พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41-42/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ตามเช็ค แม้จะอ้างว่าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน
จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คทั้ง10ฉบับเพื่อชำระหนี้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้ทรงพร้อมดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900วรรคหนึ่ง,904,914ประกอบมาตรา989,มาตรา224วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองมรดกโดยทายาทหลายคน และอายุความการฟ้องแบ่งมรดก
แม้จำเลยที่2เป็นผู้ขอให้ทางราชการออกเลขที่บ้านให้โดยจำเลยที่2ลงชื่อเป็นเจ้าบ้านในหลักฐานทะเบียนราษฎร์ก็มิได้หมายความว่าจำเลยที่2ผู้ขอออกเลขที่บ้านและมีชื่อเป็นเจ้าบ้านจะมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังดังกล่าวเพราะหลักฐานดังกล่าวมิใช่หลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่เป็นเพียงหลักฐานของทางราชการที่ต้องการทราบว่าในหมู่บ้านนั้นมีบ้านอยู่กี่หลังและมีคนอาศัยอยู่ในบ้านที่ขอออกเลขที่บ้านกี่คนเพื่อประโยชน์ในทางทะเบียนราษฎร์เท่านั้นเมื่อรูปคดีฟังได้ว่าบ้านพิพาทเป็นของเจ้ามรดกจึงเป็นทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่บรรดาทายาททุกคน เจ้ามรดกถึงแก่ความตายในปี2528ทายาทของเจ้ามรดกตกลงกันว่าทายาทจะยังไม่แบ่งมรดกกันจนกว่าจะมีการเผาศพเจ้ามรดกเสียก่อนและได้มีการเผาศพเจ้ามรดกหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายแล้วประมาณ2ปีนอกจากนี้ยังปรากฎหลักฐานว่ามรดกของเจ้ามรดกยังอยู่ในระหว่างการแบ่งปันของบรรดาทายาทเมื่อมรดกยังแบ่งกันไม่เสร็จแม้ทายาทคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนจะเป็นผู้ครอบครองมรดกอยู่ก็ต้องถือว่าทายาทคนนั้นหรือเหล่านั้นครอบครองมรดกแทนบรรดาทายาทอื่นด้วยทุกคนแม้จะล่วงเลยเวลา1ปีนับแต่เจ้ามรดกถึงแก่ความตายทายาทอื่นก็ชอบที่จะฟ้องขอแบ่งมรดกได้ข้อเท็จจริงในคดีนี้ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามครอบครองที่ดินและบ้านพิพาททั้งสองหลังอันเป็นมรดกแทนผู้ตายซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกด้วยคนหนึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1754วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 29/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีและเสพเมทแอมเฟตามีนเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด และผลกระทบของประกาศกระทรวงสาธารณสุขต่อการพิจารณาคดี
ความผิดฐานมีและเสพเมทแอมเฟตามีนเป็นการกระทำที่แยกได้จึงเป็นความผิดหลายกรรม ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)กำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกิน0.500กรัมเมื่อไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางน้ำหนัก1.26กรัมคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่กำหนดหรือไม่จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯมาตรา106ทวิเพราะประกาศดังกล่าวเป็นคุณแก่จำเลยและศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่2ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี จำเลยที่1มีอายุเพียง18ปี2เดือนกำลังศึกษาอยู่และเคยมีความประพฤติดีมีภาระต้องช่วยเหลือครอบครัวไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนและเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองมีเพียง18เม็ดน้ำหนัก1.26กรัมสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษแต่กำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติและลงโทษปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ครอบครองอาวุธปืนไทยประดิษฐ์และกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาให้รอการลงโทษโดยคำนึงถึงครอบครัวและพฤติการณ์
อาวุธปืนของกลางเป็นเพียงอาวุธปืนพกชนิด ไทยประดิษฐ์ส่วนกระสุนปืนแม้เป็นชนิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้แต่ก็มีเพียง1นัดไม่ปรากฏว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางและกระสุนปืนไปประกอบอาชญากรรมหรือกระทำการอันมิชอบกลับได้ความว่าจำเลยมีครอบครัวและมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดามารดาและมีความประพฤติดีสมควรปรานีเพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีแต่ควรวางโทษปรับด้วยเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบและมิให้กลับไปก่อความผิดใดๆขึ้นอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9134/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันกระทำความผิดฐานขายยาเสพติด แม้มิได้ครอบครองยาเสพติดเอง
จำเลยทั้งสองทำงานที่บริษัท ส.ด้วยกัน ในวันเวลาเกิดเหตุเมื่อจำเลยที่ 1 ทราบว่าสายลับมาขอซื้อเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 1 ได้เรียกจำเลยที่ 2 มาขายให้แก่สายลับและร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการเจรจาเรียกราคาเมทแอมเฟตามีน เมื่อสายลับตกลงซื้อ จำเลยที่ 1 ก็รับเงินจากสายลับแล้วมอบให้แก่จำเลยที่ 2 ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแม้จำเลยที่ 1 จะมิได้เป็นผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนจำนวนที่ขายให้แก่สายลับก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น เมื่อจำเลยที่ 1 มีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 และได้กระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำความผิดเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 1จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการในความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวตาม ป.อ.มาตรา 83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9134/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกระทำความผิดจำหน่ายยาเสพติด แม้ไม่ได้ครอบครองยาเสพติดเอง
จำเลยทั้งสองทำงานที่บริษัทเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 1ทราบว่าสายลับมาขอซื้อเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 1 ได้เรียกจำเลยที่ 2 มาขายให้แก่สายลับ และร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการ เจรจาราคาจากเม็ดละ 20 บาท เป็นเม็ดละ 25 บาท เมื่อสายลับ ตกลงซื้อจำเลยที่ 1 ก็รับเงิน 1,000 บาท จากสายลับแล้วมอบ ให้แก่จำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้เป็นผู้ครอบครอง เมทแอมเฟตามีน ที่ขายให้แก่สายลับก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการขายเมทแอมเฟตามีน ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นไม่ใช่เป็นเพียงแนะนำให้สายลับ ทราบว่ามีขายเท่านั้น จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำ ความผิดเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 1 จึงมี ความผิดฐานเป็นตัวการในความผิดดังกล่าวตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9134/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกระทำผิดค้ายาเสพติด แม้ไม่ได้ครอบครองยา
จำเลยทั้งสองทำงานที่บริษัท ส.ด้วยกัน ในวันเวลาเมื่อจำเลยที่ 1 ทราบว่าสายลับมาขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจำเลยที่ 1 ได้เรียกจำเลยที่ 2 มาขายให้แก่สายลับและร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการเจรจาเรียกราคาเมทแอมเฟตามีนเมื่อสายลับตกลงซื้อ จำเลยที่ 1 ก็รับเงินจากสายลับแล้วมอบให้แก่จำเลยที่ 2 ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแม้จำเลยที่ 1จะมิได้เป็นผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนจำนวนที่ขายให้แก่สายลับก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น เมื่อจำเลยที่ 1 มีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 และได้กระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำความผิดเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการในความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9128/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองห้องแถวบนที่ดินราชพัสดุโดยไม่ทำตามแบบ แม้ไม่จดทะเบียนก็มีผลผูกพันได้
จำเลยอยู่ในห้องแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าจาก บ. เจ้าของเดิม ต่อมาบ. ได้ขายห้องพิพาทซึ่งปลูกสร้างบนที่ดินราชพัสดุให้แก่โจทก์โดยทำสัญญาการซื้อขายเป็น หนังสือ แม้มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่บ. ได้โอนสิทธิครอบครองในที่ดินพร้อมห้องแถวพิพาทให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377,1378ซึ่งไม่ต้องมีแบบ โจทก์จึงได้มาซึ่งสิทธิครอบครอง และการโอน โดยข้อเท็จจริงดังกล่าว ไม่เป็นโมฆะ เมื่อการซื้อขายระหว่างโจทก์กับเจ้าของห้องแถวพิพาทเดิมไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ ก็รับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8434/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดวงเงินฎีกาในคดีสัญญาประกันตัว: ทุนทรัพย์แยกตามสัญญาแต่ละฉบับ
ทุนทรัพย์ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระค่าปรับตามสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา2คนต้องถือตามจำนวนเงินในสัญญาประกันแต่ละฉบับเพราะค่าปรับตามสัญญาทั้ง2ฉบับเป็นคนละรายแบ่งแยกรับผิดเป็นส่วนสัดเมื่อทุนทรัพย์แต่ละรายไม่เกิน200,000บาทจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8434/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดทุนทรัพย์ฎีกาในคดีค่าปรับจากสัญญาประกันตัว: แบ่งแยกรับผิดเป็นส่วนสัด
ทุนทรัพย์ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระค่าปรับตามสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา 2 คน ต้องถือตามจำนวนเงินในสัญญาประกันแต่ละฉบับเพราะค่าปรับตามสัญญาทั้ง 2 ฉบับเป็นคนละราย แบ่งแยกรับผิดเป็นส่วนสัด เมื่อทุนทรัพย์แต่ละรายไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง