คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปราโมทย์ บุนนาค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 232 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3250/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินทดแทนจากอุบัติเหตุทางาน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับคดีตามประกาศกระทรวงมหาดไทย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 62กำหนดว่าเงินทดแทนไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีในเงินทดแทนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3250/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินทดแทนการเสียชีวิตลูกจ้างไม่อยู่ในอำนาจบังคับคดี แม้ศาลมีคำสั่งอายัด
เงินทดแทนที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นายจ้างของจำเลยจะต้องจ่ายเนื่องจากการเสียชีวิตของจำเลย ไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดีตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องคุ้มครองแรงงานข้อ 62 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103ถึงแม้ว่าศาลจะมีคำสั่งอายัดเงินทดแทนนั้น ไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยแล้วก็ตาม โจทก์ก็ไม่มีสิทธิขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีในเงินทดแทนดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายในความขัดแย้งส่วนตัว การกระทำจึงไม่เป็นการป้องกันตัวหรือบันดาลโทสะ
โจทก์ร่วมกับจำเลยโต้เถียงกันเรื่องเขตที่นา โดยจำเลยต่อว่าโจทก์ร่วมก่อนและชกต่อยกัน โจทก์ร่วมสู้ไม่ได้จึงใช้จอบตีจำเลยล้มลงและโจทก์ร่วมผละจากจำเลยเมื่อเห็นจำเลยล้มลงแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงโจทก์ร่วม 1 นัด ขณะที่โจทก์ร่วมอยู่ห่างจากจำเลยประมาณ 5 วา พฤติการณ์เป็นการสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน และจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันและบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความขัดแย้งระหว่างหุ้นส่วนและการเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญ
โจทก์จำเลยตกลงเข้าหุ้นประกอบกิจการโรงกลึงเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน การที่โจทก์จำเลยขัดแย้งกันโดยจำเลยไม่ให้โจทก์มีสิทธิสั่งจ่ายเงินและไม่แบ่งผลกำไรให้โจทก์ แต่กลับนำเงินไปจ่ายล่วงหน้าสำหรับรถยนต์ที่จำเลยซื้อ และจำเลยไม่ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของกิจการโรงกลึงไว้ทั้งยังปฏิเสธว่าโจทก์มิใช่หุ้นส่วนกับจำเลย เช่นนี้ ถือได้ว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันเหลือวิสัยที่ห้างหุ้นส่วนจะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ จึงมีเหตุที่ศาลจะพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนตามที่โจทก์ฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญจากเหตุหุ้นส่วนไม่ปรองดองและขาดการจัดการที่เหมาะสม
โจทก์จำเลยตกลงเข้าหุ้นประกอบกิจการโรงกลึงเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน การที่โจทก์จำเลยขัดแย้งกันโดยจำเลยไม่ให้โจทก์มีสิทธิสั่งจ่ายเงินและไม่แบ่งผลกำไรให้โจทก์ แต่กลับนำเงินไปจ่ายล่วงหน้าสำหรับรถยนต์ที่จำเลยซื้อ และจำเลยไม่ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของกิจการโรงกลึงไว้ทั้งยังปฏิเสธว่าโจทก์มิใช่หุ้นส่วนกับจำเลย เช่นนี้ ถือได้ว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันเหลือวิสัยที่ห้างหุ้นส่วนจะดำรงคงอยู่ต่อไปได้จึงมีเหตุที่ศาลจะพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนตามที่โจทก์ฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวิธีการกระทำความผิดในคำฟ้อง ศาลลงโทษได้หากไม่เป็นสาระสำคัญและจำเลยไม่หลงต่อสู้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเป็นการพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยได้บรรยายคำฟ้องไว้ด้วยว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหายกระสุนถูกบริเวณศีรษะ 2 แผล ได้รับอันตรายสาหัสตามรายงานแพทย์ท้ายฟ้อง พอถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำประทุษร้ายและสภาพความบาดเจ็บของผู้เสียหายไว้แล้วแสดงถึงเจตนาประสงค์ให้ศาลลงโทษ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยใช้อาวุธปืนตีทำร้ายผู้เสียหายก็มิใช่ข้อแตกต่างในสาระสำคัญเพราะเป็นเพียงข้อแตกต่างในวิธีการประทุษร้าย อาวุธและตำแหน่งที่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บก็ตรงตามฟ้อง และจำเลยมิได้หลงต่อสู้จึงลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัสได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวิธีการกระทำผิดในคำฟ้อง ไม่ถึงขั้นต้องยกฟ้อง หากข้อสาระสำคัญยังคงเดิมและจำเลยไม่หลงต่อสู้
