คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมิทธิ์ วราอุบล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 505 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6055/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิผู้อื่น ไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์ แม้ครอบครองนาน ก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
เข้าครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่อนุญาตให้เข้าไปไม่เป็นการครอบครองโดยมีเจตนาจะเป็นเจ้าของที่ดินหากแต่เป็นการครอบครองแทนเจ้าของเท่านั้นแม้จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ต่อมาเจ้าของขายที่ดินให้แก่ผู้อื่นการครอบครองต่อมาก็เป็นการครอบครองแทนเจ้าของคนใหม่จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6055/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิผู้อื่น ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ แม้จะครอบครองนานเพียงใด
เข้าครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่อนุญาตให้เข้าไปไม่เป็นการครอบครองโดยมีเจตนาจะเป็นเจ้าของที่ดินหากแต่เป็นการครอบครองแทนเจ้าของเท่านั้นแม้จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ต่อมาเจ้าของขายที่ดินให้แก่ผู้อื่นการครอบครองต่อมาก็เป็นการครอบครองแทนเจ้าของคนใหม่จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การฎีกาในประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลชั้นต้นรับฎีกาไว้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้แก่จำเลยมีกำหนด 20 ปี นับแต่วันที่ทำสัญญาจองอาคารจำเลยอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน การทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยมีผลเสมือนหนึ่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลยคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ข้ออ้างที่จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นวา ระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้ และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาเช่ามีกำหนด20 ปี จะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่า ไม่ใช่วันทำสัญญาจอง และคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น จึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์มีผลเสมือนมิได้ยื่นอุทธรณ์ และข้อจำกัดในการฎีกาประเด็นนอกเหนือจากที่เคยยกขึ้นในศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้แก่จำเลยมีกำหนด20ปีนับแต่วันที่ทำสัญญาจองอาคารจำเลยอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลฎีกาพิพากษายืนการทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยมีผลเสมือนหนึ่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลยคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ข้ออ้างที่จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายืนที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาเช่ามีกำหนด20ปีจะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ใช่วันทำสัญญาจองและคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นจึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์มีผลเสมือนมิได้อุทธรณ์ และข้อจำกัดการฎีกาในประเด็นใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้แก่จำเลยมีกำหนด 20 ปี นับแต่วันที่ทำสัญญาจองอาคาร จำเลยอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน การทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยมีผลเสมือนหนึ่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลยคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ ข้ออ้างที่จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้ และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาเช่ามีกำหนด 20 ปี จะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่า ไม่ใช่วันทำสัญญาจอง และคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น จึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์มีผลเสมือนมิได้ยื่น และข้อจำกัดในการฎีกาประเด็นใหม่ที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าอาคารให้แก่จำเลยมีกำหนด20ปีนับแต่วันที่ทำสัญญาจองอาคารจำเลยอุทธรณ์แต่ทิ้งอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีสำหรับอุทธรณ์ของจำเลยออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์จำเลยฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลฎีกาพิพากษายืนการทิ้งอุทธรณ์ของจำเลยมีผลเสมือนหนึ่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์นั้นเลยคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวที่อุทธรณ์ข้ออ้างที่จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นวาระยะเวลาการเช่าจะเริ่มนับแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ได้และคดีในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์นั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายืนที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาเช่ามีกำหนด20ปีจะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันทำสัญญาเช่าไม่ใช่วันทำสัญญาจองและคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นจึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5995-5996/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำมั่นสัญญาเช่าที่ยังไม่เกิดผลผูกพันเมื่อผู้ให้คำมั่นเสียชีวิต ไม่เป็นมรดกผูกพันทายาท
