คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชัยนาท พันตาวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 295 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7062/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลและการปฏิบัติตามเงื่อนไขก่อนอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้งดการชี้สองสถานและงดสืบพยานศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ อ้างว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ ดังนั้น การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลซึ่งถือได้ว่าไม่ปฎิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.มาตรา 234 กำหนดไว้ กรณีหาจำต้องให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกำหนดเวลาให้จำเลยปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวก่อนไม่ การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7059/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยชอบ และความรับผิดในมูลละเมิดของผู้เอาประกันภัย
กรมธรรม์ประกันภัยระบุเงื่อนไขในการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยว่าโจทก์จะบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ด้วยการส่งหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่า15วันโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงจำเลยที่1ผู้เอาประกันภัยนั้นเป็นเพียงข้อกำหนดให้ผู้รับประกันภัยส่งหนังสือบอกกล่าวเลิกกรมธรรม์ประกันภัยแก่ผู้เอาประกันภัยล่วงหน้าก่อนยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยไม่น้อยกว่า15วันเท่านั้นเมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยได้ส่งหนังสือบอกกล่าวเลิกกรมธรรม์ประกันภัยแก่จำเลยที่1ผู้เอาประกันภัยล่วงหน้าก่อนยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยไม่น้อยกว่า15วันและจำเลยที่1ได้รับแล้วย่อมถือว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาประกันภัยแก่จำเลยที่1โดยชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7059/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย การแจ้งล่วงหน้าตามเงื่อนไขสัญญา
กรมธรรม์ประกันภัยระบุเงื่อนไขในการบอกเลิกกรมธรรม์-ประกันภัยว่า โจทก์จะบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ด้วยการส่งหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยนั้น เป็นเพียงข้อกำหนดให้ผู้รับประกันภัยส่งหนังสือบอกกล่าวเลิกกรมธรรม์-ประกันภัยแก่ผู้เอาประกันภัยล่วงหน้าก่อนยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยไม่น้อยกว่า 15 วันเท่านั้น เมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยได้ส่งหนังสือบอกกล่าวเลิกกรมธรรม์ประกันภัยแก่จำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยล่วงหน้าก่อนยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยไม่น้อยกว่า15 วัน และจำเลยที่ 1 ได้รับแล้ว ย่อมถือว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาประกันภัยแก่จำเลยที่ 1 โดยชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7032/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาฎีกาต้องกระทำก่อนหมดกำหนด เหตุหลงลืมวันนัดฟังคำพิพากษาไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกา เมื่อล่วงเลยเวลากำหนด 1 เดือน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 247 โดยอ้างว่าหลงลืมวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกา ต่อมาโจทก์ได้ยื่นฎีกาในกำหนดที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์จะขอขยายระเวลายื่นฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23 นั้นจะต้องกระทำเสียก่อนระยะเวลายื่นฎีกาสิ้นสุดลงเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย แต่เหตุที่ทนายโจทก์อ้างว่าหลงลืมวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงมิได้ได้ยื่นฎีกาในกำหนดอายุฎีกานั้นมิใช่เหตุสุดวิสัยแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้โจทก์ได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกาจึงไม่ชอบ ฎีกาของโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมาจึงเป็นฎีกาที่ยื่นเกินกำหนดอายุฎีกาจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7032/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากขยายเวลาเกินกำหนดและเหตุผลไม่เข้าข่ายเหตุสุดวิสัย
ทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกาเมื่อล่วงเลยเวลากำหนด1เดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา247โดยอ้างว่าหลงลืมวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกาต่อมาโจทก์ได้ยื่นฎีกาในกำหนดที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ดังนี้การที่โจทก์จะขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23นั้นจะต้องกระทำเสียก่อนระยะเวลายื่นฎีกาสิ้นสุดลงเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยแต่เหตุที่ทนายโจทก์อ้างว่าหลงลืมวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงมิได้ได้ยื่นฎีกาในกำหนดอายุฎีกานั้นมิใช่เหตุสุดวิสัยแต่อย่างใดกรณีจึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้โจทก์ได้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกาจึงไม่ชอบฎีกาของโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมาจึงเป็นฎีกาที่ยื่นเกินกำหนดอายุฎีกาจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกันศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6642/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากทำร้ายร่างกายเป็นชุลมุนต่อสู้ ส่งผลให้ศาลยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297และตามคำฟ้องไม่มีข้อความตอนใดบรรยายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปอันเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 299 แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 299 ต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่บรรยายในคำฟ้องในข้อสาระสำคัญ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6538/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องมีเหตุจากการฝ่าฝืนกฎหมายบังคับคดี และก่อให้เกิดความเสียหาย
ศาลจะสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ต่อเมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีดังนั้นการที่จำเลยที่1ยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ที่ยึดต่ำกว่าความเป็นจริงและราคาตลาดโดยมิได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินหรือเจ้าพนักงานของรัฐประเมินราคาทรัพย์พิพาทก่อนตามคำร้องของจำเลยที่1จึงมิใช่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายอันจะเป็นเหตุให้จำเลยที่1มีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5980-5981/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองน้ำยางพารา การแจ้งความร้องทุกข์ และความผิดฐานลักทรัพย์ของลูกจ้างและบุคคลทั่วไป
การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดน. ซึ่งเป็นผู้รับขนส่งน้ำยางพาราจากบริษัทอ. ให้จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างไปรับน้ำยางพาราจากบริษัทอ. เพื่อนำไปส่งอีกที่หนึ่งถือว่าบริษัทอ.ได้มอบการครอบครองน้ำยางพาราให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดน. แล้วจำเลยที่1หาได้รับมอบการครอบครองน้ำยางพารานั้นด้วยไม่เมื่อจำเลยที่1ร่วมกับจำเลยที่2เอาน้ำยางพาราไปในระหว่างการขนส่งห้างหุ้นส่วนจำกัดน. เป็นผู้เสียหายในฐานะเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาน้ำยางพาราจึงมีอำนาจร้องทุกข์ส่วนจำเลยที่2มิได้เป็นลูกจ้างของผู้เสียหายแม้ได้ร่วมกับจำเลยที่1ลักทรัพย์ของผู้เสียหายในเวลากลางคืนก็ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้างด้วยเพราะความเป็นลูกจ้างเป็นเหตุเฉพาะตัวของจำเลยที่1จำเลยที่2จึงมีความผิดตามมาตรา335(1)(7)วรรคสาม,83เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่อปลูกกล้วยไม้ไม่เข้าข่าย 'พืชไร่' ตามพรบ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงไม่ได้รับความคุ้มครอง
จำเลยเช่าที่ดินปลูกต้นกล้วยไม้พันธุ์หวายต้นกล้วยไม้ดังกล่าวไม่ใช่พืชซึ่งต้องการน้ำน้อยและอายุสั้นหรือสามารถเก็บเกี่ยวครั้งแรกได้ภายใน12เดือนจึงไม่ใช่พืชไร่และมิใช่การทำนาตามความหมายของมาตรา21พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินปลูกกล้วยไม้ไม่เข้าข่ายพืชไร่หรือทำนา จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
จำเลยเช่าที่ดินปลูกต้นกล้วยไม้พันธุ์หวาย ต้นกล้วยไม้ดังกล่าวไม่ใช่พืชซึ่งต้องการน้ำน้อยและอายุสั้นหรือสามารถเก็บเกี่ยวครั้งแรกได้ภายใน12 เดือน จึงมิใช่พืชไร่ และมิใช่การทำนาตามความหมายของมาตรา 21 พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
of 30