โจทก์ได้บรรยายคำฟ้องไว้ด้วยว่าจำเลยใช้อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหายกระสุนปืนถูกผู้เสียหายบริเวณศีรษะจำนวน 2 แผลผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสและทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา จนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันพอถือได้ว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำประทุษร้ายและสภาพความบาดเจ็บของผู้เสียหายไว้แล้ว แสดงถึงเจตนาประสงค์ให้ศาลพิพากษาลงโทษในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ ได้รับอันตรายสาหัสด้วยแม้ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏ ในการพิจารณาว่าจำเลยใช้อาวุธปืนตีทำร้าย ผู้เสียหายแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงศีรษะผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่ข้อแตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสำคัญเพราะเป็น เพียง ข้อแตกต่างในวิธีการประทุษร้ายของจำเลย และ จำเลย ก็มิได้หลงต่อสู้ ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลย ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในคำฟ้อง: ศาลลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ได้ความหากไม่เป็นสาระสำคัญและจำเลยไม่หลงต่อสู้
โจทก์ได้บรรยายคำฟ้องไว้ด้วยว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงถูกผู้เสียหายบริเวณศีรษะ ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสและทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา จนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง พอถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำประทุษร้ายและสภาพความบาดเจ็บของผู้เสียหายไว้แล้ว แม้ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยใช้อาวุธปืนตีทำร้ายผู้เสียหายแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงศีรษะผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าแต่ข้อแตกต่างนั้นมิใช่ข้อสาระสำคัญ เพราะเป็นเพียงข้อแตกต่างในวิธีประทุษร้ายของจำเลย เมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัสได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนเงินอากรขาเข้า: แบบพิมพ์ผิดมิใช่เหตุปฏิเสธ หากผู้ขอคืนปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน
การยื่นคำร้องขอคืนเงินอากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 19 ก่อนถูกยกเลิกโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 329 นั้น ผู้นำเข้าจะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนถูกต้องตามข้อบังคับที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนดไว้หากไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนกฎหมายบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่าห้ามมิให้รับพิจารณาคำร้อง แต่มาตรา 19 วรรคท้ายที่บัญญัติขึ้นใหม่มิได้มีบทบัญญัติห้ามมิให้พิจารณาคำขอคืนเงินอากรในกรณีที่มิได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนไว้แสดงว่ากฎหมายมิได้ถือเอาการปฏิบัติตามข้อบังคับของอธิบดีกรมศุลกากรโดยถูกต้องครบถ้วนเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการพิจารณาคืนเงินอากร หากโจทก์ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา 19(ก)ถึง(ง) แล้ว จำเลยจะเอาเหตุที่โจทก์ยื่นคำขอโดยใช้แบบพิมพ์ผิดไปจากแบบที่อธิบดีกำหนดไว้มาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธไม่คืนเงินอากรให้แก่โจทก์หาได้ไม่โจทก์ยื่นคำขอตามแบบที่ 226 ง. ซึ่งเป็นแบบขอคืนเงินอากรตามมาตรา 19 ทวิ แทนที่จะยื่นคำขอตามแบบที่ 226 แต่โจทก์ก็ยื่นภายในหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นกลับออกไปยังเมืองต่างประเทศเป็นการยื่นภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 19(ง) แล้ว จำเลยต้องคืนเงินภาษีอากรให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2704/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนเงินอากรตามมาตรา 19 พ.ร.บ.ศุลกากร: การปฏิบัติตามแบบพิมพ์ไม่ใช่เงื่อนไขหลัก
การยื่นคำร้องขอคืนเงินอากรตามมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 ก่อนถูกยกเลิกโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 329 นั้น ผู้นำเข้าจะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนถูกต้องตามข้อบังคับที่อธิบดีกรมศุลกากรกำหนดไว้ หากไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน กฎหมายบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่าห้ามมิให้รับพิจารณาคำร้องขอคืนเงินอากร แต่มาตรา 19 วรรคท้าย ที่บัญญัติขึ้นใหม่โดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 329 ข้อ 18 มิได้มีบทบัญญัติห้ามมิให้พิจารณาคำขอคืนเงินอากรในกรณีที่มิได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนไว้ แสดงว่าการขอคืนเงินอากรตามมาตรา 19 ที่บัญญัติขึ้นใหม่นี้กฎหมายมิได้ถือเอาการปฏิบัติตามข้อบังคับของอธิบดีกรมศุลกากรโดยถูกต้องครบถ้วนเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการพิจารณาคืนเงินอากรให้แก่ผู้นำเข้าเหมือนที่เคยบัญญัติไว้เดิม ดังนั้น หากโจทก์ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา 19 (ก) ถึง (ง) แล้ว จำเลยจะยกเอาเหตุที่โจทก์ยื่นคำขอคืนเงินอากรโดยใช้แบบพิมพ์ผิดไปจากแบบที่อธิบดีของจำเลยได้กำหนดไว้มาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธไม่คืนเงินอากรให้แก่โจทก์หาได้ไม่
แม้โจทก์ยื่นคำขอคืนเงินอากรตามแบบที่ 226 ง.ซึ่งเป็นแบบที่ใช้ขอคืนเงินอากรตามมาตรา 19 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9)พ.ศ.2482 แทนที่จะยื่นคำขอคืนเงินอากรตามแบบที่ 226 แต่โจทก์ก็ยื่นคำขอดังกล่าวภายในหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นกลับออกไปยังเมืองต่างประเทศถือได้ว่าโจทก์ได้ขอคืนเงินอากรภายในกำหนดเวลาตามเงื่อนไขในมาตรา 19 (ง)แล้ว จำเลยจึงต้องคืนเงินภาษีอากรตามฟ้องให้แก่โจทก์
of 24