รับรองด้วยจึงไม่ใช่เอกสารราชการ แต่เป็นเพียงเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7) การที่จำเลยกรอกข้อความรายการต้องหาคดีต่าง ๆ เพิ่มเติมลงไปในภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าพนักงานผู้รับรองความถูกต้องของเอกสารนั้น แล้วนำเอกสารดังกล่าวไปแจกจ่ายแก่บุคคลอื่น แม้ข้อความที่กรอกเพิ่มเติมในเอกสารจะเป็นความจริง ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง และ 268 แต่ไม่เป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมตาม มาตรา 265, 268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารสำเนาที่เจ้าพนักงานรับรองโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยถ่ายภาพจากเอกสารที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ภาพถ่ายเอกสารที่จำเลยถ่ายมานั้น เจ้าพนักงานไม่ได้รับรองด้วยจึงไม่ใช่เอกสารราชการ แต่เป็นเพียงเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7) การที่จำเลยกรอกข้อความรายการต้องหาคดีต่าง ๆ เพิ่มเติมลงไปในภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าพนักงานผู้รับรองความถูกต้องของเอกสารนั้น แล้วนำเอกสารดังกล่าวไปแจกจ่ายแก่บุคคลอื่น แม้ข้อความที่กรอกเพิ่มเติมในเอกสารจะเป็นความจริง ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง และ 268 แต่ไม่เป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมตาม มาตรา 265,268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงใบอนุญาตย้อนหลังเพื่อแก้ต่างความผิด การมีน้ำมันเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต ไม่เป็นเหตุให้ไม่ต้องรับผิด
ตำรวจค้นพบน้ำมันเบนซิน 1,500 ลิตร ในบ้านจำเลย จำเลยนำใบอนุญาตให้เก็บรักษาน้ำมันเบนซิน 300 ลิตร มาแสดง ตำรวจจับจำเลยมาดำเนินคดี ชั้นสอบสวนจำเลยกลับนำใบอนุญาตเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร มาแสดงอีกฉบับหนึ่ง แต่เป็นใบอนุญาตที่เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตออกให้จำเลยหลังวันจับกุมจำเลยแล้วลงวันที่ย้อนหลังไปจนถึงวันก่อนจำเลยถูกจับกุมดังนี้ เป็นการจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ หาใช่การปลอมเอกสารไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม
แม้ศาลจะฟังว่าเจ้าพนักงานออกใบอนุญาตเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร ให้จำเลย แต่เมื่อความผิดฐานมีน้ำมันเบนซินไว้เกินกว่าที่ได้รับอนุญาตนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ว่าใบอนุญาตที่ทางการออกให้จำเลยเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร นั้นเพิ่งออกให้ภายหลังจากที่เจ้าพนักงานตรวจพบการกระทำความผิดแล้วใบอนุญาตดังกล่าวจึงหาคุ้มจำเลยให้ไม่ต้องรับผิดทางอาญาในการกระทำความผิดของจำเลยที่เกิดขึ้นก่อนออกใบอนุญาตไม่
แม้ศาลจะฟังว่าเจ้าพนักงานออกใบอนุญาตเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร ให้จำเลย แต่เมื่อความผิดฐานมีน้ำมันเบนซินไว้เกินกว่าที่ได้รับอนุญาตนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ว่าใบอนุญาตที่ทางการออกให้จำเลยเก็บรักษาน้ำมันเบนซินได้ไม่เกิน 2,000 ลิตร นั้นเพิ่งออกให้ภายหลังจากที่เจ้าพนักงานตรวจพบการกระทำความผิดแล้วใบอนุญาตดังกล่าวจึงหาคุ้มจำเลยให้ไม่ต้องรับผิดทางอาญาในการกระทำความผิดของจำเลยที่เกิดขึ้นก่อนออกใบอนุญาตไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานเบียดบังยักยอกทรัพย์และลงข้อความเท็จ ไม่ใช่ปลอมเอกสาร, คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดบทเดียวไม่ใช่หลายบทดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษา และลงโทษจำเลยจำเลยเท่ากับที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อโทษแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่สมุห์บัญชีธนาคารอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนในการควบคุมบัญชีและเขียนข้อความลงในบัญชีสมุดเงินฝาก เขียนข้อความที่ไม่ตรงต่อความจริงลงในบัญชีดังกล่าวขณะที่ตนมีหน้าที่ต้องเขียนข้อความที่ถูกต้องนั้น เป็นเรื่องลงข้อความเท็จ หาใช่เป็นการปลอมเอกสารไม่ เพราะมิใช่ปลอมเอกสารอันแท้จริงของผู้ใด และไม่เป็นการกรอกข้อความลงในกระดาษซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่น โดยมิได้รับความยินยอมที่ให้ถือว่าเป็นการปลอมเอกสารตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 จำเลยร่วมกับสมุห์บัญชีทำการดังกล่าวจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเช่นเดียวกัน
