คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 339

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 346 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4487/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและใช้กำลังประทุษร้าย ผู้เสียหายจำได้และมีหลักฐานสนับสนุน
จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะแล่นตามหลังรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายและจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์เข้าชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายอย่างแรงจนเสียหลักล้มลงแล้วจำเลยที่ 1 ซึ่งนั่งซ้อนท้ายได้กระชากสร้อยคอทองคำที่คอผู้เสียหายไป การกระทำของจำเลยทั้งสองถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ จึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3814/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อาการมึนเมามีผลต่อเจตนาชิงทรัพย์ การกระทำโดยผู้มึนเมาไม่ถือเป็นการชิงทรัพย์หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
จำเลยซึ่งกำลังมึนเมาสุราดึงลูกกุญแจรถจักรยานยนต์ไปจากรถ ผู้เสียหายขอคืน จำเลยไม่ยอมคืน ผู้เสียหายจึงปล้ำแย่งเอาคืนมาจากจำเลยได้แล้วควบคุมตัวจำเลยไว้รอให้เจ้าพนักงานตำรวจมาจับจำเลยไป ดังนี้ไม่เป็นการกระทำโดยเจตนาชิงทรัพย์เพราะจำเลยกระทำไปในขณะมึนเมาและไม่อยู่ในสภาพที่จะชิงรถจักรยานยนต์ไปจากผู้เสียหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3666/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน: อายุผู้กระทำผิดและลักษณะความผิดร้ายแรงเป็นตัวกำหนด
ศาลคดีเด็กและเยาวชนมีอำนาจพิจารณาและพิพากษาคดีที่เด็กหรือเยาวชนถูกฟ้องคดีอาญาทุกประเภท เว้นแต่เยาวชนที่มีอายุเกินกว่าสิบหกปีบริบูรณ์ในขณะกระทำความผิดได้กระทำความผิดอาญาในลักษณะร้ายแรงตามมาตราต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในมาตรา 8(1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ. 2494 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 163ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2515 ศาลคดีเด็กและเยาวชนจึงจะไม่มีอำนาจพิจารณาและพิพากษาคดี เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ จำเลยอายุไม่เกินกว่า 16 ปีบริบูรณ์ แม้ขณะโจทก์ฟ้องจำเลยมีอายุ 16 ปี 3 เดือนเศษ โจทก์ก็ต้องฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3666/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน: พิจารณาคดีอาญาเด็กต่ำกว่า 16 ปี แม้อายุเกิน 16 ปี ณ เวลาฟ้อง
ศาลคดีเด็กและเยาวชนมีอำนาจพิจารณาและพิพากษาคดีที่เด็กหรือเยาวชนถูกฟ้องคดีอาญาทุกประเภท เว้นแต่เยาวชนที่มีอายุเกินกว่าสิบหกปีบริบูรณ์ในขณะกระทำความผิดได้กระทำความผิดอาญาในลักษณะร้ายแรงตามมาตราต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในมาตรา 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 163 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2515 ศาลคดีเด็กและเยาวชนจึงจะไม่มีอำนาจพิจารณาและพิพากษาคดี เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ จำเลยอายุไม่เกินกว่า 16 ปีบริบูรณ์ แม้ขณะโจทก์ฟ้องจำเลยมีอายุ 16 ปี 3 เดือนเศษ โจทก์ต้องฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3576/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่มิถึงขั้นบุกรุก พยายามชิงทรัพย์ และการพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์4 เดือน และลดโทษให้หนึ่งในสาม แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุก 2 เดือน โทษจำให้รอไว้ 2 ปี ความผิดฐานดังกล่าวก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 คืนเกิดเหตุ ข. ร่วมกับ ค. และ จ. เป็นเจ้ามือเล่นการพนันไฮโล โดยมีจำเลยเข้าร่วมเล่นด้วย เมื่อเลิกเล่นแล้วระหว่างเดินกลับบ้านมาถึงบ้าน ข. จำเลยได้ขอเงินไปซื้อของกินข.รับปากจะให้ แต่ขอแบ่งเงินระหว่างเจ้ามือกันก่อนและให้จำเลยตามไปเอาบนบ้าน จำเลยจึงเดินตาม ข. ขึ้นไปบนบ้าน ข.เช่นนี้ เป็นการที่ ข.อนุญาตให้จำเลยขึ้นไปบนบ้านได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก จำเลยเล่นการพนันกับ ข. และเล่นเสียจนหมดตัวจึงตามมาที่บ้าน ข. แล้วขอเงินคืนจาก ข.ส่วนหนึ่งอ้างว่าเพื่อจะนำไปซื้อของกินกับผู้เข้าเล่นการพนันคนอื่น ๆ เมื่อ ข. ให้เงิน20 บาท จำเลยต้องการจะเอาอีก ข. ไม่ยอมให้ จำเลยจึงแย่งจะเอาเงินจากกระเป๋าเสื้อของ ข. แต่แย่งไม่ได้ จำเลยถูก ข.ตีศอกถูกที่ศีรษะหลายครั้งจนศีรษะแตก แต่จำเลยก็มิได้โต้ตอบด้วยการทำร้าย ข.ให้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อมีคนร้องห้ามปรามจำเลยก็จากไป ลักษณะการกระทำของจำเลยเป็นการถือวิสาสะหาได้กระทำไปโดยเจตนาที่จะใช้กำลังประทุษร้าย ข. ไม่ ทั้งการกระทำของจำเลยก็มิได้ถือไม่ได้ว่ามีเจตนาทุจริต เพราะจำเลยได้กระทำการดังกล่าวบนบ้าน ข. ซึ่งเป็นสารวัตรกำนันต่อหน้าคนหลายคนเป็นการผิดวิสัยของคนร้ายที่จะมาชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3380/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงโดยตรง, พยายามฆ่า, และการชิงทรัพย์: การพิเคราะห์หลักฐานและการร่วมกระทำผิด
