พบผลลัพธ์ทั้งหมด 346 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2615/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ยานพาหนะเพื่อหลบหนีหลังชิงทรัพย์: การเพิ่มโทษและขอบเขตการริบของกลาง
จำเลยร่วมกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีเพื่อให้พ้นการจับกุมเมื่อพวกของจำเลยชิงทรัพย์ได้มาแล้ว จำเลยจึงต้องระวางโทษหนักขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340ตรี แต่รถจักรยานยนต์นี้ก็มิใช่ทรัพย์สินซึ่งจำเลยกับพวกได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์รายนี้คงเป็นเพียงยานพาหนะไปมาและพาจำเลยกับพวกหลบหนีให้พ้นการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น จึงมิใช่ทรัพย์สินที่ริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2399/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ที่ขาดตอน การถืออาวุธข่มขู่หลังพาทรัพย์ไปแล้ว ไม่ถึงแก่ความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยลักไก่ 4 ตัวไปจากบ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายชวนเพื่อนบ้านออกติดตามไป 1 ชั่วโมงเศษ ถึงกระท่อมนาซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 100 เส้น คนละหมู่บ้านกัน พบเข่งไก่กับไก่ 4 ตัวอยู่ในกระท่อม จำเลยนั่งอยู่ใกล้เข่งไก่ ผู้เสียหายเข้าไปถามจำเลย จำเลยลุกขึ้นยืนถือเหล็กแหลมจ้องมาทางผู้เสียหายกับพวก ผู้เสียหายกับพวกจึงช่วยกันจับจำเลยไว้ ดังนี้ เมื่อจำเลยถือเหล็กแหลมจ้องขู่ผู้เสียหายนั้น การลักทรัพย์ของจำเลยขาดตอนไปแล้ว ไม่ใช่อยู่ในระหว่างพาทรัพย์ไป การขู่จะทำร้ายเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายหลัง มิได้ต่อเนื่องในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2399/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ที่ขาดตอนไปแล้ว ไม่ถึงขั้นชิงทรัพย์ เพราะการขู่เกิดขึ้นภายหลัง
จำเลยลักไก่ 4 ตัวไปจากบ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายชวนเพื่อนบ้านออกติดตามไป 1 ชั่วโมงเศษ ถึงกระท่อมนาซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 100 เส้น คนละหมู่บ้านกัน พบเข่งไก่กับไก่ 4 ตัวอยู่ในกระท่อม จำเลยนั่งอยู่ใกล้เข่งไก่ ผู้เสียหายเข้าไปถามจำเลย จำเลยลุกขึ้นยืนถือเหล็กแหลมจ้องมาทางผู้เสียหายกับพวก ผู้เสียหายกับพวกจึงช่วยกันจับจำเลยไว้ ดังนี้ เมื่อจำเลยถือเหล็กแหลมจ้องขู่ผู้เสียหายนั้น การลักทรัพย์ของจำเลยขาดตอนไปแล้ว ไม่ใช่อยู่ในระหว่างพาทรัพย์ไป การขู่จะทำร้ายเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายหลัง มิได้ต่อเนื่องในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าทรัพย์สินที่ถูกชิงทรัพย์: ราคาตั๋วจำนำไม่ใช่ราคาเอกสาร
พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยชิงเอาธนบัตร 740 บาท และตั๋วจำนำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทราคา 300 บาท รวมเป็นเงิน 1,040 บาทของผู้เสียหายไป ขอให้ลงโทษและสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,040บาทแก่เจ้าทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ย่อมมีความหมายว่าสำหรับตั๋วจำนำนั้น ถ้าจำเลยไม่สามารถคืนได้ก็ให้จำเลยใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 300 บาท แต่เงินจำนวนนี้เป็นราคาที่จำนำทรัพย์ หาใช่ราคาของเอกสารตั๋วจำนำไม่และเมื่อในสำนวนไม่ปรากฏว่าเอกสารตั๋วจำนำมีราคาเท่าใด ศาลจึงไม่อาจสั่งให้จำเลยใช้ราคาตั๋วจำนำไปในคดีนี้ (อ้างฎีกาที่ 40/2508 และ1163/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาตั๋วจำนำในคดีชิงทรัพย์: ราคาตั๋วจำนำไม่ใช่ราคาของเอกสาร
พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยชิงเอาธนบัตร 740 บาท และตั๋วจำนำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ราคา 300 บาทรวมเป็นเงิน 1,040 บาทของผู้เสียหายไป ขอให้ลงโทษและสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,040 บาทแก่เจ้าทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,040 บาทแก่เจ้าทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ย่อมมีความหมายว่าสำหรับตั๋วจำนำนั้น ถ้าจำเลยไม่สามารถคืนได้ก็ให้จำเลยใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 300 บาท แต่เงินจำนวนนี้เป็นราคาที่จำนำทรัพย์ หาใช่ราคาของเอกสารตั๋วจำนำไม่ และเมื่อในสำนวนไม่ปรากฏว่าเอกสารตั๋วจำนำมีราคาเท่าใด ศาลจึงไม่อาจสั่งให้จำเลยใช้ราคาตั๋วจำนำไปในคดีนี้ (อ้างฎีกาที่ 40/2518 และ 1163/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษชิงทรัพย์ตามมาตรา 340 ตรี ต้องพิจารณาจากวรรคของมาตรา 339 ที่กระทำความผิด
ผู้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ซึ่งต้องระวางโทษหนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งตามมาตรา 340 ตรี ตามที่เพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 15 นั้น ในเบื้องแรกต้องพิจารณาเสียก่อนว่าการชิงทรัพย์นั้นเข้าหลักเกณฑ์เป็นความผิดตามวรรคใดของมาตรา 339 แล้วจึงเพิ่มระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในวรรคนั้น ๆ อีกกึ่งหนึ่งเป็นระวางโทษตามมาตรา 340 ตรี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษชิงทรัพย์ตามมาตรา 340 ตรี ต้องพิจารณาจากวรรคของมาตรา 339 ที่ความผิดเข้าข่าย
ผู้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ซึ่งต้องระวางโทษหนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งตามมาตรา 340 ตรี ตามที่เพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 15 นั้นในเบื้องแรกต้องพิจารณาเสียก่อนว่าการชิงทรัพย์นั้นเข้าหลักเกณฑ์เป็นความผิดตามวรรคใดของมาตรา 339 แล้วจึงเพิ่มระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในวรรคนั้นๆ อีกกึ่งหนึ่งเป็นระวางโทษตามมาตรา 340 ตรี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามลักทรัพย์/ชิงทรัพย์ ต้องลงมือกระทำความผิดแล้ว แม้หลอกลวงพาผู้เสียหายไป ก็ไม่ถือเป็นความผิด
จำเลยหลอกลวงพาผู้เสียหายไปเพื่อลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ เมื่อพาไปถึงที่เกิดเหตุ จำเลยให้ผู้เสียหายนั่งรออยู่ก่อน ยังมิทันได้กระทำการอันใดที่จะถือได้ว่าลงมือลักทรัพย์ก็มีตำรวจมาค้นและจับจำเลยไปเสียก่อน เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามลักทรัพย์/ชิงทรัพย์ ต้องลงมือกระทำความผิดแล้ว จึงถือเป็นความผิด
จำเลยหลอกลวงพาผู้เสียหายไปเพื่อลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์เมื่อพาไปถึงที่เกิดเหตุจำเลยให้ผู้เสียหายนั่งรออยู่ก่อน ยังมิทันได้กระทำการอันใดที่จะถือได้ว่าลงมือลักทรัพย์ก็มีตำรวจมาค้นและจับจำเลยไปเสียก่อนเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2822/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามชิงทรัพย์: การกระชากสร้อยคอจนขาด ไม่ถือเป็นการยึดถือทรัพย์สำเร็จ
จำเลยเข้าบีบคอผู้เสียหายทางด้านหลัง แล้วกระชากสร้อยคอห้อยพระเครื่องที่สวมอยู่ที่คอจนสร้อยขาดจากกัน ในทันใดผู้เสียหายได้ใช้มือกุมสร้อยคอที่หลุดจากคอแต่ยังอยู่ที่บริเวณหน้าอกไว้ได้ทันจำเลยแย่งเอาไปไม่ได้แม้สร้อยคอจะอยู่ที่มือจำเลยตอนกระชากก็เป็นการกระทำในขั้นที่มุ่งหมายจะให้สร้อยขาดหลุดจากคอผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อสร้อยขาดแล้วจำเลยยังไม่ทันยึดถือเอาไป ผู้เสียหายก็กุมสร้อยเอาไว้ได้ การที่จำเลยจะยึดถือเอาสร้อยไปยังไม่บรรลุผลการกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์เท่านั้น