คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 72

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 249 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5843/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องพิสูจน์ได้ การยิงขึ้นฟ้าไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า แม้มีอาวุธปืนและเล็งเป้าหมาย
จำเลยใช้อาวุธปืนยิง 1 นัด โดยถืออาวุธปืนกระชับแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ไม่ว่าจำเลยจะยิงตอนที่ผู้เสียหายดูโทรทัศน์ห่างประมาณ 1 เมตร หรือยิงตอนผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีไปห่างประมาณ 4 เมตร หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว คงยิงผู้เสียหายได้ไม่ผิดพลาดเพราะอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้นการที่กระสุนปืนไปถูกหลังคาบ้านแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อขู่ผู้เสียหายมิได้ยิงไปโดยเจตนาฆ่า
แม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ไว้ด้วย แต่โจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในฟ้องถึงองค์ประกอบความผิดของมาตรา 376 ดังนี้ ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5341/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาวุธปืนโดยบรรยายฟ้องเป็นหลายกรรม หากอาวุธปืนเป็นกระบอกเดียวกันและต่อเนื่องกัน ถือเป็นกรรมเดียว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสองกรรมแยกต่างหากจากกันแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่อาวุธปืนตามฟ้องเป็นกระบอกเดียวกันและโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ในตอนต้นว่า จำเลยมีอาวุธปืนกระบอกเดียวกันนี้ตั้งแต่เวลาตามฟ้องในกรรมแรกต่อเนื่องตลอดมาจนถึงเวลาตามฟ้องในกรรมหลัง การกระทำของจำเลยในข้อหานี้จึงเป็นกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4534/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนและการพกพาอาวุธในที่สาธารณะ จำเป็นต้องมีหลักฐานแสดงว่าอาวุธปืนนั้นไม่ได้ขออนุญาต
ในความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ โจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนกระบอกที่จำเลยใช้ยิงผู้เสียหายเป็นอาวุธปืนที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งไม่ได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้นำสืบปฏิเสธว่า อาวุธปืนนั้นจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้วและจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว คดีก็ไม่อาจลงโทษความผิดทั้งสองฐานนี้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่บ้านจึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3602/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดฐานครอบครองอาวุธปืน: โจทก์ต้องพิสูจน์อาวุธปืนที่จำเลยครอบครองตรงตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ครอบครอง อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 55, 78 เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 คงมีแต่เพียงอาวุธปืนลูกซองยาวเท่านั้น ศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 72 ได้ เพราะความผิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3297/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานชัดเจน แม้จำเลยรับสารภาพ หากสืบแล้วไม่ปรากฏความผิด ศาลต้องยกฟ้อง
แม้ความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การรับสารภาพ ศาลสามารถพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองได้โดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจาณาความอาญา มาตรา 176 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์สืบพยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพในข้อหาปล้นทรัพย์แล้วปรากฏข้อเท็จริงว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำผิดฐานมีและพาอาวุธปืนตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์และยิงผู้เสียหาย แต่โจทก์มิได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลาง และโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ทั้งมิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้รับอนุญาตให้มีและพาอาวุธปืน จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 3 ในข้อหาทั้งสองได้ โจทก์จะอ้างว่าจำเลยที่ 3 มิได้พิสูจน์ความจริงว่า จำเลยที่ 3 เคยมีใบอนุญาตให้มีและพาอาวุธปืนติดตัว แสดงว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้รับอนุญาตให้มีและพาอาวุธปืนอันเป็นการผลักภาระหน้าที่นำสืบของโจทก์ไปให้จำเลยโดยไม่มีกฎหมายสนับสนุนหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดอาญาหลายกระทง: ปืนและปล้นทรัพย์ ศาลอุทธรณ์และฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี เป็นบทบัญญัติที่เพิ่มโทษของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340 หรือมาตรา 340 ทวิ ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7และมาตรา 8 ทวิ นั้น เป็นความผิดต่างกรรมกัน ซึ่งประมวลกฎมายอาญามาตรา 91 บัญญัติให้ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญาและบทบัญญัติความผิดต่างกรรมกัน ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี เป็นบทบัญญัติที่เพิ่มโทษของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340 หรือมาตรา 340 ทวิ ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7 และมาตรา 8 ทวิ นั้น เป็นความผิดต่างกรรมกัน ซึ่งประมวลกฎมายอาญามาตรา 91 บัญญัติให้ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2535/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยต้องรับผิดเมื่อโจทก์ไม่นำสืบหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนสั้นกระบอกที่จำเลยใช้ทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหายเป็นอาวุธปืนที่จำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวทั้งมิได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมาเป็นหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้นำสืบปฏิเสธว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้วและจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดสองฐานนี้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ซึ่งแก้ไขใหม่แล้วเพียงบทเดียวโดยมิได้ปรับบทความผิดว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกบทหนึ่งจึงเท่ากับยกฟ้องมาตรานี้ การที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่งให้ถูกต้อง ข้อหาตามมาตราดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มิได้ เพราะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2535/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยต้องรับผิดเมื่อโจทก์มิได้พิสูจน์การครอบครองอาวุธปืน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนสั้นกระบอกที่จำเลยใช้ทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหายเป็นอาวุธปืนที่จำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวทั้งมิได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมาเป็นหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้นำสืบปฏิเสธว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้วและจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดสองฐานนี้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ ซึ่งแก้ไขใหม่แล้วเพียงบทเดียวโดยมิได้ปรับบทความผิดว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกบทหนึ่งจึงเท่ากับยกฟ้องมาตรานี้ การที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่งให้ถูกต้อง ข้อหาตามมาตราดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มิได้ เพราะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2026/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ปืนพกสั้นออโตเมติกขนาด .45 ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวจึงใช้ได้แต่เฉพาะอาวุธปืนกระบอกที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้นเท่านั้น จะนำไปใช้กับอาวุธปืนกระบอกอื่นไม่ได้ จำเลยจึงไม่อาจที่จะมีอาวุธปืนกระบอกอื่นและกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในความครอบครองได้ แม้ผู้อื่นจะลืมอาวุธปืนไว้ในรถของจำเลย จำเลยก็ควรจะครอบครองอาวุธปืนนั้นเพียงเพื่อไม่ให้หายเท่านั้น แต่จำเลยกลับพกอาวุธปืนดังกล่าวไว้กับตัวซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนนั้นเพื่อใช้มิได้มีไว้ในความครอบครองเพื่อไม่ให้หาย จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่จำเลยอ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชานั้นไม่เป็นข้อยกเว้นให้จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายได้ แม้การปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธปืนดังที่จำเลยอ้างก็ตาม
จำเลยซึ่งเป็นตำรวจพกพาอาวุธปืนกระบอกที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีติดตัว เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และถูกจับกุมในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8(ทวิ) วรรคสาม (1)
of 25