พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพนักงานรัฐยักยอกเงินและการปลอมเอกสารสิทธิ: การปรับบทความผิดให้ถูกต้อง
จำเลยเป็นพนักงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอันเป็นองค์การของรัฐ ใช้อำนาจในหน้าที่เบียดบังยักยอกเอาเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่จำเลยรับไว้โดยทุจริต ย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 เพียงมาตราเดียว ไม่ผิดตามมาตรา 8ด้วย เพราะเป็นการเบียดบังตัวทรัพย์ที่อยู่ในหน้าที่ไว้เป็นประโยชน์ มิใช่อาศัยหน้าที่หาประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการเบียดบังเอาทรัพย์ และกรณีดังกล่าวไม่จำต้องปรับบทด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 อีก
ใบเสร็จรับเงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ถูกทำปลอมขึ้นเพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นใบเสร็จที่แท้จริง อันอาจนำไปเรียกเก็บเงินซ้ำอีกได้นั้น แม้จะมิได้มีการลงชื่อในช่องพนักงานเก็บเงินว่าได้รับเงินไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม ย่อมเป็นเอกสารสิทธิ แต่มิใช่เอกสารราชการ จำเลยผู้ทำปลอมขึ้นต้องมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 266 และกรณีไม่จำต้องปรับบทด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 อีก
ใบเสร็จรับเงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ถูกทำปลอมขึ้นเพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นใบเสร็จที่แท้จริง อันอาจนำไปเรียกเก็บเงินซ้ำอีกได้นั้น แม้จะมิได้มีการลงชื่อในช่องพนักงานเก็บเงินว่าได้รับเงินไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม ย่อมเป็นเอกสารสิทธิ แต่มิใช่เอกสารราชการ จำเลยผู้ทำปลอมขึ้นต้องมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 266 และกรณีไม่จำต้องปรับบทด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงลายมือชื่อแทนกันในสัญญา แม้ได้รับมอบอำนาจก็เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร แต่ต้องพิเคราะห์ความเสียหายที่เกิดขึ้น
ลายมือชื่อนั้นไม่มีกฎหมายให้เซ็นแทนกันได้ แม้จะมอบอำนาจก็เซ็นแทนไม่ได้ จำเลยเซ็นชื่อสามีจำเลยลงในสัญญามัดจำซื้อขายที่ดินจึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอม แต่ความผิดฐานปลอมเอกสารนั้นจะต้องมีลักษณะที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนด้วย เมื่อผู้เสียหายรู้จักชื่อและตัวสามีจำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดินตลอดจนจำเลยซึ่งเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ยังได้สมัครใจเข้าทำสัญญากับจำเลยและรู้เห็นว่าจำเลยได้ลงชื่อสามีจำเลยในช่องผู้ให้สัญญาตอนทำสัญญานั้น จากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้เสียหายมิได้หลงผิดหรือหลงเชื่อ จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะอ้างว่าได้รับความเสียหายตามกฎหมายสามีจำเลยก็ไม่เสียหายเพราะเป็นผู้มอบอำนาจให้จำเลยไว้ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงลายมือชื่อแทนกันโดยไม่ได้รับมอบอำนาจไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร หากผู้เสียหายทราบข้อเท็จจริงและยินยอม
ลายมือชื่อนั้นไม่มีกฎหมายให้เซ็นแทนกันได้ แม้จะมอบอำนาจก็เซ็นแทนไม่ได้ จำเลยเซ็นชื่อสามีจำเลยลงในสัญญามัดจำซื้อขายที่ดินจึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอม แต่ความผิดฐานปลอมเอกสารนั้นจะต้องมีลักษณะที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนด้วย เมื่อผู้เสียหายรู้จักชื่อและตัวสามีจำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดินตลอดจนจำเลยซึ่งเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ยังได้สมัครใจเข้าทำสัญญากับจำเลยและรู้เห็นว่าจำเลยได้ลงชื่อสามีจำเลยในช่องผู้ให้สัญญาตอนทำสัญญานั้น จากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้เสียหายมิได้หลงผิดหรือหลงเชื่อ จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะอ้างว่าได้รับความเสียหายตามกฎหมายสามีจำเลยก็ไม่เสียหายเพราะเป็นผู้มอบอำนาจให้จำเลยไว้ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญา ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1, 2 ร่วมกันกระทำผิด โดยจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอใบสุทธิโดยไม่มีหลักฐานการสอบไล่ได้ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูใหญ่กรอกข้อความอันเป็นเท็จรับรองในแบบสอบสวนขอรับใบสุทธิหรือใบแทนเกิน 10 ปี เสนอขออนุญาตออกให้ตามคำขอ เป็นเหตุให้นายอำเภอและเจ้าหน้าที่แผนกศึกษาธิการอำเภอหลงเชื่อ อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ออกใบสุทธิซึ่งเป็นเอกสารปลอมให้จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 นำไปเป็นหลักฐานสมัครรับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อคณะกรรมการรับสมัครคณะกรรมการรับใบสมัครของจำเลยที่ 1 ไว้และเป็นผลให้จำเลยที่ 1 ได้รับเลือก โจทก์ในฐานะผู้สมัครรับเลือกด้วยได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ดังนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรง การที่โจทก์ไม่ได้รับเลือก หาใช่เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายที่จะนำคดีมาฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญา จำเลยกระทำผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐ โจทก์ไม่เป็นผู้เสียหายโดยตรง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1, 2 ร่วมกันกระทำผิด โดยจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอใบสุทธิโดยไม่มีหลักฐานการสอบไล่ได้ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูใหญ่กรอกข้อความอันเป็นเท็จรับรองในแบบสอบสวนขอรับใบสุทธิหรือใบแทนเกิน 10 ปี เสนอขออนุญาตออกให้ตามคำขอ เป็นเหตุให้นายอำเภอและเจ้าหน้าที่แผนกศึกษาธิการอำเภอหลงเชื่อ อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ออกใบสุทธิซึ่งเป็นเอกสารปลอมให้จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 นำไปเป็นหลักฐานสมัครรับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อคณะกรรมการรับสมัครคณะกรรมการรับใบสมัครของจำเลยที่ 1 ไว้ และเป็นผลให้จำเลยที่ 1 ได้รับเลือก โจทก์ในฐานะผู้สมัครรับเลือกด้วยได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ดังนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐเป็นผู้เสียหายโดยตรง การที่โจทก์ไม่ได้รับเลือก หาใช่เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายที่จะนำคดีมาฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสิทธิเพื่อฉ้อโกงและใช้เอกสารปลอม การกระทำเข้าข่ายความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม
จำเลยกู้เงินผู้เสียหายแล้วทำหนังสือสัญญากู้ลงลายมือชื่อผู้อื่นในช่องผู้กู้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเองเป็นผู้กู้ การกระทำของจำเลยเป็นการทุจริตเพื่อจะให้ได้เงินที่กู้ไป แต่มิให้ผู้เสียหายใช้สัญญากู้นั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืนจากจำเลย ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ เมื่อจำเลยได้มอบสัญญากู้ให้ผู้เสียหายยึดถือไว้ จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงเอกสารสิทธิเพื่อหลอกลวงเอาเงินกู้ และการใช้เอกสารปลอมนั้น
จำเลยกู้เงินผู้เสียหายแล้วทำหนังสือสัญญากู้ลงลายมือชื่อผู้อื่นในช่องผู้กู้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเองเป็นผู้กู้ การกระทำของจำเลยเป็นการทุจริตเพื่อจะให้ได้เงินที่กู้ไป แต่มิให้ผู้เสียหายใช้สัญญากู้นั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืนจากจำเลย ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิเมื่อจำเลยได้มอบสัญญากู้ให้ผู้เสียหายยึดถือไว้ จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารสิทธิปลอมเพื่อเปลี่ยนแปลงสิทธิในที่ดิน และการอ้างพยานเบิกความเท็จ โดยไม่มีส่วนร่วม
จำเลยที่ 1 นำสืบเอกสารปลอมที่มีสารสำคัญว่า โจทก์ทำเป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินสร้างตึกพิพาทแล้วลงชื่อโจทก์เป็นผู้ซื้อแทน จำเลยที่ 1 ต้องการที่ดินเมื่อใด โจทก์จะโอนโฉนดให้ ข้อความดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งการเปลี่ยนแปลงสิทธิของโจทก์ เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเอกสารสิทธิ และเป็นเอกสารที่มีความสำคัญเกี่ยวไปถึงการสร้างตึกแถวพิพาทและการทำสัญญาเช่าตึกแถว ทำให้โจทก์เสียหาย เป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
เพียงแต่การอ้างบุคคลอื่นเป็นพยาน พยานจะเบิกความอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของพยาน. ถ้าหากพยานเบิกความเท็จจะฟังว่าผู้อ้างพยานกระทำการนั้นร่วมกับพยานด้วยหาได้ไม่ ผู้อ้างพยานจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จด้วย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องในข้อหาฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 แล้ว แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 และพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 265นั้น หมายความว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 ให้ลงโทษตามมาตรา 265. มิได้หมายความว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 265 ด้วย ในกรณีเช่นนี้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 แล้ว วางกำหนดโทษไปโดยไม่อ้างถึงมาตรา 265 ก็ได้
เพียงแต่การอ้างบุคคลอื่นเป็นพยาน พยานจะเบิกความอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของพยาน. ถ้าหากพยานเบิกความเท็จจะฟังว่าผู้อ้างพยานกระทำการนั้นร่วมกับพยานด้วยหาได้ไม่ ผู้อ้างพยานจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จด้วย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องในข้อหาฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 แล้ว แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 และพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 265นั้น หมายความว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 ให้ลงโทษตามมาตรา 265. มิได้หมายความว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 265 ด้วย ในกรณีเช่นนี้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 268 แล้ว วางกำหนดโทษไปโดยไม่อ้างถึงมาตรา 265 ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสิทธิเพื่อก่อให้เกิดและระงับสิทธิเรียกร้องทางอาญา
หนังสือค่าขนส่งสินค้า และค่าเช่าเรือบรรทุกสินค้าล่วงเวลากับใบเสร็จรับเงินค่าขนส่งสินค้าและค่าเช่าเรือบรรทุกสินค้าอันเป็นหลักฐานในการก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้อง และระงับซึ่งสิทธิเรียกร้องตามลำดับ เป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) การปลอมเป็นความผิดตามมาตรา 265
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนย้ายแร่เพื่อความปลอดภัยไม่ต้องเสียค่าภาคหลวงก่อน เอกสารไม่ใช่ใบขนปลอม
ก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ออกใช้บังคับการขนย้ายแร่ออกนอกเขตเหมืองไปเก็บรักษาเพื่อความปลอดภัย มิใช่กรณีที่จะส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือเพื่อจำหน่ายภายในราชอาณาจักร ไม่จำต้องมีใบขนแร่ และไม่ต้องเสียค่าภาคหลวงก่อนที่จะทำการขนแร่
จำเลยเขียนข้อความไว้ตอนบนของหนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่ว่า "ใบขนเลขที่ 280/08 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2508 และใบขนเลขที่ 290/08 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2508" เมื่อข้อความที่จำเลยเขียนไม่ใช่ข้อความที่กฎหมายบังคับให้ต้องเขียนไว้ การที่จำเลยเขียนข้อความดังกล่าวก็ไม่ทำให้หนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่มีลักษณะเป็นใบขนแร่ไปได้ และแม้จำเลยจะเขียนไว้เพื่อแสดงว่าแร่ที่ขนย้ายมานั้นได้เสียค่าภาคหลวงแล้ว ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่เมื่อการขนย้ายแร่ในกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีใบขน ไม่จำต้องเสียค่าภาคหลวงก่อนทำการขน และต่อมาภายหลังได้เสียค่าภาคหลวงถูกต้องครบถ้วนแล้ว เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารหรือเอกสารสิทธิ
จำเลยเขียนข้อความไว้ตอนบนของหนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่ว่า "ใบขนเลขที่ 280/08 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2508 และใบขนเลขที่ 290/08 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2508" เมื่อข้อความที่จำเลยเขียนไม่ใช่ข้อความที่กฎหมายบังคับให้ต้องเขียนไว้ การที่จำเลยเขียนข้อความดังกล่าวก็ไม่ทำให้หนังสือกำกับนำแร่เคลื่อนที่มีลักษณะเป็นใบขนแร่ไปได้ และแม้จำเลยจะเขียนไว้เพื่อแสดงว่าแร่ที่ขนย้ายมานั้นได้เสียค่าภาคหลวงแล้ว ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่เมื่อการขนย้ายแร่ในกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีใบขน ไม่จำต้องเสียค่าภาคหลวงก่อนทำการขน และต่อมาภายหลังได้เสียค่าภาคหลวงถูกต้องครบถ้วนแล้ว เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารหรือเอกสารสิทธิ