คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อธิราช มณีภาค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 542 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกกรณีผู้คัดค้านเสียชีวิตระหว่างดำเนินการ - บุตรผู้คัดค้านขอเป็นผู้จัดการมรดกแทน
ในระหว่างไต่สวนพยานของผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านถึงแก่กรรม อ.บุตรของผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้คัดค้าน มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตายโดยรับมรดกแทนที่ต่อจากผู้คัดค้าน ขอให้มีคำสั่งตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแต่เพียงผู้เดียว เป็นเรื่องที่ อ.ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของผู้ร้องและขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเข้ามาใหม่ มิใช่การขอเข้าเป็นคู่ความแทนผู้คัดค้าน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงผู้ขอเป็นผู้จัดการมรดก กรณีผู้ขอเดิมถึงแก่กรรมระหว่างดำเนินการ ศาลต้องรับคำร้องใหม่
การที่ ป. ยื่นคำคัดค้านการที่ผู้ร้องขอเป็น ผู้จัดการมรดกของผู้ตายไว้แต่ต่อมาถึงแก่ความตายในระหว่างไต่สวน อ. บุตรของ ป. จึงยื่นคำร้องขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียวโดยอ้างว่ามี ส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตายโดย รับมรดกแทนที่ต่อจาก ป. นั้นกรณีเป็นเรื่องที่ อ. คัดค้านคำร้องของผู้ร้องและขอให้ตั้งตนเองเป็น ผู้จัดการมรดกของผู้ตายเข้ามาใหม่มิใช่เป็นการขอเข้าเป็นคู่ความแทน ป. ต้องรับคำร้องของ อ.ไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อไม่ชัดเจนในคำให้การและการยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกาที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่าจำเลยที่ 1 บุกรุกและนำที่ดินด้านทิศเหนือให้จำเลยที่ 2 เช่าปลูกอ้อย จำเลยที่ 1ให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 มิใช่ของโจทก์ จำเลยที่ 1 ครอบครองที่พิพาทมานาน 8 ปีแล้ว หากจะฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์คดีก็ขาดอายุความเพราะจำเลยที่ 1 เข้าทำประโยชน์มาก่อนฟ้องเกินกว่า 1 ปี ดังนี้เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยหรือของโจทก์ และขัดแย้งกันเอง ไม่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา มาตรา 177 วรรคสอง คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี นับแต่ถูกแย่งการครอบครองหรือไม่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ในประเด็นดังกล่าวจึงไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การขัดแย้งและไม่ชัดเจน ทำให้ไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องการครอบครองภายใน 1 ปี และฎีกาต้องห้าม
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของมี สิทธิครอบครอง ที่ดินมือเปล่า จำเลยที่1 บุกรุกและนำที่ดินด้านทิศเหนือให้จำเลยที่2เช่าปลูกอ้อยจำเลยที่1ให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่1มิใช่ของโจทก์จำเลยที่1ครอบครองที่พิพาทมานาน8ปีแล้วหากจะฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์คดีก็ขาดอายุความเพราะจำเลยที่1เข้าทำประโยชน์มาก่อนฟ้องเกินกว่า1ปีดังนี้เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยหรือของโจทก์และขัดแย้งกันเองไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน1ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองหรือไม่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ในประเด็นดังกล่าวจึงไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องร้องกรณีบุกรุกที่ดินและประเด็นคำให้การที่ไม่ชัดเจน ทำให้ฎีกาต้องห้าม
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมือเปล่าจำเลยที่1บุกรุกที่ดินโจทก์และนำที่ดินดังกล่าวให้จำเลยที่2เช่าปลูกอ้อยจำเลยที่1ให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่1ไม่ใช่ของโจทก์หากฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์คดีย่อมขาดอายุความฟ้องร้องเพราะจำเลยที่1เข้าทำประโยชน์มาก่อนฟ้องเกินกว่า1ปีเป็นคำให้การไม่ชัดแจ้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยหรือของโจทก์และขัดแย้งกันเองไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในกำหนดเวลา1ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองหรือไม่การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นดังกล่าวจึงไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามมาตรา249วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติ: การสงวนหวงห้ามที่ดินของราชการมีผลทำให้ที่ดินตกเป็นสาธารณสมบัติ แม้ยังมิได้ออกโฉนด
กระทรวงเกษตราธิการได้สงวนหวงห้ามที่ดินพิพาทไว้ใช้ประโยชน์ในทางราชการตั้งแต่ปี2459เป็นต้นมาที่ดินพิพาทจึงตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304(3)แม้กระทรวงเกษตราธิการและจำเลยที่1ยังมิได้รับใบไต่สวนและยังไม่ได้ออกโฉนดก็ไม่ทำให้สภาพที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่แล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปโจทก์ไม่อาจอ้างการครอบครองในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินยันจำเลยที่1ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1305

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร – การกระทำผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจาร และการลงโทษตามบทบัญญัติที่โจทก์ฟ้อง
ผู้เสียหายทั้งสี่มีอายุอยู่ระหว่างตั้งแต่12ปีถึง16ปีอยู่ในความปกครองของบิดามารดาจำเลยทั้งสามชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสี่ไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในภาคใต้แล้วพาไปประกอบอาชีพโสเภณีการกระทำดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันพรากผู้เสียหายทั้งสี่ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจารทั้งผู้เสียหายทั้งสี่เพียงแต่เต็มใจไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้มิได้เต็มใจไปค้าประเวณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา283วรรคสอง1กรรมและมาตรา283วรรคสาม3กรรมและฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317วรรคสาม3กรรมและมาตรา319วรรคหนึ่ง1กรรมแต่โจทก์บรรยายฟ้องโดยไม่มีรายละเอียดให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรมศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสามให้แต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา283วรรคสามกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารและการกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจาร
ผู้เสียหายทั้งสี่มีอายุอยู่ระหว่างตั้งแต่ 12 ปี ถึง 16 ปี อยู่ในความปกครองของบิดามารดา จำเลยทั้งสามชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสี่ไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในภาคใต้แล้วพาไปประกอบอาชีพโสเภณี การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันพรากผู้เสียหายทั้งสี่ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร ทั้งผู้เสียหายทั้งสี่เพียงแต่เต็มใจไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ มิได้เต็มใจไปค้าประเวณี จึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสอง 1 กรรมและมาตรา 283 วรรคสาม 3 กรรม และฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคสาม 3 กรรม และมาตรา 319 วรรคหนึ่ง 1 กรรม แต่โจทก์บรรยายฟ้องโดยไม่มีรายละเอียดให้เห็นว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรม ศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสามให้แต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสาม กรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับจำนอง, การชำระหนี้, และผลของการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต่อสัญญาจำนอง
โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัท ธ.ส่วนจำเลยทั้งสี่จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันเพื่อการชำระหนี้และค่าอุปกรณ์การที่โจทก์ทั้งสี่ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้เอาจากกองทรัพย์สินของบริษัท ธ. ลูกหนี้ผู้ล้มละลายและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าเมื่อบังคับจำนองได้เงินชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเพียงใดมูลหนี้ที่โจทก์ทั้งสี่ขอรับชำระในคดีล้มละลายก็ลดลงตามนั้นคำสั่งศาลชั้นต้นที่ได้อนุญาตให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับชำระหนี้ดังกล่าวมีผลเพียงให้โจทก์ทั้งสี่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามจำนวนที่ยื่นขอเท่านั้นหากไม่ให้โจทก์ทั้งสี่ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้วก็จะทำให้โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต้องเสียหายและเป็นการลบล้างอำนาจเจ้าหนี้ที่มีอยู่ การที่โจทก์ทั้งสี่ขอรับชำระหนี้และศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของบริษัท ธ. ลูกหนี้ผู้ล้มละลายจึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสี่ไม่ประสงค์จะบังคับเอาแก่ที่ดินตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมายจ.9อีกต่อไปแม้โจทก์ทั้งสี่จะได้ยินยอมให้จำเลยที่2ไถ่ถอนที่ดินที่จำนองคืนไป1แปลงแล้วก็ตามก็เป็นเพียงการรับชำระหนี้บางส่วนจากจำเลยทั้งสี่เท่านั้นโจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นคู่สัญญาจึงต้องผูกพันตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมายจ.9เมื่อจำเลยทั้งสี่เพิ่งโอนที่ดินที่จำนองให้แก่โจทก์ทั้งสี่เพียงบางแปลงเท่านั้นจำเลยทั้งสี่จึงต้องรับผิดโอนที่ดินที่จำนองแปลงที่เหลืออีก6แปลงตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมายจ.9แก่โจทก์ทั้งสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับจำนองและสิทธิในการรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย
โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัท ธ. ส่วนจำเลยทั้งสี่จดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันเพื่อการชำระหนี้และค่าอุปกรณ์ การที่โจทก์ทั้งสี่ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้เอาจากกองทรัพย์สินของบริษัท ธ. ลูกหนี้ผู้ล้มละลายและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เมื่อบังคับจำนองได้เงินชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเพียงใด มูลหนี้ที่โจทก์ทั้งสี่ขอรับชำระในคดีล้มละลายก็ลดลงตามนั้น คำสั่งศาลชั้นต้นที่ได้อนุญาตให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับชำระหนี้ดังกล่าว มีผลเพียงให้โจทก์ทั้งสี่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามจำนวนที่ยื่นขอเท่านั้นหากไม่ให้โจทก์ทั้งสี่ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว ก็จะทำให้โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต้องเสียหายและเป็นการลบล้างอำนาจเจ้าหนี้ที่มีอยู่
การที่โจทก์ทั้งสี่ขอรับชำระหนี้ และศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของบริษัท ธ. ลูกหนี้ผู้ล้มละลาย จึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสี่ไม่ประสงค์จะบังคับเอาแก่ที่ดินตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.9 อีกต่อไป แม้โจทก์ทั้งสี่จะได้ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ไถ่ถอนที่ดินที่จำนองคืนไป 1 แปลงแล้วก็ตาม ก็เป็นเพียงการรับชำระหนี้บางส่วนจากจำเลยทั้งสี่เท่านั้น โจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นคู่สัญญาจึงต้องผูกพันตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.9เมื่อจำเลยทั้งสี่เพิ่งโอนที่ดินที่จำนองให้แก่โจทก์ทั้งสี่เพียงบางแปลงเท่านั้น จำเลยทั้งสี่จึงต้องรับผิดโอนที่ดินที่จำนองแปลงที่เหลืออีก 6 แปลง ตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.9 แก่โจทก์ทั้งสี
of 55