พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5523/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจพนักงานอัยการดำเนินคดีบังคับตามสัญญาประกัน: หน้าที่ขอออกหมายบังคับคดี ไม่ใช่หน้าที่นำยึดทรัพย์
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 เมื่อศาลมีคำสั่งบังคับตามสัญญาประกันแล้ว ถ้าผู้ประกันไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ตามพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. 2498 มาตรา 11(8)บัญญัติให้พนักงานอัยการมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินคดีในการบังคับให้เป็นไปตามสัญญา และตามมาตรา 4 ให้คำจำกัดความของคำว่าดำเนินคดีว่าหมายถึงการดำเนินการไปตามอำนาจและหน้าที่ในทางอรรถคดีของทางพนักงานอัยการ ดังนั้น เมื่อมีการผิดสัญญาประกันจำเลยเกิดขึ้น พนักงานอัยการซึ่งเป็นทนายความของแผ่นดินเป็นผู้ดำเนินคดีในการบังคับให้เป็นไปตามสัญญา ซึ่งหมายถึงการขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีการนำยึดและจัดการอื่นใดในทางอรรถคดีเพื่อเป็นผลให้ได้เงินค่าปรับตามคำสั่งศาล หาใช่หน้าที่ของศาลเจ้าหน้าที่ศาลหรือนายประกันที่จะเป็นผู้นำยึดทรัพย์ที่วางประกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3317/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายที่ไม่ชัดเจนและไม่อาจนำสืบได้ ศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดค่าเสียหายได้
ค่าบริการ 200 เปอร์เซ็นต์นอกจากค่าเสียหายอื่น ๆที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องจากจำเลยนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องโดยแจ้งชัดว่าหมายถึงค่าอะไร โจทก์เพิ่งจะมากล่าวรายละเอียดแห่งค่าบริการในชั้นฎีกาจำเลยทั้งสองก็ให้การต่อสู้คดีไว้ว่าไม่ทราบว่าเป็นค่าอะไร และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 วรรคแรกที่บัญญัติว่า ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้นให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดทางพิจารณาจะต้องได้ความเสียก่อนว่าเป็นค่าอะไรเป็นค่าเสียหายโดยตรงที่เกิดขึ้นจากการกระทำละเมิดของจำเลยหรือไม่เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบพิสูจน์ไว้ให้ศาลเห็น ศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจให้ถูกต้อง และเหมาะสมได้ที่ศาลอุทธรณ์ไม่กำหนดค่าเสียหายในเรื่องนี้จึงถูกต้องแล้ว