พบผลลัพธ์ทั้งหมด 122 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3805/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดชื่อเสียงจากข่าวเท็จ: ความเสียหายต่อบุคคลมีชื่อเสียงและการชดใช้ค่าเสียหาย
กว่าที่โจทก์จะเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงและเกียรติคุณเป็นที่รู้จักและยอมรับแก่บุคคลทั่วไปได้ โจทก์ต้องสร้างคุณงามความดีเป็นเวลานาน การที่จำเลยไขข่าวแพร่หลายใส่ความโจทก์ในหนังสือพิมพ์รายวันว่าภรรยาโจทก์กำลังหาทนายความทำเรื่องขอหย่าขาดจากโจทก์ เพราะโจทก์มีความสนิทชิดชอบกับหญิงอื่น ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนความจริง ย่อมทำให้ผู้ที่รู้จักโจทก์และได้อ่านข่าวดังกล่าวคิดว่าโจทก์มีความประพฤติไปในทางไม่ดี กระทำผิดศีลธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ครอบครัวของโจทก์เกิดความร้าวฉานก่อให้เกิดความเกลียดชังและดูหมิ่นโจทก์ ผู้ใต้บังคับบัญชาทราบข่าวนี้แล้วย่อมขาดความเคารพเชื่อถือ เป็นผลเสียต่อหน้าที่การงานและความเจริญก้าวหน้ากับทำให้เสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณที่เคยมีอยู่ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดในมูลละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3545/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขอถอนหลักประกันสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา ความรับผิดตามสัญญาสิ้นสุดเมื่อคืนหลักทรัพย์
เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาประกัน ส.ผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นหนังสือมีข้อความว่าขอถอนหลักทรัพย์อันเป็นหลักประกันเพื่อนำไปขายให้ผู้อื่น และจำเลยได้มอบตัว ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์ของ อ.และพาตัว อ.มาทำสัญญาประกัน ส.ผู้ต้องหาฉบับใหม่ต่อโจทก์ด้วย โดยสัญญาระบุชื่อ อ.เป็นผู้ประกันแต่ผู้เดียว กรณีจึงมิใช่เรื่องจำเลยขอเปลี่ยนหลักประกัน แต่เป็นเรื่องขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน เมื่อจำเลยมอบตัวต่อ ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์แล้วเช่นนี้ ความรับผิดของจำเลยตามสัญญาประกันที่จำเลยทำต่อโจทก์ดังกล่าว ย่อมหมดไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 116
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3545/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอถอนสัญญาประกันและผลกระทบต่อความรับผิดตามสัญญา การมอบตัวผู้ต้องหาทำให้ความรับผิดสิ้นสุด
เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาประกัน ส. ผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นหนังสือมีข้อความว่าขอถอนหลักทรัพย์อันเป็นหลักประกันเพื่อนำไปขายให้ผู้อื่น และจำเลยได้มอบตัว ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์ของ อ.และพาตัวอ.มาทำสัญญาประกัน ส. ผู้ต้องหาฉบับใหม่ต่อโจทก์ด้วย โดยสัญญาระบุชื่อ อ. เป็นผู้ประกันแต่ผู้เดียว กรณีจึงมิใช่เรื่องจำเลยขอเปลี่ยนหลักประกัน แต่เป็นเรื่องขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน เมื่อจำเลยมอบตัวต่อ ส. ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์แล้วเช่นนี้ ความรับผิดของจำเลยตามสัญญาประกันที่จำเลยทำต่อโจทก์ดังกล่าว ย่อมหมดไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3527/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเสนอคดีต่อศาลเฉพาะต้องเป็นลายลักษณ์อักษรและมีคู่สัญญาลงนามร่วมกัน
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ มีข้อตกลงว่าหากมีข้อพิพาทจากการค้ำประกันดังกล่าวให้เสนอคดีต่อศาลแพ่ง จำเลยที่ 2 ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ลงชื่อด้วย ถือไม่ได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 มีการตกลงเป็นหนังสือตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา-ความแพ่งมาตรา 7 (4) ที่ใช้บังคับขณะยื่นฟ้องว่าโจทก์จะต้องเสนอคดีนี้ต่อศาลแพ่ง โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3527/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเสนอคดีต่อศาลแพ่งต้องมีลายมือชื่อคู่สัญญาครบถ้วน จึงจะผูกพันได้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์มีข้อตกลงว่าหากมีข้อพิพาทจากการค้ำประกันดังกล่าวให้เสนอคดีต่อศาลแพ่ง จำเลยที่ 2 ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ลงชื่อด้วย ถือไม่ได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 มีการตกลงเป็นหนังสือตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7(4)ที่ใช้บังคับขณะยื่นฟ้องว่าโจทก์จะต้องเสนอคดีนี้ต่อศาลแพ่งโจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจำเลยที่ 2มีภูมิลำเนาอยู่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องหนี้จากการเล่นแชร์: คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้มีวงแชร์หลายวง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีนิติสัมพันธ์กันจากการเล่นแชร์เพียงอย่างเดียว ย่อมไม่ทำให้จำเลยสับสนว่าหนี้ที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นเรื่องอื่น นอกจากนี้แชร์ที่โจทก์กับจำเลยร่วมกันเล่นมี 2 วง วงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องวงแรกมีจำเลยเป็นนายวงแชร์และจำเลยค้างชำระเงินให้แก่โจทก์ผู้ประมูลได้จำนวน 21,000 บาทส่วนวงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องตอนหลังมีโจทก์เป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าแชร์อันหมายถึงเป็นนายวงแชร์ ซึ่งจำเลยร่วมเล่นด้วยย่อมทราบดี แชร์วงที่สองนี้จำเลยค้างชำระเงินค่าแชร์โจทก์ 2 เดือน เดือนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 4,000 บาท รวมเงินค่าแชร์ที่จำเลยค้างชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 25,000 บาท คำฟ้องดังกล่าวแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของคำฟ้องในคดีหนี้จากการเล่นแชร์ เพียงระบุรายละเอียดการเล่นแชร์และจำนวนหนี้ที่ค้างชำระ ถือว่าคำฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีนิติสัมพันธ์กันจากการเล่นแชร์เพียงอย่างเดียว ย่อมไม่ทำให้จำเลยสับสนว่าหนี้ที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นเรื่องอื่นนอกจากนี้แชร์ที่โจทก์กับจำเลยร่วมกันเล่นมี 2 วง วงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องวงแรกมีจำเลยเป็นนายวงแชร์และจำเลยค้างชำระเงินให้แก่โจทก์ผู้ประมูลได้จำนวน21,000 บาท ส่วนวงแชร์ที่โจทก์บรรยายในฟ้องตอนหลังมีโจทก์เป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าแชร์อันหมายถึงเป็นนายวงแชร์ ซึ่งจำเลยร่วมเล่นด้วยย่อมทราบดี แชร์วงที่สองนี้จำเลยค้างชำระเงินค่าแชร์โจทก์ 2 เดือน เดือนละ 2,000 บาท เป็นเงิน4,000 บาท รวมเงินค่าแชร์ที่จำเลยค้างชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 25,000 บาท คำฟ้องดังกล่าวแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความมีเงื่อนไขบังคับก่อน: อำนาจฟ้องขึ้นอยู่กับการได้รับชำระหนี้ตามฟ้อง
ซ.ว่าจ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องคดีโดยซ.จะชำระค่าจ้างให้โจทก์เมื่อได้รับเงินตามฟ้องเรียบร้อยแล้ว เป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน เพราะ ซ. จะได้รับเงินหรือไม่เป็นเหตุการณ์ในอนาคต และไม่แน่นอน ซ.หรือกองมรดกของซ.จะชำระค่าจ้างให้โจทก์ต่อเมื่อเงื่อนไขสำเร็จ เมื่อเงื่อนไขตามสัญญายังไม่สำเร็จ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความมีเงื่อนไข: ค่าจ้างทนายความต้องรอจนกว่าลูกความได้รับเงินจากคดี
จ.บิดาจำเลยได้ว่าจ้างโจทก์เป็นทนายความฟ้องเรียกเงินค่าที่ดินตามสัญญาซื้อขายจากอ. โดย จ. จะชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์เมื่อได้รับเงินค่าที่ดินเรียบร้อยแล้ว สัญญาจ้างว่าความที่โจทก์ทำไว้กับ จ.เป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 182 และเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนตาม มาตรา 183 วรรคแรก หาใช่เป็นเงื่อนเวลาไม่ เพราะ จ.จะได้รับเงินค่าที่ดินหรือไม่เป็นเหตุการณ์ในอนาคตและไม่แน่นอนเมื่อเป็นเช่นนี้ จ. หรือกองมรดกของ จ. จะชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์ต่อเมื่อเงื่อนไขสำเร็จคือ อ. ชำระเงินค่าที่ดินให้แล้ว เมื่อ อ. มิได้ชำระเงินค่าที่ดินให้แก่ จ.หรือกองมรดกของจ. เลย เงื่อนไขตามสัญญาจึงไม่สำเร็จ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของ จ. ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนและอำนาจฟ้องคดี
ซ.ว่าจ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องคดี โดย ซ.จะชำระค่าจ้างให้โจทก์เมื่อได้รับเงินตามฟ้องเรียบร้อยแล้ว เป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน เพราะซ.จะได้รับเงินหรือไม่เป็นเหตุการณ์ในอนาคต และไม่แน่นอน ซ.หรือกองมรดกของซ.จะชำระค่าจ้างให้โจทก์ต่อเมื่อเงื่อนไขสำเร็จ เมื่อเงื่อนไขตามสัญญายังไม่สำเร็จโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง