พบผลลัพธ์ทั้งหมด 295 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7839/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขายรถยนต์ที่ถูกลักมา และสิทธิการหักประโยชน์จากการใช้รถ
โจทก์ได้ซื้อรถคันพิพาทไปจากจำเลยทั้งสองในราคา 300,000บาท โดยไม่ทราบว่าเป็นรถที่ถูกลักมาและมีใบคู่มือการจดทะเบียนปลอมมาก่อน ต่อมาเจ้าพนักงานได้ตรวจพบว่าใบคู่มือการจดทะเบียนของรถคันพิพาทเป็นเอกสารปลอมจึงมีการยึดรถคันพิพาทไปจากโจทก์เพื่อคืนให้แก่เจ้าของที่แท้จริง จำเลยทั้งสองในฐานะผู้ขายจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ถูกรอนสิทธิโดยชดใช้ราคารถคันพิพาทแก่โจทก์
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิหักเงินที่โจทก์ได้รับประโยชน์จากการใช้รถคันพิพาทจากโจทก์ด้วยนั้น การที่โจทก์ได้รับประโยชน์จากการใช้รถคันพิพาทนั้น มิใช่เป็นค่าหรือราคารถคันพิพาทที่จำเลยจะต้องส่งคืน จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิที่จะนำเงินจำนวนดังกล่าวมาหักกับราคาของรถคันพิพาทได้
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยในปัญหาที่ว่าความเสียหายอันเกิดแต่การรอนสิทธินั้น โจทก์มีส่วนก่อให้เกิดขึ้น โจทก์จึงต้องรับผิดในจำนวนค่าเสียหายกึ่งหนึ่งด้วยนั้น ในปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในศาลชั้นต้น แม้จำเลยทั้งสองจะได้อุทธรณ์ในข้อนี้มาด้วย ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิหักเงินที่โจทก์ได้รับประโยชน์จากการใช้รถคันพิพาทจากโจทก์ด้วยนั้น การที่โจทก์ได้รับประโยชน์จากการใช้รถคันพิพาทนั้น มิใช่เป็นค่าหรือราคารถคันพิพาทที่จำเลยจะต้องส่งคืน จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิที่จะนำเงินจำนวนดังกล่าวมาหักกับราคาของรถคันพิพาทได้
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยในปัญหาที่ว่าความเสียหายอันเกิดแต่การรอนสิทธินั้น โจทก์มีส่วนก่อให้เกิดขึ้น โจทก์จึงต้องรับผิดในจำนวนค่าเสียหายกึ่งหนึ่งด้วยนั้น ในปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในศาลชั้นต้น แม้จำเลยทั้งสองจะได้อุทธรณ์ในข้อนี้มาด้วย ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7633/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายพิเศษจากสัญญาซื้อขาย: หลักการคาดการณ์ได้และภาระการรับผิด
เมื่อโจทก์ทั้งสองผิดสัญญาไม่ยอมรับซื้อที่ดินพิพาทตามสัญญาความเสียหายตามปกติที่เกิดขึ้นก็คือจำเลยทั้งสองไม่ได้รับชำระราคาที่เหลือหรือค่าเสียหายใด ๆ อันได้ตกลงไว้ในสัญญาชัดแจ้ง แต่ถ้าหากเป็นความเสียหายอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวมาแล้วก็ได้แก่ความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ
ค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสองถูกริบมัดจำก็ดี หรือการที่จะได้รับกำไร หากโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินพิพาทตามสัญญาตามที่คาดหวังล่วงหน้าไว้ก่อนก็ดี ล้วนเป็นกรณีที่จำเลยทั้งสองได้กระทำไปส่วนตัวหรือคาดหวังไปเอง จึงถือได้ว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากโจทก์ทั้งสองจะต้องรับผิดก็ต้องเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้า เมื่อโจทก์ทั้งสองมิได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้ามาก่อน โจทก์ทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยทั้งสอง
ค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสองถูกริบมัดจำก็ดี หรือการที่จะได้รับกำไร หากโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินพิพาทตามสัญญาตามที่คาดหวังล่วงหน้าไว้ก่อนก็ดี ล้วนเป็นกรณีที่จำเลยทั้งสองได้กระทำไปส่วนตัวหรือคาดหวังไปเอง จึงถือได้ว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากโจทก์ทั้งสองจะต้องรับผิดก็ต้องเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้า เมื่อโจทก์ทั้งสองมิได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้ามาก่อน โจทก์ทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7516/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นในการรับรองการกระทำของกรรมการ และขอบเขตการลงมติ
ตามรายงานการประชุม มีลักษณะเป็นการรับรอง หรือให้ความเห็นชอบต่อการกระทำของกรรมการที่ได้กระทำไปในรอบปีที่ผ่านมา และมีอำนาจที่จะลงมติเช่นนั้นได้ ไม่ปรากฏว่าที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นยกเลิกความรับผิดชอบของกรรมการที่ได้กระทำไปโดยชอบ ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นได้ลงมติปลดหรือยกเลิกการกระทำของกรรมการที่ได้กระทำความผิดหรือกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย หรือข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด และไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายในป.พ.พ. ลักษณะ 22 บัญญัติห้ามมิให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นลงมติเช่นนี้ได้ การที่ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของบริษัทจำเลยที่ 1 ลงมติเช่นนี้จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.พ.พ. มาตรา 1195
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7516/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการรับรอง/ยกเลิกความรับผิดของกรรมการ และขอบเขตการเพิกถอนมติ
ตามรายงานการประชุมมีลักษณะเป็นการรับรองหรือให้ความเห็นชอบต่อการกระทำของกรรมการที่ได้กระทำไปในรอบปีที่ผ่านมาและมีอำนาจที่จะลงมติเช่นนั้นได้ไม่ปรากฏว่าที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นยกเลิกความรับผิดชอบของกรรมการที่ได้กระทำไปโดยชอบที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นได้ลงมติปลดหรือยกเลิกการกระทำของกรรมการที่ได้กระทำความผิดหรือกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่1แต่อย่างใดและไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะ22บัญญัติห้ามมิให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นลงมติเช่นนี้ได้การที่ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของบริษัทจำเลยที่1ลงมติเช่นนี้จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1195
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7404/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารมหาชนเป็นหลักฐานได้ & อายุความการแบ่งมรดก: ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้แบ่งมรดกแม้เลยอายุความ
สำนวนคดีของศาลในคดีเรื่องอื่นซึ่งเป็นรายงานและสำนวนความของศาลที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน โดยให้ประชาชนได้ตรวจดูและอ้างเป็นพยาน ในสำนวนได้ ถือว่าเป็นเอกสารมหาชน จึงได้รับประโยชน์จาก ข้อสันนิษฐานเป็นคุณไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7254/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้เอกสารท้ายฟ้องเป็นภาษาต่างประเทศ จำเลยมีหน้าที่ชำระเงินเมื่อติดตั้งเครื่องปรับสภาพน้ำแล้ว
คำฟ้องของโจทก์บรรยายมาเป็นภาษาไทยชัดแจ้งแล้วเกี่ยวกับการซื้อเครื่องปรับสภาพน้ำการติดตั้งและการชำระราคาจำเลยย่อมเข้าใจได้ดีกฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องส่งเอกสารมาท้ายคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา18โจทก์อาจอ้างเอกสารเป็นพยานเมื่อจำเลยปฏิเสธและมีการสืบพยานแม้โจทก์จะไม่ได้ทำคำแปลเอกสารท้ายฟ้องเป็นภาษาไทยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา46วรรคสามบัญญัติไว้แต่เพียงว่าให้ศาลสั่งให้คู่ความที่ส่งทำคำแปลแนบไว้กับต้นฉบับเท่านั้นฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม จำเลยซื้อเครื่องปรับสภาพน้ำจากโจทก์และชำระราคาบางส่วนเมื่อโจทก์ติดตั้งให้จำเลยเรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้ผิดสัญญาจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินส่วนที่เหลือให้แก่โจทก์ส่วนเครื่องปรับสภาพน้ำที่โจทก์ติดตั้งให้นั้นมีความชำรุดบกพร่องซึ่งโจทก์ต้องแก้ไขให้ตามสัญญานั้นเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องดำเนินการตามข้อสัญญาที่มีอยู่อีกส่วนหนึ่งจะอ้างมาเป็นเหตุไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7254/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารประกอบฟ้องไม่เคลือบคลุม & หน้าที่ชำระราคาตามสัญญา แม้มีข้อบกพร่อง
คำฟ้องของโจทก์บรรยายมาเป็นภาษาไทยชัดแจ้งแล้วเกี่ยวกับการซื้อเครื่องปรับสภาพน้ำ การติดตั้งและการชำระราคา จำเลยย่อมเข้าใจได้ดีกฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องส่งเอกสารมาท้ายคำฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18โจทก์อาจอ้างเอกสารเป็นพยานเมื่อจำเลยปฏิเสธและมีการสืบพยาน แม้โจทก์จะไม่ได้ทำคำแปลเอกสารท้ายฟ้องเป็นภาษาไทย ป.วิ.พ. มาตรา 46 วรรคสามบัญญัติไว้แต่เพียงว่า ให้ศาลสั่งให้คู่ความที่ส่งทำคำแปลแนบไว้กับต้นฉบับเท่านั้นฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยซื้อเครื่องปรับสภาพน้ำจากโจทก์และชำระราคาบางส่วนเมื่อโจทก์ติดตั้งให้จำเลยเรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้ผิดสัญญา จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินส่วนที่เหลือให้แก่โจทก์ ส่วนเครื่องปรับสภาพน้ำที่โจทก์ติดตั้งให้นั้นมีความชำรุดบกพร่อง ซึ่งโจทก์ต้องแก้ไขให้ตามสัญญานั้น เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องดำเนินการตามข้อสัญญาที่มีอยู่อีกส่วนหนึ่ง จะอ้างมาเป็นเหตุไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์หาได้ไม่
จำเลยซื้อเครื่องปรับสภาพน้ำจากโจทก์และชำระราคาบางส่วนเมื่อโจทก์ติดตั้งให้จำเลยเรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้ผิดสัญญา จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินส่วนที่เหลือให้แก่โจทก์ ส่วนเครื่องปรับสภาพน้ำที่โจทก์ติดตั้งให้นั้นมีความชำรุดบกพร่อง ซึ่งโจทก์ต้องแก้ไขให้ตามสัญญานั้น เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องดำเนินการตามข้อสัญญาที่มีอยู่อีกส่วนหนึ่ง จะอ้างมาเป็นเหตุไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7141/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับคดีดอกเบี้ย: กำหนดเพดานดอกเบี้ยที่ชัดเจนเฉพาะช่วงเวลาที่ศาลพิพากษา
เมื่อคำพิพากษาได้กำหนดโดยชัดแจ้งแล้วว่า ให้จำเลยและ พ.ร่วมกันชำระเงินต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2533 จนถึงวันที่ 1สิงหาคม 2533 ให้แก่ผู้ร้อง แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2533 คำนวณไม่เกินจำนวน 216,260.53 บาท ซึ่งย่อมหมายความว่าเฉพาะดอกเบี้ยก่อนวันที่ 1สิงหาคม 2533 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องฟ้องจำเลย จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยในส่วนนี้ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2533 จนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2533 เท่านั้น และการคิดคำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ห้ามมิให้เกินจำนวน 216,260.53 บาท มิได้หมายความรวมไปถึงดอกเบี้ยส่วนอื่นก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2533 ซึ่งเป็นส่วนที่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7141/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับคดีตามคำพิพากษา: การจำกัดจำนวนดอกเบี้ยที่ศาลพิพากษาให้ชำระ
เมื่อคำพิพากษาได้กำหนดโดยชัดแจ้งแล้วว่าให้จำเลยและพ.ร่วมกันชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่31มกราคม2533จนถึงวันที่1สิงหาคม2533ให้แก่ผู้ร้องแต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยก่อนวันที่1สิงหาคม2533คำนวณไม่เกินจำนวน216,260.53บาทซึ่งย่อมหมายความว่าเฉพาะดอกเบี้ยก่อนวันที่1สิงหาคม2533ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยจำเลยต้องชำระดอกเบี้ยในส่วนนี้ระหว่างวันที่31มกราคม2533จนถึงวันที่1สิงหาคม2533เท่านั้นและการคิดคำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดห้ามมิให้เกินจำนวน216,260.53บาทมิได้หมายความรวมไปถึงดอกเบี้ยส่วนอื่นก่อนวันที่1สิงหาคม2533ซึ่งเป็นส่วนที่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7017/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังเอกสารประกอบคำเบิกความ แม้จำเลยมิได้ถามค้านพยานโจทก์
ป.วิ.พ. มาตรา 89 วรรคสอง
แม้จำเลยผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังมิได้ถามค้านตัวโจทก์ที่นำสืบก่อนเกี่ยวกับบันทึกถ้อยคำ (ท.ด.16) ไว้ขณะที่โจทก์เบิกความเป็นพยานก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้คัดค้านเสียในขณะที่จำเลยอ้างส่งเอกสารดังกล่าวประกอบคำเบิกความจำเลย จึงไม่ต้องห้ามรับฟังเอกสารนั้น
แม้จำเลยผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังมิได้ถามค้านตัวโจทก์ที่นำสืบก่อนเกี่ยวกับบันทึกถ้อยคำ (ท.ด.16) ไว้ขณะที่โจทก์เบิกความเป็นพยานก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้คัดค้านเสียในขณะที่จำเลยอ้างส่งเอกสารดังกล่าวประกอบคำเบิกความจำเลย จึงไม่ต้องห้ามรับฟังเอกสารนั้น