คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 339

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 346 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานชิงทรัพย์: การกระชากพระเครื่องยังไม่สำเร็จความผิดฐานชิงทรัพย์ ถือเป็นความพยายาม
จำเลยใช้เหล็กปลายแหลมจี้ขู่บังคับให้ผู้เสียหายถอดสร้อยคอให้ ผู้เสียหายกำลังจะถอด มีผู้เข้าช่วยจำเลยจึงกระชากพระเครื่องซึ่งกลัดเข็มกลัดไว้ที่เสื้อ พระเครื่องตกลงที่พื้นรถ ยังไม่ได้เอาไป และยังมิได้เข้ายึดถือครอบครองพระเครื่องนั้นเลย ความผิดฐานชิงทรัพย์ยังไม่สำเร็จเป็นเพียงพยายามชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานชิงทรัพย์ต้องมีเจตนาใช้กำลัง การรู้เห็นเป็นใจสำคัญ
จำเลยกับ ว.คบคิดกันมาลักทรัพย์เท่านั้นจำเลยไม่รู้ว่าว.จะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย เมื่อจำเลยมิได้รู้เห็นเป็นใจหรือร่วมด้วยในการที่ ว.ประทุษร้ายผู้เสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์คงมีความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่: พฤติการณ์ไม่ใช่การถือวิสาสะ
จำเลยกับพวกอีก 1 คนเข้าไปนอนเล่นในบ้านผู้เสียหายซึ่งเป็น พี่เขยของจำเลยอยู่ก่อน แล้วจำเลยจึงขึ้นไปบนบ้านหยิบเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายไป ป. บุตรชายของผู้เสียหายห้าม จำเลยกลับชักอาวุธปืนออกมาเป็นทำนองขู่บังคับมิให้ขัดขวาง พฤติการณ์ที่จำเลยเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยใช้อาวุธปืนขู่บังคับนั้นหาใช่การถือวิสาสะไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธขู่เข็ญ: การกระทำโดยใช้อาวุธปืนข่มขู่เพื่อเอาทรัพย์สินเข้าข่ายความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกอีก 1 คนเข้าไปนอนเล่นในบ้านผู้เสียหายซึ่งเป็น พี่เขยของจำเลยอยู่ก่อน แล้วจำเลยจึงขึ้นไปบนบ้านหยิบเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายไป ป. บุตรชายของผู้เสียหายห้ามจำเลยกลับชักอาวุธปืน ออกมาเป็นทำนองขู่บังคับมิให้ขัดขวาง พฤติการณ์ที่จำเลยเอาทรัพย์ ของผู้เสียหายไปโดยใช้อาวุธปืนขู่บังคับนั้นหาใช่การถือวิสาสะไม่การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3211/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานชิงทรัพย์สำเร็จหรือไม่ เมื่อสร้อยคอขาดแต่ยังอยู่ในมือชั่วคราว
พวกจำเลยทำร้ายคนที่นั่งอยู่กับผู้เสียหาย จำเลยวิ่งเข้ามากระชากสร้อยคอจากคอผู้เสียหายขาดหล่นลงที่พื้น จำเลยก้มลงจะหยิบเอา แต่ผู้เสียหายหยิบเอาไว้ได้ก่อนการที่สร้อยขาด แม้จะเป็นผลให้ สร้อยติดมือจำเลยชั่วระยะหนึ่ง แต่เป็นการกระทำที่มุ่งหมายให้สร้อยขาดหลุดเท่านั้น จะถือว่าจำเลยยึดถือสร้อยไว้แล้วหาได้ไม่ การยึดถือสร้อยยังไม่บรรลุผลจึงเป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ ไม่ใช่ความผิดสำเร็จ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานชิงทรัพย์ ผู้สนับสนุนการกระทำผิด ความรับผิดของผู้จ้างวาน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 1 คน ทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่า ผู้เสียหายถูกจำเลยที่ 1 กับ ห. ทำร้ายจนสลบแล้วบุคคลทั้งสองเอาเงินไป อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้จ้างจำเลยที่ 1 กับ ห. และช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดโดยการเรียกผู้เสียหายให้กลับบ้านแต่โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ความผิดดังกล่าวอยู่ในส่วนลักษณะคดี จึงมีผลปรับบทลงโทษถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดชิงทรัพย์ ผู้ใช้และผู้สนับสนุนต้องรับโทษตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 1 คน ทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าผู้เสียหายถูกจำเลยที่ 1 กับ ห. ทำร้ายจนสลบแล้วบุคคลทั้งสองเอาเงินไป อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้จ้างจำเลยที่ 