คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยรรยง ปานุราช

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 519 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2043/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทของผู้เสียหายและการบรรเทาผลร้าย ลดหย่อนโทษจำคุก
แม้จำเลยเคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลในคดีก่อนมาแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้ว่าผู้เสียหายก็มีส่วนประมาทในการขับรถจักรยานยนต์ โดยไม่เปิดไฟหน้ารถ ทั้งจำเลยได้พยายามบรรเทาผลร้ายโดยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายแล้ว ศาลย่อมลงโทษจำคุกและปรับจำเลยในคดีนี้ แล้วยกโทษจำคุกตาม ป.อ. มาตรา 55 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานโทรมเด็กหญิง: การกระทำร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราโดยมีผู้ร่วมกระทำหลายคน
จำเลยที่2ดึงตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่จำเลยที่3ก็เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราต่อหลังจากนั้นจำเลยที่1ก็เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีกสลับกันไปทั้งจำเลยที่1ก็ให้การว่าจำเลยที่1ไปยืนรอจำเลยที่3อยู่ขณะที่จำเลยที่3กำลังร่วมเพศกับผู้เสียหายและเห็นจำเลยที่2กำลังใส่กางเกงและจำเลยที่3ก็ให้การว่าขณะที่จำเลยที่2กำลังร่วมเพศกับผู้เสียหายจำเลยที่1กับที่3ได้นั่งรออยู่ห่างประมาณ3เมตรหลังจากจำเลยที่2ลุกขึ้นจำเลยที่3จึงได้เข้าไปร่วมเพศกับผู้เสียหายและหลังเกิดเหตุเมื่อผู้เสียหายเดินกลับมาที่ร้านขายข้าวแกงที่ผู้เสียหายทำงานก็พบจำเลยทั้งสามนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันพฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันกระทำผิดอันมีลักษณะเป็นการ โทรมเด็กหญิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความ: จำเลยต้องแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความในคำให้การอย่างชัดเจน มิใช่แค่กล่าวอ้าง
การที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความแม้จำเลยไม่จำต้องอ้างตัวบทกฎหมายว่าขาดอายุความตามบทมาตราใดก็ตามแต่จำเลยต้องให้การโดยแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความให้ปรากฎว่าคดีโจทก์ขาดอายุความเมื่อใดนับแต่วันใดถึงวันฟ้องคดีขาดอายุความไปแล้วเมื่อจำเลยมิได้กล่าวถึงเหตุแห่งการขาดอายุความให้ปรากฎคำให้การของจำเลยจึง ไม่มี ประเด็นในเรื่อง อายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทนที่มิได้จดทะเบียน ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก จำเลยต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่จำเลยที่ 1 ออกเงินปลูกสร้างตึกแถวให้ ว.เจ้าของที่ดินเดิม และ ว.ยอมให้จำเลยที่ 1 เอาตึกแถวดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 2 เช่ามีกำหนดเวลารวม 20 ปี เป็นสัญญาต่างตอบแทนระหว่าง ว.กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลสิทธิอันผูกพันจำเลยที่ 1 กับ ว.คู่สัญญา โดยมีข้อตกลงว่าเมื่อครบ 20 ปีแล้ว ให้ตึกแถวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ ว.ทันที แต่ข้อตกลงนี้มิได้จดทะเบียนสิทธิเป็นสิทธิเหนือพื้นดิน จึงมีผลใช้บังคับได้ระหว่าง ว.กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 แม้โจทก์จะทราบสัญญานี้ก็ไม่ผูกพันโจทก์เพราะโจทก์มิได้ยินยอมตกลงกับจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อสัญญาดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะให้ตึกแถวนั้นคงอยู่ต่อไปในที่ดินของโจทก์ได้ จำเลยที่ 1 จึงต้องรื้อถอนตึกแถวออกไป ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น แม้จะจดทะเบียนสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปีก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิที่จะให้ตึกแถวอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้แล้ว ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นบริวารของจำเลยที่ 1จึงต้องออกไปจากที่ดินของโจทก์เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดิน: สัญญาเช่าที่ไม่ผูกพันผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาด จำเลยต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
