พบผลลัพธ์ทั้งหมด 346 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6981/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาใช้ยานพาหนะในการชิงทรัพย์ แม้เกิดภายหลังการกระทำ ก็ถือเป็นความผิด
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของ ส. ไปซื้อส้มตำจากผู้เสียหายแม้จำเลยเพิ่งมีเจตนาชิงทรัพย์ผู้เสียหายขณะเห็นผู้เสียหายกำลังตำส้มตำ แต่ในขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่าเมื่อกระทำความผิดแล้วจำเลยต้องใช้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนี จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้มานั้นไปหรือพาตนเองให้พ้นจากการจับกุม ส่วนการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปคืนที่บ้าน ส. ก็เป็นเรื่องหลังจากจำเลยกระทำความผิดสำเร็จแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6981/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาใช้รถเป็นยานพาหนะหลบหนีหลังชิงทรัพย์ ถือความผิด ม.340 ตรี แม้คืนรถภายหลัง
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของ ส. ไปซื้อส้มตำจากผู้เสียหายแม้จำเลยเพิ่งมีเจตนาชิงทรัพย์ผู้เสียหายขณะเห็นผู้เสียหายกำลังตำส้มตำ แต่ในขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่าเมื่อกระทำความผิดแล้วจำเลยต้องใช้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนีจำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้มานั้นไปหรือพาตนเองให้พ้นจากการจับกุม ส่วนการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปคืนที่บ้าน ส. ก็เป็นเรื่องหลังจากจำเลยกระทำความผิดสำเร็จแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6981/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาใช้ยานพาหนะหลบหนีหลังชิงทรัพย์ ถือความผิดตาม ม.340 ตรี แม้คืนรถภายหลัง
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของส. ไปซื้อส้มตำจากผู้เสียหายแม้จำเลยเพิ่งมีเจตนาชิงทรัพย์ผู้เสียหายขณะเห็นผู้เสียหายกำลังตำส้มตำแต่ในขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่าเมื่อกระทำความผิดแล้วจำเลยต้องใช้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนีจำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้มานั้นไปหรือพาตนเองให้พ้นจากการจับกุมส่วนการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปคืนที่บ้านส. ก็เป็นเรื่องหลังจากจำเลยกระทำความผิดสำเร็จแล้วการกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์, ความผิดฐานชิงทรัพย์, ลดโทษโรคจิต, ปัญหาความสงบเรียบร้อย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริษัทช.ขายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยแบบผ่อนชำระราคาเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ย่อมโอนไปยังจำเลยทันที่ที่ตกลงกันเมื่อจำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์ จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา65วรรคสองแต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา65วรรคสองมาประกอบการลงโทษด้วยโทษจำคุกจึงสูงเกินสมควรปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบด้วยมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์และการลดโทษจากความผิดปกติทางจิต
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัท ช.ขายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยแบบผ่อนชำระราคา เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ย่อมโอนไปยังจำเลยทันทีที่ตกลงกัน เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตาม ป.อ. มาตรา 65 วรรคสอง แต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตาม ป.อ. มาตรา 295 ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา 65 วรรคสอง มาประกอบการลงโทษด้วย โทษจำคุกจึงสูงเกินสมควร ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
จำเลยเป็นโรคจิตกระทำความผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ตาม ป.อ. มาตรา 65 วรรคสอง แต่โทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเป็นอัตราสูงสุดตาม ป.อ. มาตรา 295 ทั้งที่ศาลอุทธรณ์นำมาตรา 65 วรรคสอง มาประกอบการลงโทษด้วย โทษจำคุกจึงสูงเกินสมควร ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6695/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกาย ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษทั้งสองกระทง
ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ซึ่งเป็นการกระทำอย่างหนึ่งอันเป็นความผิดอยู่ในตัวเองและรวมอยู่ในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้ลงโทษจำเลยในข้อหานี้เมื่อการกระทำผิดที่โจทก์ฟ้องนั้น รวมการกระทำข้อหาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจซึ่งปรากฏในทางพิจารณาที่ได้ความ ทั้งโจทก์ก็ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยด้วย ศาลฎีกาชอบที่จะลงโทษจำเลยในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6695/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในข้อหาทำร้ายร่างกาย แม้ศาลอุทธรณ์มิได้ลงโทษในข้อหาชิงทรัพย์
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 391 ซึ่งเป็นการกระทำอย่างหนึ่งอันเป็นความผิดอยู่ในตัวเองและรวมอยู่ในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้ลงโทษจำเลยในข้อหานี้ เมื่อการกระทำผิดที่โจทก์ฟ้องนั้น รวมการกระทำข้อหาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ซึ่งปรากฏในทางพิจารณาที่ได้ความ ทั้งโจทก์ก็ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยด้วย ศาลฎีกาชอบที่จะลงโทษจำเลยในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์บนรถโดยสาร: การใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อลักทรัพย์ ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง
ขณะที่ผู้เสียหายขึ้นรถโดยสารประจำทางก็ถูกจำเลยซึ่งเข้ามาทางด้านหลังกระแทกตรงหัวไหล่และจำเลยได้ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหาย ซึ่งมีเงินบรรจุอยู่ แล้วหลบหนีไป ดังนี้ เป็นการที่จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์ของผู้เสียหายบนยวดยานสาธารณะซึ่งประชาชนใช้โดยสารจำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา339 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2127/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดชิงทรัพย์ vs. ลักทรัพย์ และอำนาจแก้ไขศาลอุทธรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการใช้มือบีบและกดคอของผู้เสียหาย แล้วกระชากสร้อยคอของผู้เสียหายโดยแรงจนสร้อยคอขาดแล้วพาวิ่งหลบหนีไปซึ่งหน้า โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยฉกฉวยเอาสร้อยคอของผู้เสียหายพาหนีไปซึ่งหน้าอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์คงลงโทษจำเลยได้ในข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 335 (1)วรรคสอง ซึ่งเป็นความผิดที่ประกอบเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย เท่านั้น แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ข้อนี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2127/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษฐานลักทรัพย์แทนวิ่งราวทรัพย์ แม้โจทก์มิได้ขอโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการใช้มือบีบและกดคอของผู้เสียหาย แล้วกระชากสร้อยคอของผู้เสียหายโดยแรงจนสร้อยคอขาดแล้วพาวิ่งหลบหนีไปซึ่งหน้าโดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยฉกฉวยเอาสร้อยคอของผู้เสียหายพาหนีไปซึ่งหน้าอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์คงลงโทษจำเลยได้ในข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)วรรคสอง ซึ่งเป็นความผิดที่ประกอบเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคท้าย เท่านั้น แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ข้อนี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง