พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,395 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจฟ้องคดี, สัญญาบัญชีเดินสะพัด, การเบิกเงินเกินบัญชี, และการรับรองหนี้จากเอกสารแจ้งหนี้
ธ. ในฐานะผู้แทนโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลทำหนังสือมอบอำนาจให้ม. ฟ้องคดีแทนโจทก์แม้ต่อมาธ. ได้พ้นจากการเป็นผู้แทนโจทก์ม. ก็มีอำนาจฟ้องคดีโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวส่วนการที่โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจฉบับใหม่ก็เพราะภายหลังโจทก์แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดจำเลยมิได้นำสืบหักล้างข้อเท็จจริงจึงไม่พอฟังว่าหนังสือมอบอำนาจฉบับเดิมถูกยกเลิกไป ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยเบิกเงินจากบัญชีกระแสรายวันเท่าใดแต่ละเดือนมีหนี้ต้องชำระเท่าใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่จำเป็นต้องบรรยายมาในฟ้องด้วยฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสอง จำเลยมีคำขอเปิดบัญชีกระแสรายวันและคำขอใช้บัตรเครดิตโดยให้ใช้บัญชีกระแสรายวันเป็นบัญชีเดินสะพัดและสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไม่ได้กำหนดเวลาเอาไว้คู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้บอกเลิกสัญญาแก่โจทก์แต่โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ให้แล้วเสร็จภายใน15วันนับแต่วันรับหนังสือหากพ้นกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระให้ถือว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดเป็นอันเลิกกันเมื่อจำเลยได้รับหนังสือแล้วแต่ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ภายในกำหนดสัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงเป็นอันเลิกกันตั้งแต่วันพ้นกำหนด คำเบิกความของจำเลยเจือสมพยานโจทก์ที่เบิกความว่าในการใช้บัตรเครดิตของจำเลยโจทก์จะแจ้งรายการที่ใช้ให้จำเลยทราบเป็นประจำทุกเดือนและโจทก์ยังได้แจ้งรายการของบัญชีเดินสะพัดให้จำเลยทราบเป็นประจำทุกเดือนข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้รับใบแจ้งหนี้จากโจทก์แล้วซึ่งการที่จำเลยไม่คัดค้านข้อเท็จจริงฟังได้ตามโจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และถือว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่จำเลยทราบดีอยู่แล้วและสามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่ายถึงความมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารไม่จำต้องส่งสำเนาให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา90วรรคสี่(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อขาย: พยานหลักฐานสอดคล้อง เชื่อได้ว่าจำเลยมีความผิด
พยานโจทก์ทั้งสองปากไม่เคยมีสาเหตุกับจำเลยมาก่อนไม่น่าระแวงว่าจะกลั่นแกล้งปรักปรำจำเลยทั้งเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่และตามบันทึกการจับกุมก็มีข้อความตรงตามคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองปากพยานหลักฐานของโจทก์สอดคล้องต้องกันมีน้ำหนักรับฟังได้มั่นคงพยานจำเลยรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 25/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเวนคืน และการหักกลบราคาที่ดินสูงขึ้นจากค่าทดแทน
พระราชบัญญัติ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่แขวงสุรวงศ์ฯพ.ศ.2516ระบุเหตุที่ต้องเวนคืนไว้ว่าเพื่อประโยชน์ของรัฐในการสร้างทางและปรับปรุงระบบระบายน้ำสำหรับกรุงเทพมหานครโดยมาตรา3กำหนดให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์การสร้างทางและระบบระบายน้ำในเขตกรุงเทพมหานครเป็นหน้าที่โดยตรงของจำเลยที่1ตามมาตรา89(6)แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2528ดังนั้นการปฎิบัติหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจำเลยที่2จึงเป็นการปฎิบัติหน้าที่ในกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่1ในฐานะเป็นผู้แทนจำเลยที่1และจำเลยทั้งสองมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่โจทก์ผู้มีสิทธิได้รับเงินโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์ได้ เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2530มุ่งประสงค์ให้มีการนำเอาราคาที่ดินที่สูงขึ้นนั้นมาหักออกจากค่าทดแทนได้ตามมาตรา21วรรคสองดังนั้นแม้จะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณราคาที่ดินที่สูงขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา21วรรคสี่ออกมาใช้บังคับก็ตามเมื่อได้ความว่าที่ดินของโจทก์ส่วนที่เหลือจากการเวนคืนมีราคาสูงขึ้นจำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิที่จะนำราคาที่ดินที่สูงขึ้นมาหักลบกันเงินค่าทดแทนที่จะต้องจ่ายให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9782/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไม่ชำระหนี้เช็คพิพาท กรณีโจทก์ผิดสัญญาซ่อมแซม
โจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญา โดยโจทก์มิได้ตรวจซ่อมระบบแอร์และการปรับอากาศให้สมบูรณ์ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา เมื่อเช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าวและโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงมีสิทธิไม่ชำระหนี้ให้โจทก์โดยมีคำสั่งว่าให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทได้
เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ระบบแอร์และการปรับอากาศไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่องเนื่องจากการติดตั้งของโจทก์ และโจทก์ไม่ได้ซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนกำหนดตามสัญญา เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยได้นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของ ป.พ.พ.มาตรา 900 และ ป.วิ.พ.มาตรา 84 แล้วว่า จำเลยมีสิทธิไม่ชำระหนี้ตามเช็คพิพาท ศาลอุทธรณ์จึงฟังข้อเท็จจริงไม่ผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน และวินิจฉัยพยานหลักฐานตรงตามประเด็น ตรงตามภาระการพิสูจน์และหน้าที่นำสืบของจำเลยตามกฎหมายแล้ว
เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ระบบแอร์และการปรับอากาศไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่องเนื่องจากการติดตั้งของโจทก์ และโจทก์ไม่ได้ซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนกำหนดตามสัญญา เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยได้นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของ ป.พ.พ.มาตรา 900 และ ป.วิ.พ.มาตรา 84 แล้วว่า จำเลยมีสิทธิไม่ชำระหนี้ตามเช็คพิพาท ศาลอุทธรณ์จึงฟังข้อเท็จจริงไม่ผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน และวินิจฉัยพยานหลักฐานตรงตามประเด็น ตรงตามภาระการพิสูจน์และหน้าที่นำสืบของจำเลยตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9782/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามสัญญาซ่อมแซม ทำให้จำเลยมีสิทธิระงับการจ่ายเช็คได้
โจทก์ไม่ปฎิบัติตามสัญญาโดยโจทก์มิได้ตรวจซ่อมระบบแอร์และการปรับอากาศให้สมบูรณ์ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อเช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าวและโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยจึงมีสิทธิไม่ชำระหนี้ให้โจทก์โดยมีคำสั่งว่าให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทได้ เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าระบบแอร์และการปรับอากาศไม่สมบูรณ์มีข้อบกพร่องเนื่องจากการติดตั้งของโจทก์และโจทก์ไม่ได้ซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนกำหนดตามสัญญาเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยได้นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความมาตรา84แล้วเห็นว่าจำเลยมีสิทธิไม่ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทศาลอุทธรณ์จึงฟังข้อเท็จจริงไม่ผิดจากพยานหลักฐานในสำนวนและวินิจฉัยพยานหลักฐานตรงตามประเด็นตรงตามภาระการพิสูจน์และหน้าที่นำสืบของจำเลยตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9684/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่าห้าหมื่นบาท และประเด็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระต่อคดี
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาไม่เกินห้าหมื่นบาทต้องห้ามอุทธรณ์และฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับฟังมาตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238ประกอบมาตรา 247 เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินพิพาทตามโฉนดที่ดินในคดีนี้เป็นของโจทก์ จำเลยฎีกาว่าการออกโฉนดที่ดินของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งแม้จะวินิจฉัยให้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9325/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงอนุญาโตตุลาการ: โจทก์ฟ้องศาลโดยไม่ผ่านอนุญาโตตุลาการก่อน ศาลขาดอำนาจพิจารณา
โจทก์จำเลยทำสัญญาจ้างทำของไว้โดยมีข้อตกลงว่า หากมี กรณีพิพาทอันเกิดจากการปฏิบัติงานตามสัญญานี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการชี้ขาดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประเทศไทยเป็นอนุญาโตตุลาการ ตามข้อความดังกล่าว เป็นการตกลงให้มีการระงับข้อพิพาทโดยทางอนุญาโตตุลาการ โจทก์จำต้อง ปฏิบัติตามสัญญา เมื่อโจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการก่อน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9307/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น: ศาลพิพากษาตามคำฟ้องได้หากมีหลักฐานชัดเจนที่ดินถูกล้อมรอบและมีทางออกทางเดียว
คำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วว่าที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมไว้รอบไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้คงมีทางออกอยู่ทางเดียวที่จำเลยปิดกั้นเสียทางดังกล่าวจึงเข้าลักษณะทางจำเป็นทั้งคำขอท้ายฟ้องก็ขอให้บังคับให้จำเลยรือถอนสิ่งปลูกสร้างใดๆที่ทำขึ้นบนที่ดินเพื่อให้โจทก์เดินผ่านที่ดินของจำเลยดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโจทก์และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางพิพาทจึงไม่เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฎในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9307/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น - การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง - ขอบเขตคำฟ้อง
คำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วว่าที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมไว้รอบ ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ คงมีทางออกอยู่ทางเดียวที่จำเลยปิดกั้นเสีย ทางดังกล่าวจึงเข้าลักษณะทางจำเป็น ทั้งคำขอท้ายฟ้องก็ขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ที่ทำขึ้นบนที่ดินเพื่อให้โจทก์เดินผ่านที่ดินของจำเลย ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโจทก์และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางพิพาทจึงไม่เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9184/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของผู้เยาว์จากการดูแลที่ไม่ระมัดระวัง
จำเลยที่ 2 เป็นบิดาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้เยาว์ การที่จำเลยที่ 1 ไปกระทำละเมิดต่อผู้อื่นจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 มาใช้บังคับในส่วนที่เกี่ยวกับการที่จำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดด้วยหรือไม่ไม่ได้ แต่จำเลยที่ 2 เป็นผู้ปกครองดูแลจำเลยที่ 1ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 430 มาใช้บังคับในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 3 นำกุญแจรถยนต์จิ๊ปไปเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะเก็บเงินในร้านขายของของจำเลยที่ 3ซึ่งไม่ได้ใส่กุญแจในขณะที่จำเลยที่ 3 ขายของ จนเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 แอบหยิบเอากุญแจไปใช้ขับรถยนต์จิ๊ปโดยประมาทชนรถยนต์เก๋งที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาไม่ได้ใช้ความระมัดระวังในการดูแลจำเลยที่ 1 บุตรผู้เยาว์ตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น จำเลยที่ 2 และที่ 3จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการทำละเมิดต่อโจทก์