พบผลลัพธ์ทั้งหมด 542 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7290/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขึ้นทะเบียนโบราณสถาน: การแจ้งเจ้าของที่ดินไม่จำเป็นต้องเป็นลายลักษณ์อักษร การประชาสัมพันธ์ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
พระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพ.ศ.2504มาตรา7วรรคสองมีความมุ่งหมายเพียงให้อธิบดีกรมศิลปากรแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโบราณสถานทราบถึงการขึ้นทะเบียนโบราณสถานเท่านั้นมิใช่เป็นการขออนุญาตดังนั้นเมื่อมีการประกาศกำหนดเขตที่ดินใดเป็นเขตโบราณสถานแล้วแม้กรมศิลปากรจำเลยไม่ได้แจ้งเป็นหนังสือให้โจทก์ผู้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวทราบเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนประกาศก็ถือได้ว่าเป็นการประกาศขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นโบราณสถานโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7227/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดประโยชน์จากรถราชการเสียหาย: จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์จนกว่าจะมีการชดใช้
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ของโจทก์จนเพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน รถโจทก์เป็นรถที่ใช้ในราชการประจำอยู่โรงพยาบาล หลังจากจำเลยก่อเหตุละเมิดแล้วไม่ยอมใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ย่อมทำให้โจทก์ขาดประโยชน์จากการมิได้ใช้รถซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการละเมิด ดังนั้นนอกจากจำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายของรถยนต์และอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยยังต้องรับผิดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการที่โจทก์มิได้ใช้รถยนต์อันเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดในระหว่างที่จำเลยไม่ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7071/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวไม่เกี่ยวกับการพิพาทสิทธิในหุ้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองคืนหุ้นที่ซื้อไปแก่โจทก์ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่าจำเลยทั้งสองจะต้องคืนหุ้นพิพาทที่ซื้อไปให้แก่โจทก์หรือไม่ที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองใช้สิทธิออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นพิพาทคำร้องโจทก์จึงไม่เกี่ยวกับการพิพาทด้วยทรัพย์สินสิทธิหรือประโยชน์ตามประเด็นแห่งคดีที่จะได้รับความคุ้มครองโจทก์จึงขอให้ห้ามจำเลยทั้งสองใช้สิทธิในหุ้นพิพาทออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7071/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิออกเสียงในหุ้นพิพาท: คำร้องคุ้มครองชั่วคราวไม่เกี่ยวกับการพิพาททรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองคืนหุ้นที่ซื้อไปแก่โจทก์ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่าจำเลยทั้งสองจะต้องคืนหุ้นพิพาทที่ซื้อไปให้แก่โจทก์หรือไม่ที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างพิจารณาขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองใช้สิทธิออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นพิพาทคำร้องโจทก์จึงไม่เกี่ยวกับการพิพาทด้วยทรัพย์สิน สิทธิ หรือประโยชน์ตามประเด็นแห่งคดีที่จะได้รับความคุ้มครอง โจทก์จึงขอให้ห้ามจำเลยทั้งสองใช้สิทธิในหุ้นพิพาทออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6745/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการรับโอนที่ดิน: เหตุทางออกที่ดินไม่ใช่ประเด็นหากไม่ได้กล่าวอ้างในฟ้อง
ตามคำฟ้องมิได้อ้างเหตุที่ดินพิพาทไม่มีทางออก ทำให้ธนาคารไม่ยอมอาวัลตั๋วเป็นเหตุขัดข้องในการรับโอนที่ดิน จึงไม่มีประเด็นว่าที่ดินพิพาทที่จะขายจะต้องเป็นที่ดินมีทางออกหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6745/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: โจทก์ผิดสัญญาเนื่องจากไม่มีเงินชำระ ทำให้จำเลยไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์
ตามคำฟ้องมิได้อ้างเหตุที่ดินพิพาทไม่มีทางออกทำให้ธนาคารไม่ยอมอาวัลตั๋วเป็นเหตุขัดข้องในการรับโอนที่ดิน จึงไม่มีประเด็นว่าที่ดินพิพาทที่จะขายจะต้องเป็นที่ดินมีทางออกหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6614/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คต้องเรียกเก็บเงินได้ การนำสืบการชำระหนี้ต้องมีหลักฐานตามกฎหมาย
การชำระหนี้ด้วยเช็คนั้นจะสมบูรณ์ต่อเมื่อเช็คนั้นเรียกเก็บเงินได้แล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 321 วรรคท้าย เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้หนี้ตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในเช็คจึงยังไม่ระงับ การที่จำเลยทั้งสองจะนำสืบว่าได้มีการชำระหนี้ตามจำนวนดังกล่าวแล้วโดยไม่มีหลักฐานการใช้เงินเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือได้เวนคืนเอกสารแห่งการกู้หรือแทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคสอง
จำเลยมิได้ให้การไว้ว่า โจทก์ได้หักเงินจำนวน 48,000 บาทจากการขายฝากเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการชำระหนี้เงินกู้ยืมเลย จำเลยทั้งสองจึงนำสืบการหักเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ให้การไว้
จำเลยมิได้ให้การไว้ว่า โจทก์ได้หักเงินจำนวน 48,000 บาทจากการขายฝากเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการชำระหนี้เงินกู้ยืมเลย จำเลยทั้งสองจึงนำสืบการหักเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ให้การไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6614/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คต้องเรียกเก็บเงินได้ การนำสืบการชำระหนี้ต้องมีหลักฐานสนับสนุน และการหักหนี้ต้องเป็นไปตามที่ให้การไว้
การชำระหนี้ด้วยเช็คนั้นจะสมบูรณ์ต่อเมื่อเช็คนั้นเรียกเก็บเงินได้แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา321วรรคท้ายเมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้หนี้ตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในเช็คจึงยังไม่ระงับการที่จำเลยทั้งสองจะนำสืบว่าได้มีการชำระหนี้ตามจำนวนดังกล่าวแล้วโดยไม่มีหลักฐานการใช้เงินเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือได้เวนคืนเอกสารแห่งการกู้หรือแทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา653วรรคสอง จำเลยมิได้ให้การไว้ว่าโจทก์ได้หักเงินจำนวน48,000บาทจากการขายฝากเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการชำระหนี้เงินกู้ยืมเลยจำเลยทั้งสองจึงนำสืบการหักเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้เพราะเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ให้การไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6238/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่ยื่นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนนั้นเป็นที่ยุติ
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ คดีในส่วนจำเลยที่ 1 จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นจะรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6238/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ทำให้คดีส่วนนั้นเป็นอันยุติ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ คดีในส่วนจำเลยที่ 1 จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 แม้ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นจะรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย