พบผลลัพธ์ทั้งหมด 785 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายเมื่อมีการโต้แย้งเรื่องการซื้อขายและการเข้าครอบครอง
ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ซึ่งมีเพียงสิทธิครอบครอง การซื้อขายย่อมกระทำได้โดยส่งมอบการครอบครองให้ เมื่อมีข้อโต้เถียงว่าการที่จำเลยเข้าอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยโจทก์หรือโดยการซื้อแล้วเข้าครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ จำเลยย่อมได้ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1369 โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานตามกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1922/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้เรียงฎีกามิได้มีคุณสมบัติเป็นทนายความ
การที่ ส. ผู้ซึ่งมิได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความทั้งไม่เป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติทนายความพ.ศ. 2528 มาตรา 33 ลงลายมือชื่อเป็นผู้เรียงฎีกาให้จำเลยฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่เกิดจากการกระทำโดยไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับพิจารณาให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1922/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียงฎีกาโดยผู้มิได้รับอนุญาตเป็นทนายความ ทำให้ฎีกานั้นไม่ชอบ ศาลไม่รับพิจารณา
จำเลยยื่นฎีกาโดยลงชื่อเป็นผู้ฎีกา แต่มี ส. ซึ่งเป็นนักโทษลงลายมือชื่อเป็นผู้เรียง ปรากฎว่า ส.มิได้เป็นผู้ซึ่งได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความ กับทั้งไม่ปรากฎว่าเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามมาตรา 33 แห่งพ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ.2528 ดังนั้น การที่ ส. เรียง หรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลยจึงเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาซึ่งเกิดจากการกระทำอันไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1922/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้เรียงฎีกาไม่มีคุณสมบัติเป็นทนายความ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
จำเลยยื่นฎีกาโดยลงชื่อเป็นผู้ฎีกา แต่มี ส. ซึ่งเป็นนักลงโทษลายมือชื่อเป็นผู้เรียง ปรากฎว่า ส. มิได้เป็นผู้ซึ่งได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความ กับทั้งไม่ปรากฎว่าเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามมาตรา 33แห่งพระราชบัญญัติ ทนายความ พ.ศ.2528 ดังนั้น การที่ ส.เรียงหรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลยจึงเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาซึ่งเกิดจากการกระทำอันไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องผิดสัญญาจ้างแรงงาน เริ่มนับจากวันที่สิทธิเรียกร้องบังคับได้ ไม่ใช่วันไล่ออก
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ มีหน้าที่ติดตามทวงถามลูกหนี้และผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้แต่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ปล่อยปละละเลยจนคดีขาดอายุความทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหาย และให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกัน เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ฐานผิดสัญญาจ้างแรงงานและเรียกค่าเสียหาย อายุความของสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวเริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นเป็นต้นไปศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีต่อนาย ส.ขาดอายุความ ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2525 และสิทธิเรียกร้องที่มีต่อนายต. ขาดอายุความตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2524 โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้นับแต่วันที่หนี้แต่ละรายดังกล่าวขาดอายุความ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2536 เป็นเวลาเกิน10 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากลูกจ้าง กรณีละเลยหน้าที่ทวงหนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์มีหน้าที่ติดตามทวงถามลูกหนี้และผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้แก่โจทก์ ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ปล่อยปละละเลยจนคดีขาดอายุความ ทำให้โจทก์เสียหายและเรียกค่าเสียหาย เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาจ้างแรงงาน ซึ่งมีอายุความ 10 ปี นับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นได้ เมื่อสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีต่อนาย ส. ขาดอายุความตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2525 และสิทธิเรียกร้องที่โจทก์มีต่อคู่กรณีที่ขับรถชนรถยนต์ของโจทก์ขาดอายุความตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2524 ดังนี้ โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 ได้นับแต่วันที่หนี้แต่ละรายดังกล่าวขาดอายุ-ความ โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 24 มีนาคม 2536 จึงเป็นเวลาเกิน 10 ปี คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1883/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอาวุธร้ายแรงและมอบตัวสมัครใจเป็นเหตุสมควรให้รอการลงโทษ
จำเลยมีอาวุธปืนเล็กกล 1 กระบอก และกระสุนปืน 4 นัด แม้เป็นอาวุธร้ายแรง แต่จำเลยนำมามอบให้เจ้าพนักงาน และมอบตัวต่อเจ้าพนักงานโดยสมัครใจ ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ กรณีมีเหตุสมควรรอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1883/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตและการมอบตัวแสดงความสำนึกผิดเป็นเหตุสมควรรอการลงโทษ
จำเลยมีอาวุธปืนเล็กกล 1 กระบอก และกระสุนปืน 4 นัด แม้เป็นอาวุธร้ายแรง แต่จำเลยนำมามอบให้เจ้าพนักงาน และมอบตัวต่อเจ้าพนักงานโดยสมัครใจ ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ กรณีมีเหตุสมควรรอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความรับผิดของนิติบุคคลและกรรมการผู้จัดการในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยปลอม
โจทก์มี ป. มาเบิกความประกอบเอกสารซึ่งเป็นบิลส่งของชั่วคราวแสดงหลักฐานการรับมอบปุ๋ยของกลาง และตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 มีข้อความว่าจำเลยที่ 2 ได้ตรวจใบส่งของชั่วคราวแล้วรับว่าเป็นใบส่งของชั่วคราวของจำเลยที่ 1ส่งของให้กับ ว. จริง และยอมรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า พันตำรวจโท ฉ. ได้สอบคำให้การของจำเลยที่ 2ไว้ด้วย แม้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นพยานบอกเล่าแต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้ปฏิเสธว่าลายมือชื่อที่ลงไว้ในช่องผู้ต้องหานั้นมิใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์แล้วก็รับฟังลงโทษจำเลยทั้งสองได้ แม้จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 ก็มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1647/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกปัญหาการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในชั้นอุทธรณ์ & สิทธิในการอ้างข้อกฎหมายที่ไม่สามารถยกในชั้นต้นได้
โจทก์เพิ่งยกปัญหาเรื่องการดำเนินการกระบวนพิจารณาซ้ำขึ้นกล่าวในชั้นอุทธรณ์เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอ้างในศาลชั้นต้นได้ เพราะศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยมิได้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ได้มีโอกาสคัดค้านตั้งประเด็นเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำจึงเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ไม่สามารถยกปัญหาข้อกฎหมายนี้ขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้นเพราะพฤติการณ์ไม่เปิดช่องให้กระทำได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะยกปัญหาข้อกฎหมายนี้ขึ้นในชั้นอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง
ในคดีเดิมผู้ร้องกล่าวอ้างว่า ผู้ร้องทำสัญญาต่างตอบแทนกับบ.หรือโจทก์ ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้วว่าไม่มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ร้องกับโจทก์หรือระหว่างผู้ร้องกับ บ. การที่ผู้ร้องกล่าวอ้างในคดีนี้ว่ามีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ร้องกับ บ. ขึ้นมาอีก จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144
ในคดีเดิมผู้ร้องกล่าวอ้างว่า ผู้ร้องทำสัญญาต่างตอบแทนกับบ.หรือโจทก์ ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้วว่าไม่มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ร้องกับโจทก์หรือระหว่างผู้ร้องกับ บ. การที่ผู้ร้องกล่าวอ้างในคดีนี้ว่ามีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ร้องกับ บ. ขึ้นมาอีก จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144