คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
โสภณ รอดหิรัญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 58 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2138/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ในเคหสถาน ต้องเข้าทั้งตัว ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของร่างกาย
การลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)นั้น หมายถึงผู้กระทำจะต้องเข้าไปในเคหสถานทั้งตัว มิใช่เพียงแต่ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้กระทำล่วงล้ำเข้าไปในเคหสถาน จำเลยเพียงแต่ยื่นมือผ่านบานเลื่อนไม้เข้าไปในห้องพักของผู้เสียหายแล้วทุบกระต่ายออมสินของผู้เสียหายลักเอาเงินไป โดยจำเลยมิได้เข้าไปในห้องพักของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2138/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ในเคหสถานต้องเข้าไปในเคหสถานทั้งตัว มิใช่แค่ส่วนหนึ่งของร่างกาย
การลักทรัพย์ในเคหสถานตาม ป.อ. มาตรา 335 (8) นั้นหมายถึงผู้กระทำจะต้องเข้าไปในเคหสถานทั้งตัว มิใช่เพียงแต่ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้กระทำล่วงล้ำเข้าไปในเคหสถาน จำเลยเพียงแต่ยื่นมือผ่านบานเลื่อนไม้เข้าไปในห้องพักของผู้เสียหาย แล้วทุบกระต่ายออมสินของผู้เสียหายลักเอาเงินไป โดยจำเลยมิได้เข้าไปในห้องพักของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2138/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเคหสถานเพื่อกระทำความผิด การกระทำโดยการยื่นมือเข้าไปไม่ถือเป็นการเข้าเคหสถานตามกฎหมาย
ถ้อยคำที่ว่า "ที่ตนได้เข้าไป" แห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 นั้น หมายถึงว่า ผู้กระทำจะต้องเข้าไปในเคหสถานทั้งตัวมิใช่เพียงแต่ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้กระทำล่วงล้ำเข้าไปในเคหสถาน เมื่อปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่ยื่นมือผ่านบานเลื่อนไม้เข้าไปในห้องพักของผู้เสียหาย แล้วทุบกระต่ายออมสินของผู้เสียหายลักเอาเงินไป โดยจำเลยมิได้เข้าไปในห้องพักของผู้เสียหายจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของทายาทในการบังคับแบ่งทรัพย์มรดก แม้ผู้จัดการมรดกทำสัญญาจะขายทรัพย์สินไปแล้ว
จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเพียงทำสัญญาจะขายที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดก กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อจนกว่าจะมีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 โจทก์ในฐานะทายาทผู้รับมรดกจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้แบ่งที่ดินมรดกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกประเด็น: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่คู่ความต่อสู้กันเท่านั้น
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยปลูกสร้างโกดังรุกล้ำที่ดินโจทก์เพียงใด เพราะจำเลยยอมรับว่าได้ปลูกสร้างโกดังรุกล้ำที่ดินโจทก์จริง และจำเลยต่อสู้ในประเด็นว่าเนื้อที่ดินที่รุกล้ำน้อยกว่าที่โจทก์ฟ้องเพื่อผลเกี่ยวกับการกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยก่อสร้างรุกล้ำโดยสุจริตจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนด โดยประเด็นหลักคือเนื้อที่ดินที่รุกล้ำและค่าเสียหาย
จำเลยยอมรับว่าได้ปลูกสร้างโกดังรุกล้ำที่ดินโจทก์จริง แต่การปลูกสร้างรุกล้ำมีเนื้อที่ดินที่รุกล้ำน้อยกว่าที่โจทก์ฟ้อง การยกข้อต่อสู้ดังกล่าวก็เพื่อโต้แย้งเกี่ยวกับค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง ศาลชั้นต้นจึงกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยปลูกสร้างโกดังที่รุกล้ำที่ดินโจทก์เพียงใด ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยก่อสร้างรุกล้ำโดยสุจริต จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยประเด็นนอกคำขอ: ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเรื่องสุจริตใจในการรุกล้ำที่ดินเกินประเด็นที่จำเลยต่อสู้
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยปลูกสร้างโกดังรุกล้ำที่ดินโจทก์เพียงใด เพราะจำเลยยอมรับว่าได้ปลูกสร้างโกดังรุกล้ำที่ดินโจทก์จริง และจำเลยต่อสู้ในประเด็นว่าเนื้อที่ดินที่รุกล้ำน้อยกว่าที่โจทก์ฟ้องเพื่อผลเกี่ยวกับการกำหนดค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยก่อสร้างรุกล้ำโดยสุจริตจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหนี้จากบัญชีเดินสะพัด และการให้การลอยๆ ของจำเลย
จำเลยได้เบิกเงินเกินบัญชีเงินฝากกระแสรายวันซึ่งจำเลยเปิดบัญชีไว้กับโจทก์เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2519 โจทก์ได้หักทอนบัญชีของจำเลยและบอกเลิกสัญญากับจำเลยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2523นับแต่วันที่โจทก์หักทอนบัญชีถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2531 ซึ่งเป็นวันฟ้อง สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดยังไม่เกิน10 ปี ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 จำเลยให้การเพียงว่าโจทก์เรียกดอกเบี้ยเกิน 10 ปีโดยไม่มีสิทธิ และไม่มีรายละเอียดอื่นใด จึงเป็นการให้การลอย ๆไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้ตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำบอกเล่าผู้ตายขณะรู้สึกตัวยังไม่มีน้ำหนักพอรับฟังเป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิด
คำบอกเล่าของผู้ตายที่บอกกับพยานขณะที่พยานเข้าไปช่วยห้ามเลือดที่คอของผู้ตายซึ่งถูกทำร้ายว่าจำเลยทั้งสามเป็นคนทำร้ายผู้ตายนั้น ขณะนั้นผู้ตายยังรู้สึกตัวและไม่คิดว่าตนเองจะตายคำบอกเล่าดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะรับฟัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าการรังวัดที่ดิน: ศาลไม่สามารถชี้ขาดตามคำท้าได้หากรังวัดไม่ได้ แต่ชอบที่จะสั่งรังวัดใหม่และห้ามขัดขวาง
คู่ความท้ากันขอให้ถือเอาผลการรังวัดที่ดินของเจ้าพนักงานที่ดิน แต่ไม่อาจรังวัดได้เพราะจำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้เข้าไปในที่ดินเพื่อรังวัด เมื่อคำท้ามิได้กำหนดให้จำเลยที่ 1 แพ้คดีในกรณีนี้ศาลจึงไม่อาจชี้ขาดตามคำท้าได้ แต่ศาลชอบที่จะสั่งให้ช่างรังวัดทำการรังวัดใหม่และห้ามจำเลยขัดขวางการรังวัดได้
of 6