พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,097 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการยื่นอุทธรณ์: กรณีใบแต่งทนายความไม่ได้ระบุอำนาจ
โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยมีทนายความลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์แทนเมื่อใบแต่งทนายความไม่ได้ระบุให้ทนายความมีอำนาจอุทธรณ์ จึงเป็นกรณีที่ทนายความลงชื่อในอุทธรณ์โดยไม่มีอำนาจ อุทธรณ์ของโจทก์เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การยื่นอุทธรณ์ของทนายความมิใช่กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบที่ศาลแรงงานจะมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทั้งหมดหรือบางส่วน หรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 แห่งป.วิ.พ.ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 31 แต่เป็นกรณีที่ศาลแรงงานผู้ตรวจรับอุทธรณ์มีอำนาจที่จะสั่งให้โจทก์ทั้งสองแก้ไขอำนาจของทนายความผู้ยื่นอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา18 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 31 หรือมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการยื่นอุทธรณ์ – การแก้ไข/ไม่รับอุทธรณ์กรณีไม่มีอำนาจ
โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยมีทนายความลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์แทนเมื่อใบแต่งทนายความไม่ได้ระบุให้ทนายความมีอำนาจอุทธรณ์จึงเป็นกรณีที่ทนายความลงชื่อในอุทธรณ์โดยไม่มีอำนาจอุทธรณ์ของโจทก์เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายการยื่นอุทธรณ์ของทนายความมิใช่กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบที่ศาลแรงงานจะมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทั้งหมดหรือบางส่วนหรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา27แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31แต่เป็นกรณีที่ศาลแรงงานผู้ตรวจรับอุทธรณ์มีอำนาจที่จะสั่งให้โจทก์ทั้งสองแก้ไขอำนาจของทนายความผู้ยื่นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา18ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31หรือมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 823/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิลาเพื่อดำเนินกิจการสหภาพแรงงาน: ขอบเขตการคุ้มครองเฉพาะกรรมการสหภาพฯ และลูกจ้างสมาชิกเท่านั้น
การที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็น กรรมการลูกจ้างและเป็นประธานสหภาพแรงงาน พ. ลาหยุดงานเพื่อไปแก้ไขปัญหาข้อพิพาทแรงงานให้แก่ลูกจ้างของบริษัท ม. โดยลูกจ้างของบริษัทดังกล่าวมิได้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน พ. ด้วยนั้นมิใช่เป็นการลาไปดำเนินกิจการสหภาพแรงงานตามกฎหมายแต่เป็นการลากิจทั่วไปเมื่อผู้คัดค้านมิได้ลาหรือมิได้รับอนุญาตให้ลาจากผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างและได้หยุดงานเป็นเวลา3วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันควรผู้ร้องจึงมีสิทธิ เลิกจ้างผู้คัดค้านได้โดยชอบตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ47(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำว่า 'น้ำมัน' ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต สารละลายเคมีไวท์สปิริตไม่เข้าข่ายเสียภาษี
สารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่าง ๆ ไม่ใช่น้ำมันอื่น ๆที่คล้ายกับน้ำมันที่ได้ออกชื่อมาแล้วตามคำจำกัดความคำว่า"น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน" ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพามิต (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2534 แม้สารละลายและโซลเว้นท์ชนิดต่าง ๆ นั้น จะมีคุณสมบัติอยู่ในข้อกำหนดคุณภาพน้ำมันก๊าด ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 1(พ.