พบผลลัพธ์ทั้งหมด 232 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในคดีบังคับคดีและการเพิกถอนการขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ของห้างจำเลยที่ 2 โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้างจำเลยที่ 2 และได้เข้าร่วมประมูลซื้อทรัพย์รายนี้ แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการขายทอดตลาดดังนี้เท่ากับผู้ร้องอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง แต่ในคำร้องและฎีกาของผู้ร้องมิได้ยืนยันว่าผู้ร้องจะเป็นผู้เข้ามาสู้ราคาต่อไปอีกแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุที่จะต้องเพิกถอนการขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ทำให้สัญญาซื้อขายเป็นโมฆียะ จำเลยมีสิทธิบอกล้างได้
จำเลยซื้อที่ดินโดยหลงเชื่อตามที่โจทก์ฉ้อฉลว่าที่ดินติดถนนสาธารณะ ไม่มีที่ดินแปลงอื่นคั่นอยู่ ความจริงที่ดินมิได้อยู่ติดถนนสาธารณะ ถือว่าจำเลยแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่จะซื้อ ทำให้สัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆียะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในคุณสมบัติทรัพย์ซื้อขาย: สัญญาเป็นโมฆียะ หากไม่บอกล้างสิทธิ
การที่จำเลยซื้อที่ดินพิพาทโดยหลงเชื่อตามที่โจทก์ฉ้อฉลว่าที่ดินพิพาทติดถนนไม่มีที่ดินแปลงอื่นคั่นอยู่ ซึ่งความจริงที่ดินพิพาทมิได้อยู่ติดถนน ถือว่าจำเลยแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ที่จะซื้อ ทำให้สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นโมฆียะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออายัดทรัพย์ระหว่างพิจารณาคดี: การฎีกาคำสั่งไม่อายัดหลังศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วเป็นอันไม่เกิดประโยชน์
หากโจทก์ประสงค์ที่จะขอให้อายัดที่ดินพิพาทไว้ชั่วคราวระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องโดยเฉพาะต่อศาลชั้นต้นหรือศาลฎีกา การที่โจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่สั่งให้อายัดที่ดินพิพาทตามคำร้องขอให้อายัดที่ดินพิพาทไว้ชั่วคราวซึ่งได้ยื่นไว้ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดีโดยให้ยกฟ้องโจทก์แล้ว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาที่โจทก์ฎีกาต่อไป ศาลฎีกาย่อมให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินเพื่อทำกินต่างดอกเบี้ย มิใช่การซื้อขาย ไม่ได้กรรมสิทธิ์
เมื่อผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อทำกินต่างดอกเบี้ย มิใช่เป็นการซื้อขายที่ดินจึงเป็นการครอบครองแทนผู้คัดค้านทั้งสามซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาทด้วย แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินพิพาทนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิด จำเลยให้การรับสารภาพโดยถูกข่มขู่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อม คงมีแต่คำให้การรับสารภาพของจำเลยชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนรวมทั้งบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพกับคำให้การชั้นสอบสวนของ ท.ซึ่งมีใจความทำนองเดียวกับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลย คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่าบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพพร้อมภาพถ่ายจำเลยว่าเป็นการทำโดยไม่เต็มใจตามที่เจ้าพนักงานตำรวจสั่งเพราะกลัวถูกทำร้าย แม้โจทก์จะมีพันตำรวจตรีถ. เบิกความประกอบว่าชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ เหตุการณ์ที่พันตำรวจตรีถ. รับทราบเกี่ยวกับเรื่องจำเลยกระทำผิดก็เป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกในการร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก แม้ไม่เป็นทายาทโดยตรง
ผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713ที่มีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ไม่จำต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะทายาทโดยธรรมหรือทางพินัยกรรมของผู้มรณะโดยตรงบุคคลใดที่มีส่วนได้เสียในกองมรดกก็ชอบที่จะร้องขอได้ เมื่อ ง. เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกจึงตกแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นมารดากับบุตรทั้งสามและ ญ.ภริยาของเจ้ามรดก แต่ที่ดินพิพาทยังไม่ได้แบ่ง ญ. ก็ถึงแก่ความตายดังนี้ สิทธิในที่ดินพิพาทในส่วนที่ตกได้แก่ ญ. จึงเป็นมรดกของญ.ที่ต้องตกได้แก่ผู้คัดค้านกับถ. บิดามารดาและบุตรทั้งสามของ ญ. ผู้คัดค้านย่อมมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกของ ง. ด้วยตามส่วน ถือได้ว่าผู้คัดค้านมีส่วนได้เสียที่จะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกและการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
คำว่าผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1713 ที่มีสิทธิร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกนั้น หาจำต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะทายาทโดยธรรม หรือทางพินัยกรรมของผู้มรณะโดยตรง บุคคลใดก็ตามที่มีส่วนได้เสียในกองมรดกก็ชอบที่จะร้องขอได้ การตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ให้ตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์คือควรตั้งทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียที่ใกล้ชิดกับเจ้ามรดกมากที่สุดและมีความประพฤติดี ในคดีแพ่งนั้นศาลต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม ไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่และแม้จะให้เป็นพับกันไปก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขับขี่ที่หลบหนีหลังเกิดอุบัติเหตุ และการไม่ให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
ภายหลังจากเกิดเหตุรถชนกันแล้ว มีผู้นำผู้ตายและโจทก์ร่วมส่งโรงพยาบาล ผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น ส่วนจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุประมาณ 2 นาที แล้วหลบหนีไป ต่อมาอีก 6 วัน จำเลยจึงเข้ามอบตัวต่อสู้คดี ดังนี้ การที่จำเลยไม่ให้ความช่วยเหลือตามสมควรไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสและผู้ตายถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคสอง การที่รถยนต์เกิดเหตุทั้งสองคันชนกันจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยจำเลยเพียงแต่หลบหนีไปเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 วรรคแรก160 วรรคสอง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาจากการหลบหนีหลังเกิดอุบัติเหตุ และการไม่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ภายหลังจากเกิดเหตุรถชนกันแล้ว มีผู้นำผู้ตายและโจทก์ร่วมส่งโรงพยาบาล ผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น ส่วนจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุประมาณ 2 นาทีแล้วหลบหนีไป ต่อมาอีก 6 วัน จำเลยจึงเข้ามอบตัวต่อสู้คดี ดังนี้ การที่จำเลยไม่ให้ความช่วยเหลือตามสมควร ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสและผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 160 วรรคสอง
การที่รถยนต์เกิดเหตุทั้งสองคันชนกันจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลย จำเลยเพียงแต่หลบหนีไปเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้
ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 78วรรคแรก, 160 วรรคสอง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคแรก
การที่รถยนต์เกิดเหตุทั้งสองคันชนกันจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลย จำเลยเพียงแต่หลบหนีไปเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้
ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 78วรรคแรก, 160 วรรคสอง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคแรก