คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จรัญ หัตถกรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 800 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานการตรวจพิสูจน์ของกลาง แม้ผู้ตรวจไม่เบิกความโดยตรง
แม้โจทก์จะมิได้นำผู้ตรวจพิสูจน์ของกลางมาเบิกความประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางเอกสารหมายจ.2ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา243วรรคสองแต่โจทก์ก็ยังมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความยืนยันว่าได้ส่งของกลางไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ผลปรากฏว่าของกลางเป็นเฮโรอีนดังนี้การนำสืบพยานโจทก์ดังกล่าวรับฟังได้ว่าของกลางตามฟ้องเป็นเฮโรอีน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์หลักฐานการครอบครองยาเสพติด: พยานหลักฐานเชื่อมโยง การตรวจค้น และความน่าเชื่อถือของพยาน
คำเบิกความของพยานโจทก์มีข้อเท็จจริงสอดคล้องต้องกันโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจค้นพบของกลางในคดีประกอบกับเจ้าหน้าที่ของสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) เข้าทำการจับกุมและตรวจค้นกระเป๋าในทันทีที่ส่งมอบซึ่งพบเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่ในกระเป๋า พยานโจทก์ล้วนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดต่อ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่จะทำให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความให้เป็นผลร้ายหรือปรักปรำจำเลย และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการสร้างเรื่องเชื่อมโยงบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดแก่จำเลย หรือเพื่อเอาผลงานการจับกุม แม้จะเบิกความแตกต่างและขัดแย้งกันบ้างเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่เข้าจับกุม การซุ่มดูเหตุการณ์ก่อนเข้าทำการจับกุม จุดที่มีการส่งมอบของกลางตลอดจนการนำตัวจำเลยไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็ตาม แต่ข้อแตกต่างดังกล่าวล้วนเป็นเพียงพลความหาใช่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้น้ำหนักในการรับฟังพยานโจทก์ลดน้อยลงไปจนไม่อาจรับฟังได้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริงดังที่พยานโจทก์เบิกความไม่ และเมื่อพิจารณาแผนที่เกิดเหตุภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุประกอบการเดินเผชิญสืบ เมื่อฟังประกอบพยานบุคคลของโจทก์แล้ว ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น หาใช่ผู้จับกุมทำงานเพียงเพื่อผลงานการจับกุม และจับกุมจำเลยจากสถานที่หนึ่งแล้วนำมาผูกเรื่องเชื่อมโยงกับการจับกุมพวกของจำเลยดังที่จำเลยฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและตรวจค้นยาเสพติด: พยานหลักฐานเชื่อมโยงสอดคล้องเชื่อได้ว่าจำเลยกระทำผิด
คำเบิกความของพยานโจทก์มีข้อเท็จจริงสอดคล้องต้องกันโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจค้นพบของกลางในคดีประกอบกับเจ้าหน้าที่ของสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)เข้าทำการจับกุมและตรวจค้นกระเป๋าในทันทีที่ส่งมอบซึ่งพบเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่ในกระเป๋าพยานโจทก์ล้วนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจึงไม่มีเหตุที่จะทำให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความให้เป็นผลร้ายหรือปรักปรำจำเลยและไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการสร้างเรื่องเชื่อมโยงบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดแก่จำเลยหรือเพื่อเอาผลงานการจับกุมแม้จะเบิกความแตกต่างและขัดแย้งกันบ้างเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่เข้าจับกุมการซุ่มดูเหตุการณ์ก่อนเข้าทำการจับกุมจุดที่มีการส่งมอบของกลางตลอดจนการนำตัวจำเลยไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ก็ตามแต่ข้อแตกต่างดังกล่าวล้วนเป็นเพียงพลความหาใช่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้น้ำหนักในการรับฟังพยานโจทก์ลดน้อยลงไปจนไม่อาจรับฟังได้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริงดังที่พยานโจทก์เบิกความไม่และเมื่อพิจารณาแผนที่เกิดเหตุภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุประกอบการเดินเผชิญสืบเมื่อฟังประกอบพยานบุคคลของโจทก์แล้วทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นหาใช่ผู้จับกุมทำงานเพียงเพื่อผลงานการจับกุมและจับกุมจำเลยจากสถานที่หนึ่งแล้วนำมาผูกเรื่องเชื่อมโยงกับการจับกุมพวกของจำเลยดังที่จำเลยฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและตรวจค้นยาเสพติด: พยานหลักฐานเชื่อมโยง, ความน่าเชื่อถือของพยาน, และการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
คำเบิกความของพยานโจทก์มีข้อเท็จจริงสอดคล้องต้องกันโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจค้นพบของกลางในคดีประกอบกับเจ้าหน้าที่ของสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)เข้าทำการจับกุมและตรวจค้นกระเป๋าในทันทีที่ส่งมอบซึ่งพบเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่ในกระเป๋าพยานโจทก์ล้วนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจึงไม่มีเหตุที่จะทำให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความให้เป็นผลร้ายหรือปรักปรำจำเลยและไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการสร้างเรื่องเชื่อมโยงบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดแก่จำเลยหรือเพื่อเอาผลงานการจับกุมแม้จะเบิกความแตกต่างและขัดแย้งกันบ้างเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่เข้าจับกุมการซุ่มดูเหตุการณ์ก่อนเข้าทำการจับกุมจุดที่มีการส่งมอบของกลางตลอดจนการนำตัวจำเลยไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ก็ตามแต่ข้อแตกต่างดังกล่าวล้วนเป็นเพียงพลความหาใช่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้น้ำหนักในการรับฟังพยานโจทก์ลดน้อยลงไปจนไม่อาจรับฟังได้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริงดังที่พยานโจทก์เบิกความไม่และเมื่อพิจารณาแผนที่เกิดเหตุภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุประกอบการเดินเผชิญสืบเมื่อฟังประกอบพยานบุคคลของโจทก์แล้วทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นหาใช่ผู้จับกุมทำงานเพียงเพื่อผลงานการจับกุมและจับกุมจำเลยจากสถานที่หนึ่งแล้วนำมาผูกเรื่องเชื่อมโยงกับการจับกุมพวกของจำเลยดังที่จำเลยฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้พื้นที่เช่าและการติดตั้งป้ายโฆษณา การกระทำโดยชอบและไม่มีเจตนาทำให้เสียหาย
ผู้กระทำหรือผู้ใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นอันเป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา421นั้นต้องมีเจตนาหรือจงใจกลั่นแกล้งโดยมุ่งประสงค์ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นฝ่ายเดียวเมื่อโจทก์ติดตั้งป้ายโฆษณาสินค้าของโจทก์บนดาดฟ้าตึกแถวที่โจทก์เช่าเพื่อประโยชน์ในทางการค้าของโจทก์ได้จำเลยก็ย่อมมีสิทธิติดตั้งป้ายโฆษณางานในธุรกิจของจำเลยบนดาดฟ้าตึกแถวที่จำเลยเช่าเพื่อประโยชน์ในกิจการของจำเลยได้เช่นกันโดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าฝ่ายใดติดตั้งก่อนเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำเพื่อจงใจกลั่นแกล้งโจทก์แม้ป้ายโฆษณาของจำเลยจะอยู่ใกล้และปิดบังป้ายโฆษณาของโจทก์บ้างก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้ประโยชน์จากสัญญาเช่าและการติดตั้งป้ายโฆษณา การกระทำไม่เป็นละเมิดหากไม่มีเจตนา
โจทก์เช่าดาดฟ้าตึกแถวติดตั้งป้ายโฆษณาสินค้าของโจทก์ ส่วนจำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวที่อยู่ติดกันและได้ติดตั้งป้ายโฆษณาของจำเลยปิดบังป้ายโฆษณาของโจทก์ ดังนี้ เมื่อโจทก์ใช้ประโยชน์ในตึกแถวที่เช่าได้ จำเลยก็ย่อมติดตั้งป้ายโฆษณางานในธุรกิจของจำเลยได้เช่นกัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยติดตั้งป้ายโฆษณาภายหลังโจทก์หรือไม่ เพราะการติดตั้งป้ายโฆษณาทั้งของโจทก์และจำเลยต่างก็ติดตั้งบนดาดฟ้าของตึกแถวที่แต่ละฝ่ายเช่ามาทำประโยชน์ ถือได้ว่าทั้งโจทก์และจำเลยได้ใช้ประโยชน์จากตึกแถวที่เช่าตามแดนแห่งสิทธิของสัญญาเช่าที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ตามกฎหมาย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยติดตั้งป้ายเพื่อจงใจกลั่นแกล้งโจทก์โดยมุ่งประสงค์จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การติดตั้งป้ายโฆษณาของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะปิดบังป้ายโฆษณาสินค้าของโจทก์ก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ด้วยการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์ตามป.พ.พ. มาตรา 421 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าและการติดตั้งป้ายโฆษณาบนดาดฟ้าตึก ไม่ถือเป็นการละเมิดหากไม่มีเจตนาจงใจกลั่นแกล้ง
โจทก์เช่าดาดฟ้าตึกแถวติดตั้งป้ายโฆษณาสินค้าของโจทก์ส่วนจำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวที่อยู่ติดกันและได้ติดตั้งป้ายโฆษณาของจำเลยปิดบังป้ายโฆษณาของโจทก์ดังนี้เมื่อโจทก์ใช้ประโยชน์ในตึกแถวที่เช่าได้จำเลยก็ย่อมติดตั้งป้ายโฆษณางานในธุรกิจของจำเลยได้เช่นกันโดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยติดตั้งป้ายโฆษณาภายหลังโจทก์หรือไม่เพราะการติดตั้งป้ายโฆษณาทั้งของโจทก์และจำเลยต่างก็ติดตั้งบนดาดฟ้าของตึกแถวที่แต่ละฝ่ายเช่ามาทำประโยชน์ถือได้ว่าทั้งโจทก์และจำเลยได้ใช้ประโยชน์จากตึกแถวที่เช่าตามแดนแห่งสิทธิของสัญญาเช่าที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ตามกฎหมายเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยติดตั้งป้ายเพื่อจงใจกลั่นแกล้งโจทก์โดยมุ่งประสงค์จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์การติดตั้งป้ายโฆษณาของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายแม้จะปิดบังป้ายโฆษณาสินค้าของโจทก์ก็หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ด้วยการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา421ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมล่วงเวลาศุลกากร: ผู้มีหน้าที่ชำระคือผู้ควบคุมอากาศยาน ไม่ใช่ผู้จำหน่ายน้ำมัน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าธรรมเนียมล่วงเวลาพร้อมดอกเบี้ยจำนวน13,136,836.25บาทให้แก่โจทก์ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยจากต้นเงินค่าธรรมเนียมล่วงเวลาจำนวน8,880,000บาทในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ค้าน้ำมันไม่ต้องรับผิดค่าธรรมเนียมล่วงเวลาเติมน้ำมันอากาศยาน หากมิใช่ 'นายเรือ' ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร
พ.ร.บ.ศุลกากรบัญญัติให้นายเรือ ซึ่งหมายถึงผู้บังคับบัญชาหรือผู้ควบคุมเรือ หรืออากาศยาน หรือตัวแทน หรือทั้งสองคนร่วมกันเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับค่าธรรมเนียมล่วงเวลาในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นแก่อากาศยาน ไม่มีบทกฎหมายกำหนดให้ผู้ยื่นคำขอทำการไว้ต่อโจทก์เป็นผู้รับผิด
จำเลยเป็นบริษัทผู้ค้าน้ำมันที่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นแก่บริษัทสายการบินเพื่อใช้เติมให้แก่อากาศยาน มิใช่เป็นนายเรือหรือตัวแทนนายเรือตามบทบัญญัติข้างต้น จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมล่วงเวลาแก่โจทก์
แม้ศาลภาษีอากรกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ 4 ประเด็นและให้คู่ความนำสืบครบทุกประเด็นแล้ว แต่เมื่อเห็นสมควร ศาลก็มีอำนาจหยิบยกประเด็นข้อใดขึ้นวินิจฉัยได้ และเมื่อได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีข้อใดแล้ว ทำให้คดีเสร็จเด็ดขาดไป ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นอีก เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมล่วงเวลาศุลกากร: ผู้ค้าน้ำมันไม่ใช่ผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย
จำเลยเป็นบริษัทผู้ค้าน้ำมันที่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นแก่บริษัทสายการบินเพื่อใช้เติมให้แก่อากาศยานในท่าอากาศยานมิใช่นายเรือและไม่ได้เป็นตัวแทนนายเรือตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2569 มาตรา 110จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมล่วงเวลาให้แก่กรมศุลกากรโจทก์ในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นแก่อากาศยาน
of 80