คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชลอ ทองแย้ม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 406 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนเชิด: ผลผูกพันนายจ้างต่อการเลิกจ้างโดยตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจ
ว. เป็นผู้รับโจทก์เข้าทำงานในบริษัทจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาจ้างโจทก์แทนจำเลยซึ่งตามหนังสือจ้างงานดังกล่าวระบุว่าว. มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายธุรการบุคคลของบริษัทจำเลยและเมื่อมีกรณีที่โจทก์บกพร่องต่อหน้าที่ว.ก็เป็นผู้เรียกโจทก์ไปตำหนิเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยได้เชิดว.ออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยหรือรู้แล้วยอมให้ว. เชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยในการจ้างหรือเลิกจ้างโจทก์ได้ดังนั้นการที่ว. บอกเลิกจ้างโจทก์จึงมีผลผูกพันจำเลยเสมือนว่าว.เป็นตัวแทนของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา821

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงออกเสมือนตัวแทนและการผูกพันตามสัญญาจ้าง
ว.เป็นผู้รับโจทก์เข้าทำงานในบริษัทจำเลย เป็นผู้ทำสัญญาจ้างโจทก์แทนจำเลย ซึ่งตามหนังสือจ้างงานดังกล่าวระบุว่า ว.มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายธุรการบุคคลของบริษัทจำเลย และเมื่อมีกรณีที่โจทก์บกพร่องต่อหน้าที่ ว.ก็เป็นผู้เรียกโจทก์ไปตำหนิ เป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยได้เชิด ว.ออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลย หรือรู้แล้วยอมให้ ว.เชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยในการจ้างหรือเลิกจ้างโจทก์ได้ ดังนั้น การที่ ว.บอกเลิกจ้างโจทก์จึงมีผลผูกพันจำเลยเสมือนว่า ว.เป็นตัวแทนของจำเลยตาม ป.พ.พ.และพาณิชย์ มาตรา 821

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม - การบรรยายรายละเอียดข้อหาและบัญชีผู้ฝากสำคัญต่อการต่อสู้คดี
โจทก์บรรยายฟ้องข้อแรกว่าเมื่อพ. นำใบถอนเงินมาขอถอนเงินแทนผู้ฝากจำเลยที่1ที่2และที่2ได้ลงนามอนุมัติให้ถอนเงินหลายครั้งหลายหนในเอกสารใบถอนเงินโดยไม่ตรวจสอบลายมือชื่อผู้ถอนเงินหรือผู้มอบฉันทะแล้วแต่กรณีในใบถอนเงินว่าเหมือนหรือคล้ายกับตัวอย่างลายมือชื่อผู้ฝากในบัตรคู่บัญชีหรือไม่หากมีการตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่เหมือนหรือไม่คล้ายกันก็ยังอนุมัติให้ถอนเงินและอีกข้อบรรยายว่าจำเลยที่4ถึงที่9ละเลยการปฏิบัติเช่นเดียวกับที่บรรยายไว้ในข้อแรกทุกประการหลายครั้งหลายหนโดยไม่ได้บรรยายว่าใบถอนเงินที่จำเลยทั้งจำเลยทั้งเก้าตรวจสอบแล้วเห็นว่าลายมือชื่อไม่เหมือนก็ยังอนุมัติให้ถอนเงินนั้นเป็นเงินในบัญชีของผู้ฝากรายใดถอนเงินไปจำนวนเท่าใดเมื่อวันเดือนปีใดจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทั้งโจทก์ไม่ได้แนบบัญชีผู้ฝากเงินดังกล่าวมาท้ายฟ้องเพื่อที่จะให้จำเลยเข้าใจและให้การต่อสู้คดีได้ถูกต้องฟ้องโจทก์ย่อมขาดสาระสำคัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172เป็นฟ้องเคลือบคลุมและเมื่อโจทก์มีคำขอให้จำเลยที่3ที4ที่6และที่8รับผิดต่อโจทก์ร่วมกันหรือแทนกันกับจำเลยอื่นอันเป็นการชำระหนี้ซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้แล้วแม้จำเลยที่3ที่4ที่6และที่8ไม่ได้ยกปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุมขึ้นให้การต่อสู้ไว้ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องในประเด็นดังกล่าวไปถึงจำเลยที่3ที่4ที่6และที่8ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม – สภาพแห่งข้อหาไม่ชัดเจน – การลงนามอนุมัติถอนเงินโดยไม่ตรวจสอบลายมือชื่อ – สาระสำคัญของฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องข้อแรกว่า เมื่อ พ.นำใบถอนเงินมาขอถอนเงินแทนผู้ฝาก จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ได้ลงนามอนุมัติให้ถอนเงินหลายครั้งหลายหนในเอกสารใบถอนเงินโดยไม่ตรวจสอบลายมือชื่อผู้ถอนเงินหรือผู้มอบฉันทะแล้วแต่กรณีในใบถอนเงินว่าเหมือนหรือคล้ายกับตัวอย่างลายมือชื่อผู้ฝากในบัตรคู่บัญชีหรือไม่ หากมีการตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่เหมือนหรือไม่คล้ายกันก็ยังอนุมัติให้ถอนเงิน และอีกข้อบรรยายว่า จำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ละเลยการปฏิบัติเช่นเดียวกับที่บรรยายไว้ในข้อแรกทุกประการหลายครั้งหลายหน โดยไม่ได้บรรยายว่าใบถอนเงินที่จำเลยทั้งเก้าอนุมัติให้ถอนเงินโดยไม่ตรวจสอบ และใบถอนเงินที่จำเลยทั้งเก้าตรวจสอบแล้วเห็นว่าลายมือชื่อไม่เหมือนก็ยังอนุมัติให้ถอนเงินนั้นเป็นเงินในบัญชีของผู้ฝากรายใด ถอนเงินไปจำนวนเท่าใด เมื่อวันเดือนปีใดจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งโจทก์ไม่ได้แนบบัญชีผู้ฝากเงินดังกล่าวมาท้ายฟ้อง เพื่อที่จะให้จำเลยเข้าใจและให้การต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ฟ้องโจทก์ย่อมขาดสาระสำคัญตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 เป็นฟ้องเคลือบคลุม และเมื่อโจทก์มีคำขอให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 8 รับผิดต่อโจทก์ร่วมกันหรือแทนกันกับจำเลยอื่นอันเป็นการชำระหนี้ซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้แล้ว แม้จำเลยที่ 3ที่ 4 ที่ 6 และที่ 8 ไม่ได้ยกปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุมขึ้นให้การต่อสู้ไว้ ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องในประเด็นดังกล่าวไปถึงจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 8 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจไวยาวัจกรในการจัดการทรัพย์สินวัดและอำนาจศาลในการตั้งผู้จัดการมรดกนอกพินัยกรรม
ไวยาวัจกรของวัดมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัด การดำเนินคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกของพระภิกษุที่มรณภาพที่ตกแก่วัดเป็นการจัดการทรัพย์สินของวัดอย่างหนึ่งไวยาวัจกรย่อมมีสิทธิแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินคดีดังกล่าวได้ วัดผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของพระครู ส. และตั้ง ป. ในฐานะไวยาวัจกรของผู้คัดค้าน เป็นผู้จัดการมรดกด้วย ปรากฎว่าศาลได้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมเท่านั้นส่วนทรัพย์นอกพินัยกรรมยังไม่มีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกการที่ผู้ร้องนำคำสั่งศาลไปจัดการทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมอันตกได้แก่ผู้คัดค้านเป็นการกระทบสิทธิผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาในคดีนี้ได้โดยไม่ต้องไปยื่นคำร้องเป็นคดีใหม่ ศาลจึงมีอำนาจตั้ง ป. เป็นผู้จัดการมรดกทรัพย์นอกพินัยกรรมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจไวยาวัจกรจัดการทรัพย์สินวัด: หนังสือมอบหมายและการแต่งตั้งทนายความ
กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 18 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2536ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ระบุว่า "ไวยาวัจกร"หมายถึงคฤหัสถ์ผู้ได้รับแต่งตั้ง..และจะมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดได้ตามที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นหนังสือ ไวยาวัจกร ผู้ได้รับแต่งตั้งก่อนวันใช้กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ถือว่าเป็นไวยาวัจกรตามกฎมหาเถรสมาคมต่อไปเมื่อนาย ป. ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าอาวาสวัดผู้คัดค้านให้เป็นไวยาวัจกรเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2536 โดยอาศัยอำนาจตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 8 จึงถือว่าเป็นไวยาวัจกรอยู่ย่อมมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดได้ตามที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นหนังสือ
ตามคำร้องคัดค้านระบุยืนยันว่า นาย ป. มีอำนาจเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของผู้คัดค้านโดยมิได้แนบหนังสือมอบหมายของเจ้าอาวาสก็ตามแต่ก่อนสืบพยานผู้คัดค้านก็ได้แถลงขอส่งหนังสือมอบอำนาจลงวันที่ก่อนวันยื่นคำร้องคัดค้านซึ่งมีเจ้าอาวาสวัดผู้คัดค้านลงนาม และในชั้นสืบพยานเจ้าอาวาสก็มาเบิกความยืนยันรับรองหนังสือมอบอำนาจ จึงฟังได้ว่าเจ้าอาวาสได้มอบหมายเป็นหนังสือให้นาย ป.ไวยาวัจกรมีอำนาจจัดการทรัพย์สินของผู้คัดค้านก่อนยื่นคำร้องคดีนี้
ที่ดินเป็นมรดกของพระครู ส. ตกได้แก่ผู้คัดค้าน จึงเป็นทรัพย์สินของผู้คัดค้าน การดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของวัดเป็นการจัดการทรัพย์สินอย่างหนึ่ง นาย ป. ย่อมมีอำนาจจัดการจึงมีสิทธิแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินคดีนี้ได้ คำร้องที่ทนายความซึ่งนาย ป. แต่งตั้งและได้ยื่นต่อศาลจึงสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจไวยาวัจกรในการจัดการทรัพย์สินมรดกของวัด: การมอบอำนาจและการแต่งตั้งทนายความ
กฎมหาเถรสมาคมฉบับที่18ลงวันที่30มีนาคม2536ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ.2505ระบุว่า"ไวยาวัจกร"หมายถึงคฤหัสถ์ผู้ได้รับแต่งตั้งและจะมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดได้ตามที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นหนังสือ ไวยาวัจกร ผู้ได้รับแต่งตั้งก่อนวันใช้กฎมหาเถรสมาคมนี้ให้ถือว่าเป็นไวยาวัจกรตามกฎมหาเถรสมาคมต่อไปเมื่อนาย ป.ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าอาวาสวัดผู้คัดค้านให้เป็นไวยาวัจกรเมื่อวันที่1มีนาคม2536โดยอาศัยอำนาจตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่8จึงถือว่าเป็นไวยาวัจกรอยู่ย่อมมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดได้ตามที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นหนังสือ แม้ตามคำร้องคัดค้านระบุยืนยันว่านาย ป. มีอำนาจเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของผู้คัดค้านโดยมิได้แนบหนังสือมอบหมายของเจ้าอาวาสก็ตามแต่ก่อนสืบพยานผู้คัดค้านก็ได้แถลงขอส่งหนังสือมอบอำนาจลงวันที่ก่อนวันยื่นคำร้องคัดค้านซึ่งมีเจ้าอาวาสวัดผู้คัดค้านลงนามและในชั้นสืบพยานเจ้าอาวาสก็มาเบิกความยืนยันรับรองหนังสือมอบอำนาจจึงฟังได้ว่าเจ้าอาวาสได้มอบหมายเป็นหนังสือให้นาย ป.ไวยาวัจกรมีอำนาจจัดการทรัพย์สินของผู้คัดค้านก่อนยื่นคำร้องคดีนี้ ที่ดินเป็นมรดกของพระครู ส. ตกได้แก่ผู้คัดค้านจึงเป็นทรัพย์สินของผู้คัดค้านการดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของวัดเป็นการจัดการทรัพย์สินอย่างหนึ่งนาย ป. ย่อมมีอำนาจจัดการจึงมีสิทธิแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินคดีนี้ได้คำร้องที่ทนายความซึ่งนาย ป. แต่งตั้งและได้ยื่นต่อศาลจึงสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงเข้าห้องที่รู้ว่ามีคนอยู่ เล็งเห็นได้ถึงอันตรายถึงแก่ชีวิต เป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยยิงปืนเข้าไปในห้องน้ำโดยรู้ว่าผู้เสียหายอยู่ในนั้นจำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้จึงมีความผิดฐาน พยายามฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีข่มขืนฆ่า: พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดมาเบิกความต่อศาลจึงไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยทั้งสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อคืนที่ดินตาม พ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ไม่สุจริต
โจทก์ใช้สิทธิขอซื้อที่นาพิพาทคืนโดยยื่นคำร้องขอต่อประธานคชก. ตำบล และทำหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดแล้ว จำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนโอนขายที่นาพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสองทราบเรื่องที่โจทก์ขอซื้อที่นาพิพาทคืน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการกระทำไม่สุจริตการที่โจทก์มีสิทธิซื้อที่นาพิพาทคืนเป็นกรณีที่โจทก์มีสิทธิตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 54 เมื่อจำเลยที่ 1 โอนที่นาพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดยไม่สุจริต โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อที่นาพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้
ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดเวลาให้โจทก์ชำระราคาที่นาพิพาทคืนศาลฎีกากำหนดเวลาให้โจทก์ชำระราคาได้
of 41