ศ. 2532)เรื่องกำหนดคุณภาพของน้ำมันเบนซินและน้ำมันก๊าด ก็ไม่ใช่น้ำมันก๊าดตามคำจำกัดความข้างต้น ดังนี้ พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ตอนที่ 1ท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2534ในประเภทที่ 01.03 รายการน้ำมันก๊าดและน้ำมันที่จุดให้แสงสว่างที่คล้ายกัน จึงไม่รวมถึงสารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่าง ๆ ด้วยสารละลายเคมีไว้ท์สปิริตพิพาทจึงไม่ใช่สินค้าที่จะต้องเสียภาษีตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่ 01.03 ท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2534 และเมื่อตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่เรียกเก็บภาษีจากสารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่าง ๆ จำเลยก็ไม่มีสิทธิเรียกเก็บภาษีจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำว่า 'น้ำมัน' ใน พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต สารละลายไวท์สปิริตไม่เข้าข่ายต้องเสียภาษี
ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตท้าย พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2534 ให้คำจำกัดความคำว่า "น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน" หมายความว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากปิโตรเลี่ยมได้แก่น้ำมันเบนซินน้ำมันก๊าด น้ำมันเชื้อเพลิงหนักน้ำมันเตา และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกับน้ำมันที่ได้ออกชื่อมาแล้วสารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่าง ๆ ตามคำจำกัดความดังกล่าวสารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่าง ๆ ระบุแยกออกจากคำว่าน้ำมันอื่นๆที่คล้ายกับน้ำมันที่ออกชื่อมาแล้ว ดังนั้น สารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่าง ๆ จึงไม่ใช่น้ำมันอื่น ๆ ที่ออกชื่อมาแล้ว และแม้สารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่าง ๆ นั้น จะมีคุณสมบัติอยู่ในข้อกำหนดคุณภาพน้ำมันก๊าดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ 1(พ.ศ. 2532) เรื่องกำหนดคุณภาพของน้ำมันเบนซินและน้ำมัดก๊าด ก็ไม่ใช่น้ำมันก๊าดตามคำจำกัดความข้างต้น ดังนี้ พิพักอัตราภาษีสรรพสามิตตอนที่ 1 ในประเภทที่ 01.03 รายการน้ำมันก๊าดและน้ำมันที่จุดให้แสงสว่างที่คล้ายกันจึงไม่รวมถึงสารละลายหรือโชลเว้นท์ชนิดต่างๆด้วยสารละลายเคมีไวท์สปิริตจึงไม่ใช่สินค้าที่จะต้องเสียภาษีตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่ 01.03 ท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2534 และเมื่อตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่เรียกเก็บภาษีจากสารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่าง ๆ จำเลยก็ไม่มีสิทธิเรียกเก็บภาษีจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำว่า 'น้ำมัน' ใน พ.ร.บ.สรรพสามิต สารละลายไวท์สปิริตไม่ต้องเสียภาษี
ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต(ฉบับที่3)พ.ศ.2534ให้คำจำกัดความคำว่า"น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน"หมายความว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากปิโตรเลี่ยมได้แก่น้ำมันเบนซินน้ำมันก๊าดน้ำมันเชื้อเพลิงหนักน้ำมันเตาและน้ำมันอื่นๆที่คล้ายกับน้ำมันที่ได้ออกชื่อมาแล้วสารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่างๆตามคำจำกัดความดังกล่าวสารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่างๆระบุแยกออกจากคำว่าน้ำมันอื่นๆที่คล้ายกับน้ำมันที่ออกชื่อมาแล้วดังนั้นสารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่างๆจึงไม่ใช่น้ำมันอื่นๆที่ออกชื่อมาแล้วและแม้สารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่างๆนั้นจะมีคุณสมบัติอยู่ในข้อกำหนดคุณภาพน้ำมันก๊าดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับที่1(พ.ศ.2532)เรื่องกำหนดคุณภาพของน้ำมันเบนซินและน้ำมัดก๊าดก็ไม่ใช่น้ำมันก๊าดตามคำจำกัดความข้างต้นดังนี้พิพักอัตราภาษีสรรพสามิตตอนที่1ในประเภทที่01.03รายการน้ำมันก๊าดและน้ำมันที่จุดให้แสงสว่างที่คล้ายกันจึงไม่รวมถึงสารละลายหรือโชลเว้นท์ชนิดต่างๆด้วยสารละลายเคมีไวท์สปิริตจึงไม่ใช่สินค้าที่จะต้องเสียภาษีตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตประเภทที่01.03ท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต(ฉบับที่3)พ.ศ.2534และเมื่อตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่เรียกเก็บภาษีจากสารละลายหรือโซลเว้นท์ชนิดต่างๆจำเลยก็ไม่มีสิทธิเรียกเก็บภาษีจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาษีสรรพสามิต: สารละลาย/โซลเว้นท์ ไม่จัดเป็นน้ำมันก๊าด แม้มีคุณสมบัติทางคุณภาพใกล้เคียงกัน