สัญญาเช่ามีข้อความว่า "มีกำหนดเวลาการเช่า10ปีและให้ผู้เช่ายินยอมต่อสัญญาให้ผู้เช่า2ครั้งครั้งละ10ปีนับแต่วันทำสัญญานี้เป็นต้นไป"ข้อความตามสัญญาเช่าดังกล่าวเป็นเพียงคำมั่นของย.ว่าจะให้โจทก์เช่าที่ดินต่อไปเท่านั้นยังมิได้ก่อให้เกิดสัญญาเมื่อโจทก์ไม่ได้สอนงอรับก่อนย.ตายและโจทก์รู้แล้วว่าย ตายก่อนจะครบกำหนด10ปีตามสัญญาเช่ากรณีต้องบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา360ซึ่งบัญญัติมิให้นำบทบัญญัติมาตรา130วรรคสอง(ที่แก้ไขใหม่มาตรา169วรรคสอง)มาใช้บังคับคำมั่นของย ย่อมไม่มีผลบังคับแม้สัญญาเช่าข้อ3จะระบุให้สัญญาเช่ามีผลผูกพันไปถึงทายาทผู้รับพินัยกรรมของย. ด้วยก็ตามแต่เมื่อคำมั่นของย. ไม่มีผลบังคับเสียแล้วก็ไม่เป็นมรดกตกทอดอันจะผูกพันจำเลยในฐานะทายาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5995-5996/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำมั่นสัญญาเช่าที่ดินไม่ผูกพันทายาทเมื่อผู้ให้คำมั่นเสียชีวิตก่อนครบกำหนด
สัญญาเช่ามีข้อความว่า "มีกำหนดเวลาการเช่า 10 ปี และให้ผู้เช่ายินยอมต่อสัญญาให้ผู้เช่า 2 ครั้ง ครั้งละ 10 ปีนับแต่วันทำสัญญานี้เป็นต้นไป" ข้อความตามสัญญาเช่าดังกล่าวเป็นเพียงคำมั่นของ ย.ว่าจะให้โจทก์เช่าที่ดินต่อไปเท่านั้นยังมิได้ก่อให้เกิดสัญญา เมื่อโจทก์ไม่ได้สอนงอรับก่อน ย.ตาย และโจทก์รู้แล้วว่า ย ตายก่อนจะครบกำหนด 10 ปี ตามสัญญาเช่า กรณีต้องบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 360ซึ่งบัญญัติมิให้นำบทบัญญัติมาตรา 130 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่มาตรา 169 วรรคสอง) มาใช้บังคับ คำมั่นของ ย ย่อมไม่มีผลบังคับ แม้สัญญาเช่าข้อ 3 จะระบุให้สัญญาเช่ามีผลผูกพันไปถึงทายาทผู้รับพินัยกรรมของ ย. ด้วยก็ตาม แต่เมื่อคำมั่นของ ย. ไม่มีผลบังคับเสียแล้ว ก็ไม่เป็นมรดกตกทอดอันจะผูกพันจำเลยในฐานะทายาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5955/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกาเกี่ยวกับคำสั่งศาลชั้นต้นและอายุความค่าซ่อม
โจทก์บรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยที่ 1 ให้ซ่อมเครื่องปั๊มของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยทั้งสามร่วมรับผิดต่อโจทก์ ส่วนที่คำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์นั้น เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการพิมพ์ผิดพลาด จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดกันอันจะทำให้ไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์จะบังคับจำเลยคนใด ทั้งต่อมาโจทก์ได้ขอแก้ไขคำขอท้ายฟ้องเป็นจำเลยทั้งสามซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้โต้แย้งคำสั่งไว้จึงต้องห้ามอุทธรณ์คำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกี่ยวกับคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการไม่ชอบและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการรับฟังพยานหลักฐาน จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 วรรคหนึ่ง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในข้อนี้ให้เป็นการไม่ชอบและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง เช่นกัน
โจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อตกลงว่าจะชำระเงินค่าซ่อมกันเมื่อมีการวางบิลแล้ว สิทธิเรียกร้องค่าซ่อมของโจทก์จึงเกิดขึ้นนับแต่วันวางบิล อายุความต้องเริ่มนับแต่วันวางบิล ซึ่งเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 169 เดิม (มาตรา 193/12 ที่แก้ไขใหม่) หาใช่นับแต่วันที่ลงในใบส่งของอันเป็นวันรับมอบการที่ทำตาม ป.พ.พ. มาตรา 602 ไม่ เมื่อนับแต่วันวางบิลถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 2 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5955/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นที่อุทธรณ์/ฎีกาขัดกับข้อจำกัดตามกฎหมาย และยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเรื่องอายุความ
โจทก์บรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดว่าจำเลยที่2และที่3ได้ว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยที่1ให้ซ่อมเครื่องปั๊มของจำเลยที่1ให้จำเลยทั้งสามร่วมรับผิดต่อโจทก์ส่วนที่คำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์นั้นเป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการพิมพ์ผิดพลาดจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดกันอันจะทำให้ไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์จะบังคับจำเลยคนใดทั้งต่อมาโจทก์ได้ขอแก้ไขคำขอท้ายฟ้องเป็นจำเลยทั้งสามซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยที่1ได้โต้แย้งคำสั่งไว้จึงต้องห้ามอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกี่ยวกับคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการไม่ชอบและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง อุทธรณ์ของจำเลยที่1เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการรับฟังพยานหลักฐานจึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่งการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในข้อนี้ให้เป็นการไม่ชอบและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งเช่นกัน โจทก์กับจำเลยที่1มีข้อตกลงว่าจะชำระเงินค่าซ่อมกันเมื่อมีการวางบิลแล้วสิทธิเรียกร้องค่าซ่อมของโจทก์จึงเกิดขึ้นนับแต่วันวางบิลอายุความต้องเริ่มนับแต่วันวางบิลซึ่งเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา169เดิม(มาตรา193/12ที่แก้ไขใหม่)หาใช่นับแต่วันที่ลงในใบส่งของอันเป็นวันรับมอบการที่ทำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา602ไม่เมื่อนับแต่วันวางบิลถึงวันฟ้องยังไม่เกิน2ปีฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
of 51