การที่จำเลยที่1ออกเงินปลูกสร้างตึกแถวให้ ว. เจ้าของที่ดินเดิมและ ว. ยินยอมให้จำเลยที่1นำตึกแถวดังกล่าวไปให้จำเลยที่2เช่ามีกำหนด20ปีสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนระหว่าง ว. กับจำเลยที่1ซึ่งเป็นบุคคลสิทธิผูกพันเฉพาะคู่สัญญาส่วน ข้อตกลงที่ว่าเมื่อครบกำหนด20ปีแล้วให้ตึกแถวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ ว. แต่ข้อตกลงดังกล่าวมิได้นำไปจดทะเบียนสิทธิเป็นสิทธิเหนือพื้นดินจึงมีผลใช้บังคับได้ระหว่างคู่สัญญาเท่านั้นไม่มีผลผูกพันโจทก์ผู้ซื้อที่ดินซึ่งมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่1แม้โจทก์ทราบสัญญานี้ก็ไม่ผูกพันโจทก์เพราะโจทก์มิได้ยินยอมตกลงกับจำเลยที่1ด้วย ส่วนจำเลยที่2นั้นแม้จะ จดทะเบียนการเช่าตึกแถวกับจำเลยที่1มีกำหนด20ปีก็ตามแต่เมื่อจำเลยที่1ไม่มีสิทธิที่จะให้ตึกแถวอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้แล้วต้องถือว่าจำเลยที่2เป็น บริวารของจำเลยที่1จึงต้องออกไปจากที่ดินของโจทก์เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง: สัญญาเช่าที่ไม่ผูกพันผู้ซื้อที่ดินเดิม
การที่จำเลยที่ 1 ออกเงินปลูกสร้างตึกแถวให้ ว. เจ้าของที่ดินเดิม และ ว. ยอมให้จำเลยที่ 1 เอาตึกแถวดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 2 เช่า มีกำหนดเวลารวม 20 ปี เป็นสัญญาต่างตอบแทนระหว่าง ว. กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลสิทธิอันผูกพันจำเลยที่ 1 กับ ว. คู่สัญญา โดยมีข้อตกลงว่าเมื่อครบ 20 ปี แล้ว ให้ตึกแถวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ ว. ทันที แต่ข้อตกลงนี้มิได้จดทะเบียนสิทธิเป็นสิทธิเหนือพื้นดิน จึงมีผลใช้บังคับได้ระหว่าง ว. กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1แม้โจทก์จะทราบสัญญานี้ก็ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 แม้โจทก์จะทราบสัญญานี้ก็ไม่ผูกพันโจทก์เพราะโจทก์มิได้ยินยอมตกลงกับจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อสัญญาดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะให้ตึกแถวนั้นคงอยู่ต่อไปในที่ดินของโจทก์ได้ จำเลยที่ 1 จึงต้องรื้อถอนตึกแถวออกไป ส่วนจำเลยที่ 2นั้น แม้จะจดทะเบียนสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1ไม่มีสิทธิที่จะให้ตึกแถวอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้แล้ว ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นบริวารของจำเลยที่ 1 จึงต้องออกไปจากที่ดินของโจทก์เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355-1357/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองในที่ดินของผู้อื่น หากอ้างสิทธิเดิมแล้ว ไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์
คดีนี้จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมรดกตกทอดจากปู่ย่าตายายมาเป็นของจำเลยแม้จะให้การว่าได้ครอบครองที่ดินด้วยความสงบเปิดเผยและเจตนาเป็นเจ้าของแต่ก็เป็นการครอบครองที่ดินที่อ้างว่าจำเลยมีสิทธิอยู่แล้วกรณีหาใช่การครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของผู้อื่นไม่ปัญหาเรื่องการครอบครองที่ดินปรปักษ์ของผู้อื่นจึงเป็นเรื่องนอกคำให้การไม่ก่อให้เกิดประเด็นถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นกันมาในศาลชั้นต้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามโฉนดเลขที่3917ของโจทก์อันเป็นหลักฐานแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ส่วนแบบแจ้งการครอบครอง(ส.ค.1)ที่จำเลยอ้างเป็นหลักฐานว่าจำเลยที่1เป็นเจ้าของที่ดินมิใช่หลักฐานแสดงว่าเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์โจทก์จึงมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้สองสถานและการดำเนินการเมื่อคู่ความถึงแก่ความตาย
การชี้สองสถานเป็นการนั่งพิจารณาอย่างหนึ่งตาม ป.วิ.พ.มาตรา 1 (9)
แม้ศาลชั้นต้นจะได้กำหนดวันนัดชี้สองสถานในวันที่ 7 พฤษภาคม2536 และทนายโจทก์ได้รับหมายนัดชี้สองสถานเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2536 แล้วแต่โจทก์ได้ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2536 ก่อนที่ทนายโจทก์จะได้รับหมายและก่อนวันชี้สองสถาน เมื่อนาง ย. ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ได้ยื่นคำร้องแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบถึงความมรณะของโจทก์ ศาลชั้นต้นต้องสั่งเลื่อนการนัดชี้สองสถานที่นัดไว้ไปก่อนจนกว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้นาง ย. เข้ามาเป็นคู่ความแทน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 และเมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว ศาลชั้นต้นต้องแจ้งกำหนดวันนัดชี้สองสถานใหม่ให้คู่ความทราบล่วงหน้าตามกฎหมาย การที่ศาลชั้นต้นดำเนินการชี้สองสถานไปเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2536 เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้สองสถานหลังคู่ความถึงแก่กรรม ศาลต้องเลื่อนการพิจารณาจนกว่าทายาทจะเข้ามาเป็นคู่ความแทน
การชี้สองสถานเป็นการนั่งพิจารณาอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา1(9) แม้ศาลชั้นต้นจะได้กำหนดวันนัดชี้สองสถานในวันที่7พฤษภาคม2536และทนายโจทก์ได้รับหมายนัดชี้สองสถานเมื่อวันที่11มีนาคม2536แล้วแต่โจทก์ได้ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่10มีนาคม2536ก่อนที่ทนายโจทก์จะได้รับหมายและก่อนวันชี้สองสถานเมื่อนางย.ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ได้ยื่นคำร้องแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบถึงความมรณะของโจทก์ศาลชั้นต้นต้องสั่งเลื่อนการนัดชี้สองสถานที่นัดไว้ไปก่อนจนกว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้นางย. เข้ามาเป็นคู่ความแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา42และเมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วศาลชั้นต้นต้องแจ้งกำหนดวันนัดชี้สองสถานใหม่ให้คู่ความทราบล่วงหน้าตามกฎหมายการที่ศาลชั้นต้นดำเนินการชี้สองสถานไปเมื่อวันที่7พฤษภาคม2536เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 750/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเวนคืน: คำวินิจฉัยช้าทำให้ระยะเวลาฟ้องคดีเริ่มต้นใหม่
พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2530มาตรา26วรรคหนึ่งบัญญัติว่า"ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนยังไม่พอใจในคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีตามมาตรา25หรือในกรณีที่รัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลาตามมาตรา25วรรคสองให้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีหรือนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วแต่กรณี"ดังนั้นหากโจทก์ประสงค์จะฟ้องคดีต่อศาลโจทก์จะต้องยื่นคำฟ้องเสียภายใน1ปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีซึ่งตามมาตรา25วรรคสองบัญญัติว่าให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จสิ้นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำอุทธรณ์แต่หากรัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยให้เสร็จสิ้นภายในเวลาดังกล่าวก็ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเสียภายใน1ปีนับแต่วันพ้นกำหนดหกสิบวันแต่วันที่รัฐมนตรีได้รับคำอุทธรณ์แต่คดีนี้รัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลาตามมาตรา25วรรคสองโดยเพิ่งจะแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบวันที่25มกราคม2536เป็นระยะเวลาหลังจากที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์เกือบ3ปีโจทก์จึงต้องยื่นคำฟ้องเสียภายใน1ปีนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาวินิจฉัยอุทธรณ์ตามมาตรา25วรรคสองคือต้องยื่นคำฟ้องภายในวันที่24มิถุนายน2534แต่โจทก์ยื่นคำฟ้องเมื่อวันที่28มกราคม2537อำนาจการฟ้องคดีของโจทก์จึงเป็นอันสิ้นไป
of 52