คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุชาติ ถาวรวงษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2443/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำเอกสารให้พยานฝ่ายตรงข้ามดูแล้วส่งศาล ถือเป็นการสืบพยานหลักฐานนอกอำนาจจำเลยขาดนัด
เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์ไม่มีสิทธินำพยานของจำเลยเข้าสืบไม่ว่าพยานบุคคลหรือพยานเอกสารการที่จำเลยนำเอกสารมาให้พยานโจทก์ดูประกอบการถามค้านพยานโจทก์แล้วส่งเอกสารนั้นต่อศาลโดยที่พยานโจทก์ไม่ได้เบิกความรับรองข้อความในเอกสารดังกล่าวเท่ากับจำเลยเรียกพยานหลักฐานของตนเข้าสืบฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา199วรรคสองจึงต้องห้ามมิให้รับฟัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2443/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำเอกสารให้พยานโจทก์ดูแล้วส่งต่อศาลโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ถือเป็นการสืบพยานหลักฐานของจำเลยและศาลไม่ควรนำมาวินิจฉัย
เมื่อศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา199วรรคสองการที่จำเลยนำเอกสารมาให้พยานโจทก์ดูประกอบการถามค้านแล้วส่งเอกสารนั้นต่อศาลโดยที่พยานโจทก์ไม่ได้เบิกความรับรองข้อความในเอกสารเท่ากับจำเลยเรียกพยานหลักฐานของตนเข้าสืบจึงต้องห้ามมิให้รับฟังการที่ศาลนำเอาเอกสารดังกล่าวมาวินิจฉัยประกอบคำเบิกความของตัวจำเลยจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2443/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ สิทธิการสืบพยานหลักฐานถูกจำกัด
เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์ ไม่มีสิทธินำพยานของจำเลยเข้าสืบ ไม่ว่าพยานบุคคลหรือพยานเอกสาร การที่จำเลยนำเอกสารมาให้พยานโจทก์ดูประกอบการถามค้านพยานโจทก์แล้วส่งเอกสารนั้นต่อศาล โดยที่พยานโจทก์ไม่ได้เบิกความรับรองข้อความในเอกสารดังกล่าวเท่ากับจำเลยเรียกพยานหลักฐานของตนเข้าสืบฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 199 วรรคสอง จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีเช็ค: การแลกเปลี่ยนเช็คชุดใหม่ถือเป็นการสละสิทธิในเช็คชุดเดิม ทำให้สิทธิฟ้องอาญาเป็นอันระงับ
การที่ผู้เสียหายยอมรับเช็คจำนวน25ฉบับจากจำเลยที่1แทนเช็คพิพาทแม้ในขณะรับเช็คดังกล่าวผู้เสียหายยังไม่คืนเช็คพิพาทแก่จำเลยแต่มีการทำบันทึกไว้ว่า"เช็คชุดเก่ายังไม่ได้คืน"ทั้งปรากฏว่าผู้เสียหายได้นำเช็คที่จำเลยออกให้ใหม่บางฉบับที่ถึงกำหนดไปเรียกเก็บเงินแสดงว่าผู้เสียหายเจตนาเข้าถือสิทธิตามเช็คดังกล่าวแล้วย่อมเป็นการสละสิทธิในเช็คพิพาทรวมทั้งสิทธิที่จะดำเนินคดีอาญากับจำเลยถือได้ว่าเป็นการ ยอมความ สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับสิ้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีเช็ค: การแลกเปลี่ยนเช็คชุดเก่ากับชุดใหม่ถือเป็นการสละสิทธิในการฟ้องคดีอาญา
จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่ผู้เสียหายเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินผู้เสียหายนำเช็คพิพาทไปร้องทุกข์และมอบไว้ต่อพนักงานสอบสวนต่อมาผู้เสียหายยอมรับเช็คจำนวน25ฉบับจากจำเลยเป็นการแลกเปลี่ยนกับเช็คพิพาทโดยยินยอมคืนเช็คพิพาทให้แก่จำเลยแต่ยังไม่อาจคืนให้ในขณะที่รับเช็ค25ฉบับจึงได้บันทึกไว้ในเอกสารว่าเช็คชุดเก่ายังไม่ได้คืนและผู้เสียหายได้นำเช็คบางฉบับของจำนวน25ฉบับที่ถึงกำหนดจ่ายเงินไปเรียกเก็บเงินแล้วแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายตกลงเข้าถือสิทธิตามเช็คดังกล่าวและสละสิทธิหรือไม่ยึดถือสิทธิใดๆที่มีอยู่ในเช็คพิพาทอีกต่อไปรวมทั้งสิทธิที่จะดำเนินคดีอาญาเอากับจำเลยด้วยข้อตกลงดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการยอมความกันทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องสำหรับเช็คพิพาทระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)การที่ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินตามเช็คจำนวน25ฉบับตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนเช็คก็ไม่เป็นเงื่อนไขในการตกลงยอมความกันเพราะผู้เสียหายชอบที่จะดำเนินคดีแก่ผู้ออกเช็คจำนวน25ฉบับเป็นคดีใหม่ต่อไปได้และไม่ทำให้สิทธิดำเนินคดีอาญาในเช็คพิพาทซึ่งระงับไปแล้วเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความแลกเปลี่ยนเช็คทำให้สิทธิฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับเช็คเดิมระงับ
การที่ผู้เสียหายยอมรับเช็คจำนวน25ฉบับเป็นการ แลกเปลี่ยนกับเช็คพิพาทโดยยอมคืนเช็คพิพาทแก่จำเลยที่1แต่ยังไม่อาจคืนให้ในขณะรับเช็ค25ฉบับและผู้เสียหายนำเช็คบางฉบับของจำนวน25ฉบับไปเรียกเก็บเงินแล้วแสดงว่าผู้เสียหายตกลงเข้าถือสิทธิตามเช็คดังกล่าวและสละสิทธิหรือไม่ยึดถือสิทธิใดๆที่มีอยู่ในเช็คพิพาทอีกต่อไปรวมทั้งสิทธิที่จะดำเนินคดีอาญาเอากับจำเลยที่2ซึ่งเป็นผู้ออกเช็คด้วยข้อตกลงแลกเปลี่ยนเช็คดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการยอมความกันทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องสำหรับเช็คพิพาทระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2) การที่ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินตามเช็คจำนวน25ฉบับตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนเช็คไม่ทำให้สิทธิดำเนินคดีอาญาในเช็คพิพาทซึ่งระงับไปแล้วเปลี่ยนแปลงไปเพราะผู้เสียหายสามารถที่จะดำเนินคดีแก่ผู้ออกเช็คจำนวน25ฉบับเป็นคดีใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงแลกเปลี่ยนเช็ค: ผลกระทบต่อสิทธิฟ้องคดีอาญา
การที่ผู้เสียหายยอมรับเช็คจำนวน 25 ฉบับ เป็นการแลกเปลี่ยนกับเช็คพิพาท โดยยอมคืนเช็คพิพาทแก่จำเลยที่ 1 แต่ยังไม่อาจคืนให้ในขณะรับเช็ค25 ฉบับ และผู้เสียหายนำเช็คบางฉบับของจำนวน 25 ฉบับ ไปเรียกเก็บเงินแล้วแสดงว่าผู้เสียหายตกลงเข้าถือสิทธิตามเช็คดังกล่าวและสละสิทธิหรือไม่ยึดถือสิทธิใด ๆ ที่มีอยู่ในเช็คพิพาทอีกต่อไป รวมทั้งสิทธิที่จะดำเนินคดีอาญาเอากับจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นผู้ออกเช็คด้วย ข้อตกลงแลกเปลี่ยนเช็คดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการยอมความกัน ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องสำหรับเช็คพิพาทระงับไป ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)
การที่ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินตามเช็คจำนวน 25 ฉบับ ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนเช็ค ไม่ทำให้สิทธิดำเนินคดีอาญาในเช็คพิพาทซึ่งระงับไปแล้วเปลี่ยนแปลงไป เพราะผู้เสียหายสามารถที่จะดำเนินคดีแก่ผู้ออกเช็คจำนวน 25 ฉบับ เป็นคดีใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานตั้งสถานบริการต้องระบุให้ชัดเจนว่ามีหญิงบำเรอหรือบริการอื่นตามกฎหมาย มิเช่นนั้นฟ้องจะขาดสาระสำคัญ
โจทก์บรรยายฟ้องระบุถึงสถานที่ที่อ้างว่าจำเลยตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์จากลูกค้าซึ่งเป็นสถานที่ที่มีอาหารสุราหรือเครื่องดื่มจำหน่ายอันเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้าเท่านั้นโดยมิได้ระบุว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้าหรือโดยมีที่พักผ่อนหลับนอนหรือมีบริการนวดแก่ลูกค้าการบรรยายดังกล่าวไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าสถานที่ที่อ้างว่าจำเลยจัดตั้งเป็นสถานที่ที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้าเพราะสถานที่ซึ่งมีบริการให้แก่ลูกค้าอาจมิใช่สถานที่ที่มีหญิงบำเรอก็ได้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิดถือไม่ได้ว่าสถานที่ที่จำเลยจัดตั้งดังกล่าวเป็นสถานที่บริการตามความหมายของมาตรา3(2)จึงลงโทษจำเลยในข้อหานี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานตั้งสถานบริการ: การบรรยายฟ้องต้องชัดเจนถึงการมีหญิงบำเรอ
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับความผิดข้อหาตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตตามคำฟ้องข้อ ก.ว่า "จำเลยได้ตั้งสถานบริการชื่อ "บาร์มิสตี้"โดยจัดให้มีการจำหน่ายสุรา อาหาร เครื่องดื่ม และมีผู้บริการให้แก่ลูกค้า โดยมิได้รับอนุญาตก่อนการจัดตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย" ตามคำฟ้องดังกล่าวเห็นได้ว่าโจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 3 (2) แต่อ้างบทมาตราผิดเป็นมาตรา 3 (3) ซึ่งถ้าฟ้องโจทก์ครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 3 (2)ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 3 (2) ที่ถูกต้องได้ แต่เมื่อโจทก์ระบุถึงสถานที่ที่อ้างว่าจำเลยตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์จากลูกค้าซึ่งเป็นสถานที่ที่มีอาหารสุรา หรือเครื่องดื่มจำหน่าย อันเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้าเท่านั้น โดยมิได้ระบุว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้าหรือโดยมีที่พักผ่อนหลับนอนหรือมีบริการนวดแก่ลูกค้า การบรรยายดังกล่าวไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่า สถานที่ที่อ้างว่าจำเลยจัดตั้งเป็นสถานที่ที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้า เพราะสถานที่ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้าอาจมิใช่สถานที่ที่มีหญิงบำเรอก็ได้ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด ถือไม่ได้ว่าสถานที่ที่จำเลยจัดตั้งดังกล่าวเป็นสถานบริการตามความหมายของมาตรา 3 (2)จึงลงโทษจำเลยในข้อหานี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งสถานบริการต้องมีองค์ประกอบครบถ้วนตามกฎหมาย หากบรรยายฟ้องไม่ชัดเจนถึงองค์ประกอบสำคัญ ศาลไม่สามารถลงโทษได้
โจทก์บรรยายฟ้องระบุถึงสถานที่ที่อ้างว่าจำเลยตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์จากลูกค้าซึ่งเป็นสถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มจำหน่ายอันเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้าเท่านั้น โดยมิได้ระบุว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้าหรือโดยมีที่พักผ่อนหลับนอนหรือมีบริการนวดแก่ลูกค้าการบรรยายดังกล่าวไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าสถานที่ที่อ้างว่าจำเลยจัดตั้งเป็นสถานที่ที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้าเพราะสถานที่ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้าอาจมิใช่สถานที่ที่มีหญิงบำเรอก็ได้ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด ถือไม่ได้ว่าสถานที่ที่จำเลยจัดตั้งดังกล่าวเป็นสถานที่บริการตามความหมายของมาตรา 3(2) จึงลงโทษจำเลยในข้อหานี้ไม่ได้
of 65