พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2723/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาบาดแผลและการเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของผู้สูงอายุ
จำเลยชิงทรัพย์ผู้ตายโดยใช้กำลังประทุษร้าย แพทย์ตรวจบาดแผลในชั้นแรกระบุว่ามีบาดแผลที่หางคิ้ว ศีรษะด้านหน้า โคนลิ้นด้านล่างแขนซ้ายบวมช้ำแดง สมองได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย รักษาตัวในโรงพยาบาล 37 วัน แล้วถึงแก่ความตาย ระหว่างนั้นไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้รับอุบัติเหตุเพิ่มเติม แพทย์ตรวจชันสูตรพลิกศพพบว่าซี่โครงหัก 6 ซี่ มีน้ำในช่องปอดระบุว่าผู้ตายถูกทำร้ายได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง และลำตัวบอบช้ำมากเชื่อได้ว่าเกิดจากการทำร้ายของจำเลย ประกอบกับชราภาพอาการบาดเจ็บทรุดหนักทำการรักษาลำบาก หากชราภาพและไม่ได้รับการกระทบกระเทือนก็จะไม่ตาย ดังนี้เห็นได้ว่าการตายเป็นผลจากการประทุษร้ายของจำเลยซึ่งเป็นผลที่ตามธรรมดาย่อมเกิดขึ้นได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 63 จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2723/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์ทำให้ถึงแก่ความตาย ความรับผิดทางอาญา
จำเลยชิงทรัพย์ผู้ตายโดยใช้กำลังประทุษร้าย แพทย์ตรวจบาดแผลในชั้นแรกระบุว่ามีบาดแผลที่หางคิ้ว ศีรษะด้านหน้า โคนลิ้นด้านล่างแขนซ้ายบวมช้ำแดง สมองได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย รักษาตัวในโรงพยาบาล 37 วัน แล้วถึงแก่ความตาย ระหว่างนั้นไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้รับอุบัตเหตุเพิ่มเติม แพทย์ตรวจชันสูตรพลิกศพพบว่าซี่โครงหัก 6 ซี่ มีน้ำในช่องปอดระบุว่าผู้ตายถูกทำร้ายได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง และลำตัวบอบช้ำมากเชื่อได้ว่าเกิดจากการทำร้ายของจำเลย ประกอบกับชราภาพอาการบาดเจ็บทรุดหนักทำการรักษาลำบาก หากชราภาพและไม่ได้รับการกระทบกระเทือนก็จะไม่ตาย ดังนี้ เห็นได้ว่าการตายเป็นผลจากการประทุษร้ายของจำเลยซึ่งเป็นผลที่ตามธรรมดาย่อมเกิดขึ้นได้ ตาม ป.อาญา มาตรา 63 จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภาระจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่อง ทางสาธารณะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ทางพิพาทเป็นทางเดินสาธารณะอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินโจทก์ โจทก์ได้ใช้ทางเดินดังกล่าวออกสู่ถนนนานเกินกว่าสิบปีจนทางเดินตกเป็นทางภาระจำยอม ดังนี้ ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทาง-สาธารณะตามที่บรรยายฟ้องมาได้ ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องทางสาธารณประโยชน์ย่อมไม่ถือเป็นคำพิพากษานอกฟ้อง แม้จะขอเป็นทางภารจำยอม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ทางพิพาทเป็นทางเดินสาธารณะอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินโจทก์ โจทก์ได้ใช้ทางเดินดังกล่าวออกสู่ถนนนานเกินกว่าสิบปีจนทางเดินตกเป็นทางภารจำยอม ดังนี้ ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะตามที่บรรยายฟ้องมาได้ ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2480/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมเพื่อเคลียร์เงินทดรองจ่าย แม้มีการชำระหนี้ภายหลัง ก็เป็นการกระทำความผิดฐานใช้เอกสารปลอม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้เอกสารปลอมและฉ้อโกง ศาลชั้นต้นลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม ยกฟ้องฐานฉ้อโกง คดีสำหรับโจทก์จึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 22 การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์โจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารปลอมให้หนักขึ้น ทั้งรับอุทธรณ์โจทก์ที่ขอให้ลงโทษฐานปลอมเอกสารซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์ในปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องในข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ก็ถือว่าปัญหาเกี่ยวกับข้อหาปลอมเอกสารและสมควรลงโทษหนักขึ้นในข้อหาใช้เอกสารปลอมหรือไม่นั้น มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาโจทก์ในปัญหาดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโฆษณาเพื่อตอบโต้การทำลายชื่อเสียงของคู่แข่งทางการค้า ถือเป็นการป้องกันตนตามคลองธรรม ไม่เป็นการละเมิด
โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างเป็นผู้ประกอบกิจการค้าภาพยนตร์ด้วยกันก่อนโจทก์ได้ลิขสิทธิ์การฉายภาพยนตร์พิพาท จำเลยที่ 1ได้โฆษณาแนะนำภาพยนตร์พิพาทมาก่อน ต่อมาเมื่อโจทก์ได้ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์พิพาท โจทก์โฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันทำนองว่าโจทก์ทุ่มเงินซื้อภาพยนตร์พิพาททำให้จำเลยที่ 1 ช้ำใจ เสียหน้า เสียน้ำตาเมื่อโจทก์เริ่มทำการฉายภาพยนตร์พิพาทแล้วก็ยังมีการโฆษณาเป็นทำนองทำลายชื่อเสียงของจำเลยที่ 1 อยู่เรื่อย ๆ ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์มีเจตนาทำลายชื่อเสียงจำเลยที่ 1 ทำให้ได้รับความเสื่อมเสียการที่จำเลยที่ 1 ออกโฆษณาโต้ตอบเพื่อป้องกันความเสียหายอันจะพึงเกิดขึ้นโดยตรง และเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อป้องกันความเสียหายอันจะเกิดแก่จำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนตามคลองธรรม ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาขอรับรถคืนก่อนศาลสั่งริบ เป็นหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ของผู้ร้องว่ามิได้รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิด
การที่ผู้ร้องได้บอกเลิกสัญญาและขอรับรถยนต์บรรทุกและรถกึ่งพ่วงของกลางคืนจากผู้เช่าซื้อก่อนที่ศาลสั่งริบรถยนต์บรรทุกและรถกึ่งพ่วงของกลางในคดีนี้แล้วนั้น แสดงว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินมือเปล่า การส่งมอบการครอบครองเป็นหลักฐานสำคัญแสดงเจตนาซื้อขาย
การซื้อขายที่ดินมือเปล่าย่อมกระทำได้โดยทำการตกลงและส่งมอบการครอบครองให้แก่ฝ่ายผู้ซื้อ เมื่อจำเลยและสามีตกลงขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าให้แก่โจทก์และสามี พร้อมทั้งแสดงเจตนาสละการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และสามี โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินมือเปล่า: การตกลงและส่งมอบการครอบครองเป็นหลักฐาน
การซื้อขายที่ดินมือเปล่าย่อมกระทำได้โดยทำการตกลงและส่งมอบการครอบครองให้แก่ฝ่ายผู้ซื้อ เมื่อจำเลยและสามีตกลงขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าให้แก่โจทก์และสามี พร้อมทั้งแสดงเจตนาสละการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และสามี โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2192/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดให้ชัดเจน เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5เบิกความเท็จต่อศาลในการพิจารณาคดีอาญาของศาลชั้นต้นซึ่งมีข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 โดยระบุรายละเอียดข้อความที่จำเลยดังกล่าวเบิกความกับความจริงเป็นอย่างไรและว่าคำเบิกความของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดีมาด้วยแต่เมื่อโจทก์มิได้บรรยายว่าเป็นข้อหาความผิดตามบทมาตราใดในพระราชบัญญัติดังกล่าว และประเด็นสำคัญของคดีมีว่าอย่างไรอีกทั้งคำเบิกความของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อสำคัญอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)