พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,395 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4755/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนส่งทางทะเลหลายทอด: ผู้รับขนในต่างประเทศร่วมกับผู้ดำเนินการภายในประเทศมีหน้าที่รับผิดร่วมกัน
ผู้ขายสินค้าในต่างประเทศได้ว่าจ้างจำเลยที่2ผู้รับขนในต่างประเทศให้ขนส่งสินค้ามายังกรุงเทพมหานครจำเลยที่1เป็นผู้แจ้งกำหนดวันที่เรือจะเข้าให้ผู้รับตราส่งทราบติดต่อกรมศุลกากรกองตรวจคนเข้าเมืองกรมเจ้าท่าการท่าเรือแห่งประเทศไทยค้ำประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องว่าจ้างบริษัทอื่นให้ขนถ่ายสินค้าจากเรือบรรทุกสินค้าลงเรือฉลอมเพื่อนำไปเก็บไว้ที่คลังสินค้าและออกใบสั่งปล่อยสินค้าให้แก่ผู้รับใบตราส่งเพื่อนำไปรับสินค้าการที่จำเลยที่2ซึ่งเป็นผู้รับขนในต่างประเทศไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยจึงย่อมไม่สามารถจะดำเนินการติดต่อและค้ำประกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องว่าจ้างบริษัทอื่นให้ขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่ลงเรือเล็กและออกใบสั่งปล่อยสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งเพื่อนำไปรับสินค้าได้การกระทำดังกล่าวเป็นขั้นตอนสำคัญในการรับขนทางทะเลจำเลยที่1จึงเป็นผู้ร่วมขนส่งกับจำเลยที่2อันเป็นการขนส่งโดยมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา618แล้วหาใช่เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่2ไม่จำเลยที่1จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4755/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ร่วมขนส่งทางทะเล: การกระทำของตัวแทนและผู้รับขนต่างประเทศ
ผู้ขายสินค้าในต่างประเทศได้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ผู้รับขนในต่างประเทศให้ขนส่งสินค้ามายังกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 เป็นผู้แจ้งกำหนดวันที่เรือจะเข้าให้ผู้รับตราส่งทราบ ติดต่อกรมศุลกากร กองตรวจคนเข้าเมือง กรมเจ้าท่าการท่าเรือแห่งประเทศไทย ค้ำประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ว่าจ้างบริษัทอื่นให้ขนถ่ายสินค้าจากเรือบรรทุกสินค้าลงเรือฉลอมเพื่อนำไปเก็บไว้ที่คลังสินค้า และออกใบสั่งปล่อยสินค้าให้แก่ผู้รับใบตราส่งเพื่อนำไปรับสินค้าการที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับขนในต่างประเทศ ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยจึงย่อมไม่สามารถจะดำเนินการติดต่อและค้ำประกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ว่าจ้างบริษัทอื่นให้ขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่ลงเรือเล็ก และออกใบสั่งปล่อยสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งเพื่อนำไปรับสินค้าได้ การกระทำดังกล่าวเป็นขั้นตอนสำคัญในการรับขนทางทะเล จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ร่วมขนส่งกับจำเลยที่ 2 อันเป็นการขนส่งโดยมีผู้ขนส่งหลายคนหลายทอดตาม ป.พ.พ. มาตรา 618 แล้วหาใช่เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 2 ไม่ จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4754/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในสัญญาประกันภัยสินค้าและการรับผิดของผู้ขนส่งทอดสุดท้าย
การที่บริษัทเอผู้ขายและผู้เอาประกันภัยสินค้าที่ขนส่งทางทะเลได้รับชำระราคาสินค้านั้นแล้วได้ส่งใบตราส่งใบกรมธรรม์ประกันภัยใบกำกับสินค้าและใบรายการบรรจุหีบห่อไปให้บริษัทบีย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของบริษัทเอว่าประสงค์จะโอนสินค้าซึ่งเป็นวัตถุที่เอาประกันภัยไปให้บริษัทบีแล้วและเมื่อปรากฎว่าสินค้าที่ขนส่งได้รับความเสียหายบริษัทบีก็ได้ทวงถามให้จำเลยซึ่งบริษัทเชื่อว่าเป็นผู้ร่วมขนส่งสินค้าดังกล่าวชดใช้ค่าเสียหายแต่จำเลยเพิกเฉยจึงทวงถามโจทก์ผู้รับประกันภัยโจทก์ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัทบีไปย่อมทำให้เชื่อว่าบริษัทเอผู้เอาประกันภัยได้บอกกล่าวการโอนสินค้าซึ่งเป็นวัตถุที่เอาประกันภัยไปยังโจทก์ผู้รับประกันแล้วมิฉะนั้นย่อมไม่มีเหตุที่โจทก์จะยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทบี ฉะนั้นสิทธิอันมีอยู่ในสัญญาประกันภัยดังกล่าวย่อมโอนไปยังบริษัทบี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา875วรรคสองเมื่อโจทก์ได้ชำระค่าเสียหายให้บริษัทบีโจทก์จึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิของบริษัทดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวได้ การที่จำเลยขอนำเรือเข้าติดต่อขอเช่าเรือลากจูงนำหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารมาวางเป็นประกันต่อกรมเจ้าท่าและการท่าเรือแห่งประเทศไทยและการที่จำเลยเป็นผู้ออกใบปล่อยสินค้าพิพาทเห็นได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการขนส่งทอดสุดท้ายเพื่อให้สินค้าพิพาทได้ขนส่งถึงมือผู้รับตราส่งซึ่งถือได้ว่าเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลโดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายจำเลยจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา618ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งกับการรับขนของทางทะเลในขณะเกิดเหตุข้อพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4754/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในสัญญาประกันภัยสินค้าและการรับผิดของผู้ขนส่งทอดสุดท้าย
การที่บริษัทเอผู้ขายและผู้เอาประกันภัยสินค้าที่ขนส่งทางทะเลได้รับชำระราคาสินค้านั้นแล้วได้ส่งใบตราส่ง ใบกรมธรรม์ประกันภัย ใบกำกับสินค้าและใบรายการบรรจุหีบห่อไปให้บริษัทบี ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาของบริษัทเอว่าประสงค์จะโอนสินค้าซึ่งเป็นวัตถุที่เอาประกันภัยไปให้บริษัทบีแล้ว และเมื่อปรากฎว่าสินค้าที่ขนส่งได้รับความเสียหาย บริษัทบีก็ได้ทวงถามให้จำเลยซึ่งบริษัทเชื่อว่าเป็นผู้ร่วมขนส่งสินค้าดังกล่าวชดใช้ค่าเสียหาย แต่จำเลยเพิกเฉย จึงทวงถามโจทก์ผู้รับประกันภัย โจทก์ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัทบีไป ย่อมทำให้เชื่อว่าบริษัทเอผู้เอาประกันภัยได้บอกกล่าวการโอนสินค้าซึ่งเป็นวัตถุที่เอาประกันภัยไปยังโจทก์ผู้รับประกันภัยแล้ว มิฉะนั้นย่อมไม่มีเหตุที่โจทก์จะยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทบี ฉะนั้น สิทธิอันมีอยู่ในสัญญาประกันภัยดังกล่าวย่อมโอนไปยังบริษัทบี ตามป.พ.พ. มาตรา 875 วรรคสอง เมื่อโจทก์ได้ชำระค่าเสียหายให้บริษัทบี โจทก์จึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิของบริษัทดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวได้
การที่จำเลยขอนำเรือเข้า ติดต่อขอเช่าเรือลากจูง นำหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารมาวางเป็นประกันต่อกรมเจ้าท่าและการท่าเรือ-แห่งประเทศไทย และการที่จำเลยเป็นผู้ออกใบปล่อยสินค้าพิพาท เห็นได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการขนส่งทอดสุดท้ายเพื่อให้สินค้าพิพาทได้ขนส่งถึงมือผู้รับตราส่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลโดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 618 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งกับการรับ-ขนของทางทะเลในขณะเกิดเหตุข้อพิพาท
การที่จำเลยขอนำเรือเข้า ติดต่อขอเช่าเรือลากจูง นำหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารมาวางเป็นประกันต่อกรมเจ้าท่าและการท่าเรือ-แห่งประเทศไทย และการที่จำเลยเป็นผู้ออกใบปล่อยสินค้าพิพาท เห็นได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการขนส่งทอดสุดท้ายเพื่อให้สินค้าพิพาทได้ขนส่งถึงมือผู้รับตราส่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลโดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 618 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งกับการรับ-ขนของทางทะเลในขณะเกิดเหตุข้อพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4744/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาให้ที่ดินระหว่างสมรส: สัญญาใช้บังคับได้ ไม่ใช่การยกให้
การที่โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์รวมตามบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมในระหว่างสมรส มีผลทำให้ที่ดินตกเป็นสินส่วนตัวของจำเลย ซึ่งบันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาระหว่างสมรสที่สมบูรณ์ใช้บังคับกันได้ กรณีมิใช่การยกให้ซึ่งจะถอนคืนการให้ได้ต่อเมื่อมีเหตุเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 โจทก์จึงมีสิทธิที่จะบอกล้างได้ตามมาตรา 1469
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4702/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อที่ดินตามมติ คชก. ต้องใช้สิทธิภายในกรอบเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นสิทธิจะสิ้นสุดลง
คชก.ตำบลบางหลวง มีมติให้โจทก์ซื้อที่นาจากผู้รับโอนในราคาไร่ละ30,000 บาท ด้วยเงินสดภายใน 30 วัน คชก.จังหวัดนครปฐมมีมติยืนยันมติของคชก.ตำบลบางหลวง โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 12ตุลาคม 2533 ให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่า มติของ คชก.จังหวัดนครปฐมชอบแล้ว เมื่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้ว แต่โจทก์มิได้ใช้สิทธิขอซื้อที่นาตามราคาและวิธีการชำระเงินดังกล่าวโดยโจทก์นัดให้จำเลยไปจดทะเบียนขายที่นาแก่โจทก์ในวันที่ 6 มีนาคม 2534 ซึ่งเป็นเวลาหลังมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นถึง4 เดือนเศษ โจทก์จึงไม่มีสิทธิซื้อที่นาจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4702/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อที่ดินตามมติ คชก.และการใช้สิทธิหลังคำพิพากษาถึงที่สุด
คชก.ตำบลบางหลวงมีมติให้โจทก์ซื้อที่นาจากผู้รับโอนในราคาไร่ละ30,000บาทด้วยเงินสดภายใน30วันคชก.จังหวัดปฐมมีมติยืนยันมติของคชก.ตำบลบางหลวง โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่12ตุลาคม2533ให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่ามติของคชก.จังหวัดนครปฐมชอบแล้วเมื่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้วแต่โจทก์มิได้ใช้สิทธิขอซื้อที่นาตามราคาและวิธีการชำระเงินดังกล่าวโดยโจทก์นัดให้จำเลยไปจดทะเบียนขายที่นาแก่โจทก์ในวันที่6มีนาคม2534ซึ่งเป็นเวลาหลังมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นถึง4เดือนเศษโจทก์จึงไม่มีสิทธิซื้อที่นาจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4499/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งกายเลียนแบบพระภิกษุ และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าอาวาส มีความผิดทางอาญาและกฎหมายคณะสงฆ์
คณะสงฆ์ผู้พิจารณาชั้นต้นมีคำวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดล่วงละเมิดพระธรรมวินัยให้จำเลยสึกจากการเป็นพระภิกษุ จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะสงฆ์ การยื่นอุทธรณ์จะกระทำโดยชอบหรือไม่ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยซึ่งได้สึกจากการเป็นพระภิกษุไปแล้ว กลับมาเป็นพระภิกษุใหม่อีก การที่จำเลยแต่งกายเป็นพระภิกษุเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นพระภิกษุ และไม่ยอมออกไปจากวัดตามคำสั่งของเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว จึงเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 208, 368 วรรคแรก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 38 (1), 45
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4499/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งกายเป็นพระภิกษุโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าอาวาส ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
คณะสงฆ์ผู้พิจารณาชั้นต้นมีคำวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดล่วงละเมิดพระธรรมวินัยให้จำเลยลึกจากการเป็นพระภิกษุจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะสงฆ์การยื่นอุทธรณ์จะกระทำโดยชอบหรือไม่ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยซึ่งได้ลึกจากการเป็นพระภิกษุไปแล้วกลับมาเป็นพระภิกษุใหม่อีกการที่จำเลยแต่งกายเป็นพระภิกษุเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นพระภิกษุและไม่ยอมออกไปจากวัดตามคำสั่งของเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา208,368วรรคแรกพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ.2505มาตรา38(1),45
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4447/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาเช็คต้องระบุรายละเอียดหนี้ที่ชัดเจนและมีหลักฐานประกอบ
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมโดยมิได้บรรยายว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายทั้งโจทก์มิได้แนบสำเนาสัญญากู้ยืมมาท้ายฟ้อง คำฟ้องของโจทก์จึงขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)