คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ธวัชชัย พิทักษ์ผล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน-ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่-ทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ลงโทษ
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลย จำเลยกล่าวกับผู้เสียหายว่า เป็นนายจับอย่างไรก็ได้และเรียกทำเย็ดแม่ดังนี้ที่จำเลยกล่าวว่าเป็นนายจับอย่างไรก็ได้ เป็นเพียงคำกล่าวในทำนองตัดพ้อต่อว่า ไม่ได้กล่าวหาว่า ผู้เสียหายกลั่นแกล้งจึงไม่เป็นการดูหมิ่นผู้เสียหาย แต่ที่จำเลยกล่าวว่า เรียกทำเย็ดแม่เป็นคำด่าอันเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 เมื่อผู้เสียหายจับกุมจำเลยในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จำเลยดิ้นรนขัดขืนและชกหน้าผู้เสียหาย1 ครั้ง จนฟันผู้เสียหายหักและมีโลหิตไหลออกจากปาก จำเลยจึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสองและทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงชำระเงินส่วนหนึ่งของราคาที่ดินมีผลเหนือการอ้างว่าเป็นเงินมัดจำ
การที่สัญญาจะซื้อขายที่ดินทั้งสองฉบับระบุไว้ชัดแจ้งว่าจำนวนเงินที่จะชำระในวันที่ 25 พฤษภาคม 2530 หรือเลื่อนกำหนดไปชำระในวันที่ 17 สิงหาคม 2530 เป็นส่วนหนึ่งของราคาที่ดินการที่จำเลยนำสืบพยานบุคคลว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินมัดจำจึงเป็นการขัดกับข้อความในสัญญาจะซื้อขายที่ดิน ต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทและการยึดหน่วงทรัพย์: การกระทำโดยไม่มีเจตนาทุจริตไม่ถือเป็นความผิดยักยอก
กรณียังมีการโต้แย้งกันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทการที่จำเลยทั้งสองไม่คืนอุปกรณ์ให้โจทก์ร่วม เพราะมีหลักฐานเชื่อได้ว่าอุปกรณ์บางส่วนเป็นของ ม. และ ม. เป็นเจ้าของบริษัทจำเลยที่ 1 ด้วย จำเลยทั้งสองจะคืนให้ เมื่อโจทก์ร่วมใช้ค่าติดตั้งในการดำเนินกิจการเคเบิ้ลทีวีร่วมกันในนามของ ว. จึงเป็นการใช้สิทธิยึดหน่วงอย่างหนึ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสองขาดเจตนาทุจริตไม่มีความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารในสำนวนคดีอาญาที่ยังไม่ได้รวมสำนวน ไม่ถือเป็นเหตุให้ต้องพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 53
การที่พยานหลักฐานรวมอยู่ในสำนวนคดีอื่นซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นำสำนวนมาผูกรวมกับสำนวนอีกคดีหนึ่ง แต่ยังไม่ได้นำมาผูกรวม มิใช่กรณีเอกสารในสำนวนสูญหายหรือบุบสลายทั้งหมดหรือบางส่วน ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเสร็จสิ้นแล้วย่อมไม่มีกรณีเป็นการขัดข้องต่อการพิจารณาพิพากษาคดี ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 53 ที่จะขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5383/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจเจ้าพนักงานบังคับคดีในการงดเว้นยึดทรัพย์ที่มีชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของ และการปลดเปลื้องความรับผิด
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดที่มีชื่อบุคคลภายนอกเป็นเจ้าของอยู่ เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะงดเว้นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น และร้องขอต่อศาลให้กำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อมิให้ตนต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 283 วรรคสอง การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นควรงดเว้นการยึดทรัพย์รายนี้ จึงเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดีและศาลฎีกาเห็นสมควรให้ปลดเปลื้องความรับผิดในค่าสินไหมทดแทนกรณีเจ้าพนักงานบังคับคดีงดเว้นการยึดทรัพย์รายนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4865/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินยกให้ก่อนสมรส และสถานะบริวารของผู้ปลูกสร้างบนที่ดิน
จำเลยได้รับที่ดินโดยการยกให้จากมารดาก่อนสมรสกับผู้ร้องจึงเป็นสินส่วนตัวของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1471(1) ผู้ร้องปลูกบ้านลงในที่ดินดังกล่าวโดยได้รับอนุญาตจากจำเลยซึ่งเป็นสามีแสดงว่าผู้ร้องอาศัยสิทธิของจำเลย ผู้ร้องจึงเป็นบริวารของจำเลย เมื่อโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย ผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยต้องออกจากที่ดินดังกล่าวของโจทก์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4235/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นจำเลยร่วมต้องมีส่วนได้เสียในคดีนี้ ศาลฎีกาพิพากษายืนคำสั่งไม่ให้ผู้ร้องเข้าเป็นจำเลยร่วม
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตเข้าเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยที่ 2 เป็นการยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2) ซึ่งต้องปรากฏว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีจึงจะมีสิทธิเข้าเป็นจำเลยร่วมได้ คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามสัญญากู้ยืมเงิน ให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันอันเป็นการให้รับผิดตามบุคคลสิทธิปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2ให้การเกี่ยวกับผู้ร้องแต่เพียงว่า แต่เดิมจำเลยที่ 1 ติดต่อขอกู้เงินผู้ร้อง แต่ผู้ร้องไม่ให้กู้จำเลยที่ 1 จึงหลอกลวงผู้ร้องว่าจะกู้เงินโจทก์ ขอให้ผู้ร้องติดต่อจำเลยที่ 2 ให้ออกหนังสือค้ำประกันต่อโจทก์ โดยนำเงินฝากประจำของผู้ร้องเป็นหลักประกันแทน ไม่มีข้อความใดในคำฟ้องหรือคำให้การของจำเลยที่ 2ที่พาดพิงว่าผู้ร้องจะต้องรับผิดร่วมกับบุคคลใดต่อบุคคลใด หรือแทนบุคคลใดทั้งในปัจจุบันและอนาคต หากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 2ร่วมกับหรือแทนจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ คำพิพากษาก็หามีผลผูกพันไปถึงผู้ร้องหรือว่าผู้ร้องจะต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2โดยถูกยึดเงินฝากประจำที่นำมาเป็นหลักประกันแต่อย่างใดไม่จำเลยที่ 2 จะมีสิทธิยึดเงินฝากประจำของผู้ร้องหรือไม่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 จะต้องว่ากล่าวเอาแก่ผู้ร้องต่อไปเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งผลแห่งคำพิพากษาหรือข้อเท็จจริงที่ศาลฟังในคดีนี้ย่อมจะไม่ผูกพันผู้ร้อง ฉะนั้น ผู้ร้องย่อมจะมีสิทธิต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ในคดีนั้น ไม่มีเหตุผลหรือความเป็นธรรมอย่างไรที่ผู้ร้องจะต้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีนี้ ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีนี้ จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ที่จะเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4210/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการจำหน่ายคดี: ศาลชอบที่จะจำหน่ายคดีเมื่อโจทก์ทราบวันนัดแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุ
โจทก์ทราบวันนัดสืบพยานโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดี แม้โจทก์จะอ้างว่าเหตุที่มิได้มาศาลตามกำหนดนัดเกิดเพราะรถยนต์ขัดข้องก็มิใช่กรณีที่ศาลจำหน่ายคดีไปโดยผิดหลงหรือผิดระเบียบ อันจะเป็นเหตุให้เพิกถอนคำสั่งได้และการที่โจทก์ขาดนัดพิจารณาก็ไม่มีบทกฎหมายใดให้สิทธิโจทก์ที่จะขอให้พิจารณาใหม่ โจทก์เพียงแต่มีสิทธิที่จะเสนอคำฟ้องเข้ามาใหม่ภายในกำหนดอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 200
of 10