1กับ ห. และช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดโดยการเรียกผู้เสียหายให้กลับบ้านแต่โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2ฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ความผิดดังกล่าวอยู่ในส่วนลักษณะคดี จึงมีผลปรับบทลงโทษถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบยานพาหนะในความผิดชิงทรัพย์ พิจารณาว่าใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี ที่บัญญัติให้ผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษหนักขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้อีกกึ่งหนึ่งนั้น ถ้าปรากฏว่าผู้กระทำผิดได้ใช้ยานพาหนะพาทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดหลบหนีไป หรือใช้ยานพาหนะเพื่อให้พ้นการจับกุมหลังจากได้กระทำผิด เป็นเพียงบทบัญญัติถึงเหตุที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษหนักขึ้นเท่านั้น ส่วนปัญหาที่ว่ายานพาหนะใดเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งศาลพึงสั่งริบตามมาตรา 33(1) นั้น ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์ของการกระทำผิดเป็นเรื่อง ๆ ไปว่าผู้กระทำผิดได้ใช้ยานพาหนะนั้นในการกระทำผิดหรือไม่
จำเลยทั้งสองใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะพาสร้อยคอทองคำหลบหนีไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม ภายหลังจากจำเลยได้ทำการชิงทรัพย์สำเร็จแล้ว จำเลยทั้งสองมิได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการกระทำผิดชิงสร้อยคอทองคำของผู้เสียหาย รถจักรยานยนต์จึงมิใช่ทรัพย์สินอันพึงริบตามมาตรา 33 (1)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2615/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบยานพาหนะในความผิดชิงทรัพย์: ต้องพิจารณาว่าใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงหรือไม่
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี ที่บัญญัติให้ผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษหนักขึ้นกว่าที่บัญญัติไว้อีกกึ่งหนึ่งนั้น ถ้าปรากฏว่าผู้กระทำผิดได้ใช้ยานพาหนะพาทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดหลบหนีไป หรือใช้ยานพาหนะเพื่อให้พ้นการจับกุมหลังจากได้กระทำผิดเป็นเพียงบทบัญญัติถึงเหตุที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษหนักขึ้นเท่านั้น ส่วนปัญหาที่ว่ายานพาหนะใดเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งศาลพึงสั่งริบตามมาตรา 33(1) นั้นต้องพิจารณาตามพฤติการณ์ของการกระทำผิดเป็นเรื่องๆไปว่าผู้กระทำผิดได้ใช้ยานพาหนะนั้นในการกระทำผิดหรือไม่
จำเลยทั้งสองใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะพาสร้อยคอทองคำหลบหนีไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม ภายหลังจากจำเลยได้ทำการชิงทรัพย์สำเร็จแล้ว จำเลยทั้งสองมิได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการกระทำผิดชิงสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายรถจักรยานยนต์จึงมิใช่ทรัพย์สินอันพึงริบตามมาตรา 33(1)(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2615/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2822/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานชิงทรัพย์เมื่อไม่มีพฤติการณ์ข่มขู่ หรือใช้กำลังประทุษร้าย
จำเลยกับพวกเข้าไปลักทรัพย์ของผู้เสียหายในเวลากลางคืนแล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมเดินเข้าไปในห้องนอนผู้เสียหายแต่ผู้เสียหายตะโกนเรียกให้บิดาช่วยทันทีที่เห็นจำเลยจำเลยผละวิ่งหนีออกจากห้องนอนในขณะนั้นโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้มีดจ้องจี้หรือแสดงท่าทีให้เห็นว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ คงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธเท่านั้น
of 35