พบผลลัพธ์ทั้งหมด 505 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6078/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฉ้อฉลและการสะดุดหยุดของอายุความจากการยึดทรัพย์
ว.แทนโจทก์ทราบเมื่อประมาณเดือนกันยายน2534ว่าที่ดินพิพาทมีชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ซึ่งถือได้ว่าโจทก์รู้ต้นเหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอนการฉ้อฉลแล้วแต่โจทก์ก็ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดที่ดินพิพาทเมื่อวันที่1กรกฎาคม2535ซึ่งเป็นการกระทำการอื่นใดอันมีผลเป็นอย่างเดียวกันกับการฟ้องคดีขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลและยังอยู่ภายในกำหนดเวลา1ปีนับแต่เวลาที่โจทก์ได้รู้ต้นเหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอนดังกล่าวอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/14(5)และตราบใดที่ที่ดินพิพาทยังถูกยึดอยู่เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงก็ยังไม่สิ้นสุดอายุความไม่เริ่มนับใหม่ตามมาตรา193/15วรรคสองดังนั้นเมื่อผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าที่ดินพิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องโจทก์ต่อสู้ว่ายังเป็นของจ. โดยการโอนที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลคดีจึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6028/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้เงินกู้ด้วยการโอนเงินทางโทรศัพท์ทำให้หนี้ระงับ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยโอนเงินทางโทรศัพท์เข้าบัญชีโจทก์เพื่อชำระหนี้เงินกู้ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653แต่เป็นการชำระหนี้อย่างอื่น เมื่อโจทก์ยอมรับแล้วหนี้เงินกู้จึงระงับลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5982/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอเพิกถอนมติที่ประชุมเจ้าหนี้สงวนไว้สำหรับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น ผู้ล้มละลายไม่มีสิทธิ
เดิมผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องผู้จัดการมรดกและทายาทขอแบ่งทรัพย์มรดกและศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมแล้วต่อมาผู้ร้องถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายบ. ในฐานะผู้จัดการมรดกในคดีแพ่งและในฐานะเจ้าหนี้รายที่12ได้ยื่นคำร้องขอชำระเงินจำนวน3,000,000บาทที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติยอมรับเงินจำนวนดังกล่าวโดยให้ถือว่าเป็นส่วนแบ่งทรัพย์มรดกในส่วนที่ผู้ร้องจะได้รับและให้งดการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินในกองมรดกและยอมให้บ. ถอนคำขอรับชำระหนี้การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลขอให้บังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านทวงหนี้จากลูกหนี้ในคดีแพ่งหากไม่ได้รับชำระหนี้ก็ให้ผู้คัดค้านดำเนินการบังคับคดีต่อไปนั้นเนื่องมาจากผู้คัดค้านปฎิบัติตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ที่ลงมติรับข้อเสนอของบ. ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายคำร้องของผู้ร้องจึงมีผลเป็นการขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมเจ้าหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา36ซึ่งให้สิทธิแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้นที่จะขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมเจ้าหนี้บุคคลอื่นไม่มีสิทธิร้องขอได้ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องดังกล่าวได้และเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ผู้คัดค้านจะมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างศาลฎีกาก็สามารถหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ ล้มละลายฯมาตรา153
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5982/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเพิกถอนมติที่ประชุมเจ้าหนี้สงวนไว้เฉพาะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้อื่นไม่มีสิทธิร้องขอ
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลขอให้บังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านทวงหนี้จากลูกหนี้ในคดีแพ่งหากไม่ได้รับชำระหนี้ก็ให้ผู้คัดค้านดำเนินการบังคับคดีต่อไป เมื่อผู้คัดค้านไม่ดำเนินการบังคับดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำร้องของผู้ร้องจึงมีผลเป็นการขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมเจ้าหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2443 มาตรา 36 ซึ่งให้สิทธิแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้นที่จะขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมเจ้าหนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5739/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามคำพิพากษาเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอน ทำให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้
ปัญหาว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์กำหนดจำนวนได้แน่นอนหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยทั้งสามมิได้ให้การไว้และมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นฎีกาได้ หนี้ที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสามล้มละลายเป็นหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งจำเลยทั้งสามให้การยอมรับว่าเป็นหนี้ดังกล่าวจริงจึงผูกพันจำเลยทั้งสามและหนี้นั้นสามารถคิดคำนวณเป็นจำนวนแน่นอนได้จึงเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอนโดยไม่จำต้องมีพยานบุคคลมาเบิกความประกอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5739/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีทิ้งฎีกา และการกำหนดจำนวนหนี้ในคดีล้มละลาย
เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทิ้งฎีกา เป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะพิจารณาสั่งจำหน่ายคดี มิใช่เป็นอำนาจของศาลชั้นต้น
กรณีจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทิ้งฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา132 (1) ไม่ได้บังคับว่าศาลจะต้องสั่งจำหน่ายคดีเสมอไป บทบัญญัติดังกล่าวให้ศาลใช้ดุลพินิจตามพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป
ปัญหาว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์กำหนดจำนวนได้แน่นอนหรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยทั้งสามมิได้ให้การไว้และมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จำเลยทั้งสามก็ยกขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153
หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามล้มละลาย ล้วนแต่เป็นหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งจำเลยทั้งสามให้การยอมรับว่าเป็นหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวจริง หนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลยทั้งสามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145และหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวสามารถคิดคำนวณเป็นจำนวนแน่นอนได้ จึงเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอนตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 9 (3) โดยไม่จำต้องมีพยานบุคคลมาเบิกความประกอบ
กรณีจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทิ้งฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา132 (1) ไม่ได้บังคับว่าศาลจะต้องสั่งจำหน่ายคดีเสมอไป บทบัญญัติดังกล่าวให้ศาลใช้ดุลพินิจตามพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป
ปัญหาว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์กำหนดจำนวนได้แน่นอนหรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยทั้งสามมิได้ให้การไว้และมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จำเลยทั้งสามก็ยกขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153
หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามล้มละลาย ล้วนแต่เป็นหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งจำเลยทั้งสามให้การยอมรับว่าเป็นหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวจริง หนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลยทั้งสามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145และหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวสามารถคิดคำนวณเป็นจำนวนแน่นอนได้ จึงเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอนตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 9 (3) โดยไม่จำต้องมีพยานบุคคลมาเบิกความประกอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5663/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์จากการขายทอดตลาดและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ติดขัดเนื่องจากทะเบียนซ้ำ ผู้ซื้อไม่สามารถฟ้องร้องในคดีล้มละลายได้
ตามคำร้องของผู้ร้องอ้างว่าป.เป็นผู้ซื้อรถยนต์กึ่งพ่วงได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วป. ขายต่อให้แก่ผู้ร้องผู้ร้องได้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนขนส่งจังหวัดเพื่อจดทะเบียนการโอนย้ายและเปลี่ยนทะเบียนใหม่แต่นายทะเบียนขนส่งจังหวัดไม่สามารถจดทะเบียนการโอนได้เพราะรถพ่วงเลขทะเบียนซ้ำกับรถทะเบียนรถคันอื่นขอให้มีคำสั่งให้นายทะเบียนขนส่งจังหวัดจดทะเบียนรถพ่วงให้แก่ผู้ร้องตามคำร้องขอผู้ร้องมิใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา146ในอันที่จะยื่นคำร้องเข้ามาในคดีในชั้นรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินได้หากผู้ร้องได้รับความเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับผู้เกี่ยวข้องต่างหากจากคดีในชั้นนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5663/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์รถจากการขายทอดตลาด: ข้อจำกัดในการจดทะเบียนกรณีทะเบียนซ้ำ และความเกี่ยวข้องกับคดีล้มละลาย
ตามคำร้องของผู้ร้องอ้างว่า ป.เป็นผู้ซื้อรถยนต์กึ่งพ่วงได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงาน-พิทักษ์ทรัพย์ แล้ว ป.ขายต่อให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องได้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนขนส่งจังหวัดเพื่อจดทะเบียนการโอนย้ายและเปลี่ยนทะเบียนใหม่ แต่นายทะเบียนขนส่งจังหวัดไม่สามารถจดทะเบียนการโอนได้เพราะรถพ่วงเลขทะเบียนซ้ำกับทะเบียนรถคันอื่นขอให้มีคำสั่งให้นายทะเบียนขนส่งจังหวัดจดทะเบียนรถพ่วงให้แก่ผู้ร้อง ตามคำร้องของผู้ร้อง มิใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146ในอันที่จะยื่นคำร้องเข้ามาในคดีในชั้นรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินได้ หากผู้ร้องได้รับความเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับผู้เกี่ยวข้องต่างหากจากคดีในชั้นนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5663/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถจากการขายทอดตลาดและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ติดปัญหาเลขทะเบียนซ้ำ ศาลไม่อำนาจสั่งจดทะเบียน
ป. ซื้อรถยนต์บรรทุกจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ป. ขายต่อให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องได้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนขนส่งจังหวัด เพื่อจดทะเบียนการโอนย้ายและเปลี่ยนทะเบียนใหม่ แต่นายทะเบียนไม่สามารถจดทะเบียนการโอนได้เพราะหมายเลขทะเบียนซ้ำกับทะเบียนรถคันอื่น ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียนขนส่งจังหวัดจดทะเบียนรถให้แก่ผู้ร้อง กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ผู้ร้องได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 ในอันที่จะยื่นคำร้องเข้ามาในคดีในชั้นรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินได้ หากผู้ร้องได้รับความเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับผู้เกี่ยวข้องต่างหากจากคดีในชั้นนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5494/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความบังคับคดีและการฟ้องล้มละลาย: โจทก์ต้องดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปีนับจากคำพิพากษา จึงจะฟ้องล้มละลายได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้แก่โจทก์3คดีโจทก์ชอบที่จะร้องขอบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสามภายในสิบปีนับแต่วันที่ศาลในคดีนั้นๆพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าในคดีแรกโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดแต่ไม่สามารถขายได้เพราะทรัพย์ที่ถูกยึดสูญหายและจำเลยทั้งสามชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนเป็นเงิน1,500,000บาทภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาก็ตามก็เป็นขั้นตอนของการบังคับคดีเมื่อหนี้ตามคำพิพากษาแต่ละคดีที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามล้มละลายโจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีเสียภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาโจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสามโจทก์จึงไม่อาจนำหนี้ที่พ้นกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าวแล้วมาฟ้องจำเลยทั้งสามให้ล้มละลายได้