การที่สมุห์บัญชีธนาคารอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนในการควบคุมบัญชีและเขียนข้อความลงในบัญชีสมุดเงินฝาก เขียนข้อความที่ไม่ตรงต่อความจริงลงในบัญชีดังกล่าวขณะที่ตนมีหน้าที่ต้องเขียนข้อความที่ถูกต้องนั้น เป็นเรื่องลงข้อความเท็จ หาใช่เป็นการปลอมเอกสารไม่ เพราะมิใช่ปลอมเอกสารอันแท้จริงของผู้ใด และไม่เป็นการกรอกข้อความลงในกระดาษซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่น โดยมิได้รับความยินยอมที่ให้ถือว่าเป็นการปลอมเอกสารตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 จำเลยร่วมกับสมุห์บัญชีทำการดังกล่าวจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมเอกสาร vs. ลงข้อความเท็จในบัญชีธนาคาร และการห้ามฎีกาในคดีโทษไม่เกิน 5 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดบทเดียวไม่ใช่หลายบทดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษา และลงโทษจำคุกจำเลยเท่ากับที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อโทษแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปีคดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่สมุห์บัญชีธนาคารอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนในการควบคุมบัญชีและเขียนข้อความลงในบัญชีสมุดเงินฝาก เขียนข้อความที่ไม่ตรงต่อความจริงลงในบัญชีดังกล่าวขณะที่ตนมีหน้าที่ต้องเขียนข้อความที่ถูกต้องนั้นเป็นเรื่องลงข้อความเท็จ หาใช่เป็นการปลอมเอกสารไม่เพราะมิใช่ปลอมเอกสารอันแท้จริงของผู้ใด และไม่เป็นการกรอกข้อความลงในกระดาษซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่น โดยมิได้รับความยินยอมที่ให้ถือว่าเป็นการปลอมเอกสารตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา264,265 จำเลยร่วมกับสมุห์บัญชีทำการดังกล่าวจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเช่นเดียวกัน
การที่สมุห์บัญชีธนาคารอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนในการควบคุมบัญชีและเขียนข้อความลงในบัญชีสมุดเงินฝาก เขียนข้อความที่ไม่ตรงต่อความจริงลงในบัญชีดังกล่าวขณะที่ตนมีหน้าที่ต้องเขียนข้อความที่ถูกต้องนั้นเป็นเรื่องลงข้อความเท็จ หาใช่เป็นการปลอมเอกสารไม่เพราะมิใช่ปลอมเอกสารอันแท้จริงของผู้ใด และไม่เป็นการกรอกข้อความลงในกระดาษซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่น โดยมิได้รับความยินยอมที่ให้ถือว่าเป็นการปลอมเอกสารตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา264,265 จำเลยร่วมกับสมุห์บัญชีทำการดังกล่าวจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ และใช้เอกสารราชการปลอม ถือเป็นความผิดอาญา
จำเลยเขียนหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของผู้อื่นลงไว้ที่แผ่นเหล็กท้ายรถจักรยานยนต์คันของกลาง แม้จำเลยจะเขียนหมายเลขดังกล่าวด้วยตนเองโดยมีลักษณะขนาดตัวหนังสือและตัวเลขไม่เหมือนกับป้ายหมายเลขทะเบียนที่แท้จริง ซึ่งทางราชการกรมตำรวจจัดทำขึ้นก็ตาม แต่เมื่อจำเลยกระทำด้วยเจตนาทำเทียมเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และโดยลักษณะที่อาจจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และเมื่อจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางที่ดินป้ายหมายเลขทะเบียนปลอมที่จำเลยทำขึ้นดังกล่าวขับขี่ไปจนถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมด้วย