การที่จำเลยที่ 1 เล็งอาวุธปืนไปทางผู้เสียหาย ขณะเดียวกันได้พูดว่ามึงตายเสียเถอะ ประกอบกับภายในอาวุธปืนของจำเลยที่ 1ก็มีปลอกกระสุนปืนที่ยิงแล้ว 4 ปลอก และคำให้การของจำเลยที่ 1ในชั้นสอบสวนระบุว่าได้เล็งอาวุธปืนไปทางผู้เสียหายแล้วยิง 1 นัดแต่กระสุนปืนไม่ลั่น เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีได้ยิงอีก 4 นัดกระสุนปืนลั่น ทั้งจำเลยที่ 1 แสดงท่าไล่ยิงเล็งอาวุธปืนตรงไปทางผู้เสียหายให้ถ่ายรูปประกอบคำรับสารภาพไว้ ดังนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดกาญจนบุรีได้ไป จังหวัดสมุทรสงครามด้วยกัน จำเลยทั้งสองว่าจ้างผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์ไปส่ง ผู้เสียหายคิดราคา 80 บาท จำเลยที่ 1ต่อราคาเพราะมีเงินเพียง 100 บาทผู้เสียหายไม่ลดราคา จำเลยที่ 1คิดไม่จ่ายค่าจ้างและชิงเอารถจักรยานยนต์ จึงลวงให้ผู้เสียหายให้ขับรถจักรยานยนต์ไปส่งอีก ตลอดระยะเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 2ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้เสียหาย ไม่มีโอกาสที่จะสมคบกับจำเลยที่ 1 ได้การที่จำเลยที่ 2 หลบหนีไปกับจำเลยที่ 1 ด้วยรถจักรยานยนต์คันเดียวนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จำเลยที่ 2 จะต้องไปพร้อมกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามี ดังนี้ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3044/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนีหลังก่อชิงทรัพย์ ไม่ถือเป็นการใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีคนร้ายอีกคนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายไปเวียนรอบผู้เสียหาย 3-4 รอบก่อน แล้วอ้อมไปหยุดข้างหลังผู้เสียหาย ต่อจากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จึงลงจากรถไปใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ผู้เสียหายได้แล้วกลับมาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยขับขี่หลบหนีไป เมื่อไม่ปรากฏชัดว่าที่จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์เวียนรอบผู้เสียหายนั้นเป็นการกระทำเพื่อวัตถุประสงค์ใด พฤติการณ์ของจำเลยกับพวกคงฟังได้เพียงว่า เป็นการใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะไปและกลับจากการกระทำความผิดเท่านั้น ไม่เป็นการใช้รถจักรยานยนต์ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) จึงริบรถจักรยานยนต์นั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3044/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการชิงทรัพย์ ไม่ถือเป็นการใช้เพื่อกระทำความผิดโดยตรง จึงไม่ริบได้
จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีคนร้ายอีกคนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายไปเวียนรอบผู้เสียหาย 3-4 รอบก่อน แล้วอ้อมไปหยุดข้างหลังผู้เสียหาย ต่อจากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จึงลงจากรถไปใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ผู้เสียหายได้แล้วกลับมาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ให้จำเลยขับขี่หลบหนีไป เมื่อไม่ปรากฏชัดว่าที่จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์เวียนรอบผู้เสียหายนั้นเป็นการกระทำเพื่อวัตถุประสงค์ใดพฤติการณ์ของจำเลยกับพวกคงฟังได้เพียงว่า เป็นการใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะไปและกลับจากการกระทำความผิดเท่านั้น ไม่เป็นการใช้รถจักรยานยนต์ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) จึงริบรถจักรยานยนต์นั้นไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์ด้วยการขู่เข็ญด้วยอาวุธปืน แม้จะอ้างทวงหนี้แทน ก็ถือเป็นเจตนาทุจริต
จำเลยไปทวงเงินที่ผู้เสียหายเป็นหนี้ จ. ผู้เสียหายไม่มีให้จำเลยจึงใช้อาวุธปืนขู่บังคับให้ผู้เสียหายมอบทรัพย์ให้ แม้จำเลยจะกระทำเพื่อทวงหนี้แทน จ. และพูดว่าเมื่อผู้เสียหายมีเงินเมื่อไรให้ไปไถ่คืน ก็ถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยโดยเจตนาทุจริต เพราะจำเลยไม่มีอำนาจเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยพลการและโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเช่นนั้นได้จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ และเมื่อเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว ย่อมไม่มีความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน: การขู่เข็ญเอาทรัพย์เพื่อประโยชน์ตนเอง แม้จะอ้างว่าทวงหนี้แทน ย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยไปทวงเงินที่ผู้เสียหายเป็นหนี้ จ. ผู้เสียหายไม่มีให้จำเลยจึงใช้อาวุธปืนขู่บังคับให้ผู้เสียหายมอบทรัพย์ให้ แม้จำเลยจะกระทำเพื่อทวงหนี้แทน จ. และพูดว่าเมื่อผู้เสียหายมีเงินเมื่อไรให้ไปไถ่คืน ก็ถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยโดยเจตนาทุจริต เพราะจำเลยไม่มีอำนาจเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยพลการและโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเช่นนั้นได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์และเมื่อเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว ย่อมไม่มีความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพอีก
of 35