สารละลายหรือ โซลเว้นท์ชนิดต่างๆไม่ใช่น้ำมันอื่นๆที่คล้ายกับน้ำมันที่ได้ออกชื่อมาแล้วตามคำจำกัดความคำว่า"น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน"ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพามิต(ฉบับที่3)พ.ศ.2534แม้สารละลายและ โซลเว้นท์ชนิดต่างๆนั้นจะมีคุณสมบัติอยู่ในข้อกำหนดคุณภาพน้ำมันก๊าดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับที่1(พ.ศ.2532)เรื่องกำหนดคุณภาพของน้ำมันเบนซินและน้ำมันก๊าดก็ไม่ใช่น้ำมันก๊าดตามคำจำกัดความข้างต้นดังนี้พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตตอนที่1ท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต(ฉบับที่3)พ.ศ.2534ในประเภทที่01.03รายการน้ำมันก๊าดและน้ำมันที่จุดให้แสงสว่างที่คล้ายกันจึงไม่รวมถึงสารละลายหรือ โซลเว้นท์ชนิดต่างๆด้วยสารละลายเคมีไว้ท์สปิริตพิพาทจึงไม่ใช่สินค้าที่จะต้องเสียภาษีตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตประเภทที่01.03ท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต(ฉบับที่3)พ.ศ.2534และเมื่อตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่เรียกเก็บภาษีจากสารละลายหรือ โซลเว้นท์ชนิดต่างๆจำเลยก็ไม่มีสิทธิเรียกเก็บภาษีจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความจากข้อฉ้อฉลและผลกระทบต่อบุคคลนอกคดี
การฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่านิติกรรมดังกล่าวเป็นการฉ้อฉล ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 คนหนึ่ง รวมทั้งเจ้าหนี้อื่นของจำเลยที่ 1 เสียเปรียบ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 โจทก์จะต้องฟ้องคู่กรณีทั้งสองฝ่ายที่ทำนิติกรรมนั้น ศาลจึงจะบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองแล้วโจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ออกเสียจากสารบบความ มีผลให้จำเลยที่ 1 พ้นจากการที่ต้องถูกบังคับตามคำพิพากษา ศาลไม่อาจพิจารณาพิพากษาตามคำขอของโจทก์ เพราะจะมีผลกระทบไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้ และปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่เกิดจากการฉ้อฉลต้องฟ้องคู่กรณีทั้งสอง และผลกระทบต่อบุคคลภายนอกคดี
การฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่านิติกรรมดังกล่าวเป็นการฉ้อฉลทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่1คนหนึ่งรวมทั้งเจ้าหนี้อื่นของจำเลยที่1เสียเปรียบซึ่งเป็นการใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา237โจทก์จะต้องฟ้องคู่กรณีทั้งสองฝ่ายที่ทำนิติกรรมนั้นศาลจึงจะบังคับตามคำขอของโจทก์ได้การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองแล้วโจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่1ออกเสียจากสารบบความมีผลให้จำเลยที่1พ้นจากการที่ต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาศาลไม่อาจพิจารณาพิพากษาตามคำขอของโจทก์เพราะจะมีผลกระทบไปถึงจำเลยที่1ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้และปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความต้องฟ้องคู่กรณีทั้งสอง การจำหน่ายคดีออกจากสารบบทำให้ศาลไม่สามารถบังคับตามคำขอได้
การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำขึ้นระหว่างจำเลยทั้งสองนั้นโจทก์จะต้องฟ้องจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นคู่กรณีที่ทำนิติกรรมการที่โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่1ออกจากสารบบความจะทำให้ศาลไม่สามารถพิจารณาพิพากษาตามคำขอของโจทก์ได้เพราะจำเลยที่1เป็นบุคคลนอกคดีเสียแล้วปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้